22 ปี พอดิบพอดี ที่ “โปลิศ เทโร เอฟซี” หรือในชื่อเก่า บีอีซี เทโร ศาสน สโมสรยักษ์หลับที่เต็มไปด้วยอดีตอันยิ่งใหญ่ของเมืองไทย ที่ไต่อันดับ วนเวียนอยู่ในลีกสูงสุดของเมืองไทยมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งลีกฟุตบอล เมื่อปี 1996 เป็นต้นมา
พวกเขาเคยได้แชมป์ลีกสูงสุด ถึง 2 สมัย พวกเขาเคยไปไกลถึงรองแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาเคยคว้าแชมป์ โตโยต้า ลีก คัพ มาแล้ว พวกเขาสรรค์สร้างนักเตะที่ก้าวขึ้นไปติดทำเนียบนักฟุตบอลทีมชาติไทยมากมาย พวกเขาเคยดิ้นรนหนีการตกชั้น แต่ก็ผ่านมันไปได้พวกเขาไม่เคยตกชั้น และเป็นทีมเดียวที่อยู่รอดมาตั้งแต่การแข่งขันฤดูกาลแรกจนถึงปัจจุบัน ทว่าซีซั่นนี้ ทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไป เพราะพวกเขากำลังอยู่ในอาการโคม่าอีกครั้ง

"จับมือเดินไป ไต่ตามโค้งฝัน ร้อยใจเรียงเคียงกัน ฝันเคียงกาย หลอมวิญญาณรวมกัน ใจผูกพันมิหน่าย ตราบดินฟ้ามลาย... แด่ใจมังกร"
4 คู่แข่งสุดท้าย วัดลมหายใจของมังกรโล่เงิน เรียกได้ว่า “หนักเอาการ” เริ่มจากการบุกเยือน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่กำลังไล่ล่าทริปเปิ้ลแชมป์ และต้องการเก็บสามแต้มทุกนัดที่เหลือ เพื่อสร้างสถิติทำแต้มสูงสุด ตามด้วย เล่นในบ้านพบกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่ก็หนีตกชั้นอยู่เหมือนกัน ก่อนจะบุกเยือนราชนาวี และปิดท้ายด้วยการเล่นในบ้านพบกับ พีที ประจวบ เอฟซี“ไม่ใช่แค่ 5-7 แต้มเท่านั้น ที่พวกเขาต้องการในสี่เกมสุดท้าย แต่มันต้องมองไปถึง 9-10 แต้มเป็นอย่างน้อยเลยทีเดียว”
ทว่า นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายที่ท้าทายเหลือเกิน เพราะความจริงนั้น พวกเขาเพิ่งแพ้คาบ้านต่อทีมที่ตกชั้นไปแล้วอย่าง แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี 2-3 และเป็นการแพ้สามนัดติดต่อกันในไทยลีกเข้าให้แล้ว ในขณะที่ทีมหนีตกชั้นด้วยกัน ต่างก็เก็บแต้มได้เกือบทั้งหมด ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้ง บางกอกกล๊าส เอฟซี, ราชบุรี มิตรผล เอฟซี, สุพรรณบุรี เอฟซี รวมถึง สุโขทัย เอฟซี ด้วย ข้อเสียอย่างหนึ่งของ “มังกรโล่เงิน” ในซีซั่นนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเฮ้ดโค้ชบ่อยครั้งจนเกินไป ซึ่งทำให้ความสมดุลของทีมค่อยๆ ลดลง จนสูญเสียมาตรฐานในการเล่น เริ่มจาก สกอตต์ คูเปอร์ - รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค - ธชตวัน ศรีปาน และกลับมาที่ “โค้ชอ้น” รังสรรค์ อีกครั้ง
“ตราบดินฟ้ามลาย แด่ใจมังกร”
“จอน”