ไทยลีก 2018 เหมือนจะปิดฉากจบฤดูกาลไปแล้ว หลังบุรีรัมย์ ชูถ้วยแชมป์สมัยที่ 6 ไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ความน่าสนใจต่างๆ ก็เริ่มลดน้อยลง แต่ยังมีหนึ่งสิ่งที่ยังน่าสนใจและต้องติดตามกันอยู่กับอันดับ 3 ในตารางคะแนนว่าจะเป็นใคร และมันจะส่งผลอะไรบ้างกับทีมทีมนั้น
ตอนนี้แชมป์กับรองแชมป์ได้บทสรุปไปเรียบร้อยแล้ว ก็คือบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 6 และทรู แบงค็อก กับการคว้ารองแชมป์อีกซีซั่น ของพวกเขา สองทีมนี้จะได้สิทธิ์ไปเตะฟุตบอลเอเอฟซี ชปล. 2019 โดยทีมสายฟ้า ได้เล่นรอบสุดท้ายอัตโนมัติ ส่วนแข้งเทพต้องไปเพลย์ออฟรอบสองเหมือนเดิม ขณะที่อีกหนึ่งโควต้าจะเป็นของแชมป์บอลถ้วยเอฟเอ คัพ ระหว่างบุรีรัมย์ กับ สิงห์ เชียงราย ซึ่งถ้าทีมกว่างโซ้ง ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จพวกเขาก็จะได้ไปแก้มือกับบอลเอเชียอีกครั้ง แต่ถ้าพลาดท่าเสียแชมป์ให้ทีมเซราะกราว ความมันส์ก็จะบังเกิด เพราะสิทธิ์ของแชมปืบอลถ้วยจะตกไปเป็นของอันดับ 3 ในลีกทันที ซึ่งตอนนี้มีเอี่ยวกันอยู่ 4 ทีม ประกอบด้วย อันดับ 3 อย่างเอสซีจี เมืองทองฯ มีอยู่ 57 คะแนน,อันดับ 4 อย่างการท่าเรือ มี 55 คะแนน ,อันดับ 5 อย่าง สิงห์ เชียงราย และ อันดับ 6 พีที ประจวบ มีอยู่ 53 คะแนนเท่ากัน ในรายของกว่างโซ้ง คงไม่สนใจกับอันดับสามในลีกเท่าไหร่ คงไปลุ้นเต็มที่กับถ้วยเอฟเอ คัพ เพราะถ้าได้แชมป์ก็ได้เพลย์ออฟทันที และอีกอย่างก็จะเป็นการตัดความหวังของทีมที่เหลือไปด้วย ซึ่งเท่ากับว่ามันแทบจะไม่มีความหมายอะไรที่แย่งอันดับสามกัน ส่วนทีมอย่างประจวบ มาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าสุดยอดและเซอร์ไพรส์มากๆ แล้ว คงไม่ได้หวังถึงไปเตะบอลเอเชียอะไรขนาดนั้น อีกอย่างคะแนนก็ถือว่าลุ้นยากอยู่พอสมควร ดังนั้นตอนนี้สองทีมที่ขับเคี่ยวลุ้นพื้นที่อันดับสามจริงๆ จังๆ ก็คงจะมีแค่ 2 ทีม นั่นคือกิเลนผยอง กับ สิงห์เจ้าท่า ซึ่งนอกจากจะต้องการโควต้าไปเพลย์ออฟฟุตบอลเอชียแล้ว การได้อันดับสามยังอาจจะบอกถึงอนาคตหน้าที่การงานของกุนซือทั้งสองทีมด้วย

ดูแล้วแนวโน้มและภาษีของทีมกิเลนผยองนั้นดูดีกว่า และก็สามารถกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้ ดังนั้นเป็นไปได้ว่าฤดูกาล 2019 เซอร์เด็จ อาจจะต้องเตรียมหางานใหม่ และการท่าเรือ เองก็คงต้องเตรียมกากุนซือคนใหม่ไว้รอเช่นกัน
มูซาชิ