logo-heading

พลุหลากสีนานับร้อยนับพันลูกได้พุ่งลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือสนาม ช้าง อารีนา ณ จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเกมที่เจ้าบ้าน ถล่ม พัทยา ยูไนเต็ด 3-0 ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของ “แสงสีเสียง” ที่ส่งให้แฟนบอลของ “ปราสาทสายฟ้า” ได้ฉลองแชมป์กันอย่างสุดเหวี่ยง เมื่อทีมรักของพวกเขา ประกาศศักดาคว้าแชมป์ไทยลีก สมัยที่ 6 ในรอบ 8 ปี

มากกว่าความเป็นแชมป์ : ชัยชนะที่แท้จริงของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นอกจาก การเป็นแชมป์ ไทยลีก 6 สมัย ในรอบ 8 ปี แล้ว พวกเขายังเตรียมตัวสร้างประวัติศาสตร์กวาดแต้มในลีกสูงสุดได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์อีกด้วย หากชนะในอีก 2 เกมที่เหลือต่อ แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี และ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ก็จะทำให้มีทั้งหมด 87 แต้ม ทำลายสถิติเก่าของตัวเองที่ 86 แต้ม เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมานี่เอง ผ่านไป 32 เกม ตัวเลขในตารางคะแนนบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า “แชมป์เซราะกราว” ควรค่าแก่การเป็นแชมป์ทุกประการ เมื่อพวกเขาชนะถึง 26 เกม เสมออีก 3 และ แพ้อีกแค่ 3 นัด โดยเป็นทีมที่เก็บชัยชนะได้มากที่สุด และยิงประตูได้มากที่สุด 71 ประตูด้วย แถมยังเสียน้อยที่สุดของลีกอีกต่างหาก ที่จำนวน 23 ประตู ทำให้มีผลต่างประตู ได้-เสีย บวกเกือบครึ่งร้อยไปแล้ว (+48 ประตู)

“นั่นคือชัยชนะของพวกเขาบนตารางคะแนน”

ออกจากตารางคะแนน มาดูกันที่อันดับดาวซัลโว ก็เป็นกองหน้าของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีกนั่นแหละ ที่นำโด่งอยู่ นั่นคือ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ ที่จำนวน 31 ประตู และขาดอีกเพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น ก็จะทำประตูได้ครบร้อยลูกในไทยลีก ทั้งที่เล่นมาเพียงซีซั่นที่ 4 เท่านั้น ซึ่งปี 2016 เจ้าตัวก็เจ็บไปเกือบครึ่งปีด้วยซ้ำ นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องซูฮกมากๆ เลยคือ การผลักดันดาวรุ่งขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ ที่ไม่ใช่แค่การซัพพอร์ตทีมเท่านั้น แต่ยังเป็นนักเตะที่ยึดตัวจริงได้เลย และเล่นได้แบบไม่คิดว่า เป็นเด็กที่มีวัยเพิ่งสัมผัสเลขสองทั้ง สุภโชค สารชาติ (20 ปี), รัตนากร ใหม่คามิ (20 ปี) รวมถึง ศุภชัย ใจเด็ด ที่เด็ดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่มีอายุยังไม่เต็ม 20 ปีด้วยซ้ำ และอีกหนึ่งราย นั่นคือ สุดยอดวันเดอร์คิด “ศุภณัฎฐ์ เหมือนตา” เด็กหนุ่มน้อยวัย 15 ปี เศษ ที่ลงสนามมาพังสถิติการลงสนามด้วยอายุที่น้อยที่สุดในไทยลีก และเป็นนักเตะที่อายุน้อยสุดที่สามารถทำประตูได้ในศึกไทยลีกอีกด้วย มากกว่าความเป็นแชมป์ : ชัยชนะที่แท้จริงของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และที่สำคัญที่สุด ที่ผมยกให้เป็นดาวรุ่งแห่งปีของซีซั่นนี้ได้เลย นั่นคือ “เจ้าพี” ศศลักษณ์ ไหประโคน อีซ้ายจากประโคนชัย ที่ปั้นแต่งตัวเองให้กลายเป็นดาวอีกหนึ่งดวงที่คอนจรัส และติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ได้อย่างไม่มีใครสงสัยไปแล้ว ในวัยเพียงแค่ 22 ปีเท่านั้น หลังจากโชว์ฟอร์มสุดยอด เล่นได้ทั้งกราบซ้าย และกราบขวา, วิงแบ็คซ้าย และวิงแบ็คขวา รวมถึงกองหน้า หรือหน้าต่ำก้เล่นได้ ซึ่งลูกยิงส่ายเห็นๆ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คงตอบโจทย์ได้ดีว่า ทำไม ใครๆ ก็ต้องยอมรับในตัวเจ้าพี อันที่จริง นอกจาก ดิโอโก้ และเหล่าลูกเจี๊ยบแล้ว นักเตะของบุรีรัมย์ชุดนี้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นต่างชาติ หรือคนไทย ต้อง ยอมรับเลยว่า พวกเขาอยู่ในฟอร์มการเล่นที่เสถียรมากๆ และพีคกันสุดๆ ไล่มาตั้งแต่ผู้รักษาประตู ทั้ง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, พรรษา เหมวิบูลย์, ชิติพัทธ์ แทนกลาง, จักรพันธ์ แก้วพรม, กรกช วิริยะอุดมศิริ ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่ติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ รวมไปถึง อันเดรส ตูเญซ และ ยู จุน ซู สองโควตาต่างชาติที่ก็ยอดเยี่ยมในทุกโอกาสที่ได้ลงสนาม รวมถึงตัวซัพพอร์ตที่ม้านั่งสำรองทุกคนเลยด้วย

“และนี่คือ ชัยชนะของหมากในกระดาน ที่พร้อมทำเพื่อให้ทีมเป็นแชมป์อย่างแท้จริง”

แต่อีกหนึ่งชัยชนะที่เหนือกว่าทีมอื่น ที่ผมได้เห็นกับตา ตั้งแต่เริ่มซีซั่นจนถึงเกมนัดล่าสุด นั่นคือ การที่พวกเขามีแฟนบอลจำนวนมาก หรือมีผู้เล่นหมายเลข 12 ที่ชาวปราสาทสายฟ้าเรียกกันว่า “GU12” นั้น กว่า 2-3 หมื่นคนในทุกเกมที่มีความหมาย “หรืออย่างน้อยที่สุด ก็มี 8-9 พัน มากกว่าความจุของหลายสนามในศึกไทยลีกด้วยซ้ำ” มากกว่าความเป็นแชมป์ : ชัยชนะที่แท้จริงของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 35,537 คน คือ จำนวนผู้ชมมากที่สุดตลอดกาลเท่าที่เคยมีบันทึกไว้ ในลีกสูงสุดของเมืองไทย ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในเกมถล่ม พัทยา ยูไนเต็ด 3-0 ก่อนรับด้วยแชมป์ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าผู้ชมในอีก 8 สนามรวมกันในสัปดาห์เดียวกันด้วยซ้ำไป 3.5 หมื่นคนต่อแมตช์ และกว่า 3-4 แสนคนเมื่อรวมทุกแมตช์ในบ้านตลอดทั้งปี นั่นส่งผลให้สโมสรมีความแข็งแกร่งของรากฐานหนึ่งที่มีผลต่อการสร้างสโมสรอาชีพ นั่นคือเรื่องของแฟนบอล เมื่อมีแฟนบอลที่มากพอ และแน่นหนา ก็ทำให้สโมสรมีรายได้ … ซึ่งปีล่าสุด มีรายงานข่าวว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถสร้างรายได้จากการขายเสื้อ และของที่ระลึกเข้าสโมสรมากกว่า 400 ล้านบาทด้วยกัน จากแฟนบอลทั่วทุกสารทิศที่มาเยือน ซึ่งเป็นรายได้หลักของสโมสร ที่เมื่อรวมกับรายได้จากสปอนเซอร์ (200 ล้านบาท), รายได้จากค่าบัตรผ่านประตู, การจัดอีเวนต์, การเช่าพื้นที่ และอื่นๆ ก็จะเป็นเงินทั้งสิ้นในแต่ละปีกว่า 900 ล้านบาท นอกจากผลงานที่บ่งบอกออกมาผ่านตารางคะแนน นอกจากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของผู้เล่น นอกจากการสเกาท์ติ้งนักเตะต่างชาติ และนักเตะไทย ที่ยอดเยี่ยม ใช้งานได้ทันที นอกจากการกล้าผลักดันดาวรุ่งที่วัยละอ่อน เพิ่งเตะหลักยี่สิบ อีกหนึ่งแชมป์ที่พวกเขาได้รับในซีซั่นนี้ และเป็นแชมป์ที่ทำให้รากฐานของการสร้างสโมสรอาชีพแข็งแรงที่สุด นั่นคือแชมป์ที่มาจากความสามัคคีของชาวเซราะกราว มากกว่าความเป็นแชมป์ : ชัยชนะที่แท้จริงของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

“นี่คือแชมป์เซราะกราว ที่ชาวเซราะกราวภาคภูมิใจอย่างแท้จริง”

“จอน”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline