logo-heading

ดราม่ากันยันวินาทีสุดท้ายของฤดูกาล 2018 เลยทีเดียวสำหรับศึกฟุตบอลไทยลีก หลังจากที่ บางกอกกล๊าส เอฟซี ต้องเป็นทีมสุดท้ายที่ตกชั้นสู่ลีก T2 หรือ เอ็ม-150 แชมเปี้ยนชิพ ในฤดูกาลหน้า

เบ็ดเสร็จบทสรุปกลายเป็นว่า 5 ทีมที่ต้องตกชั้นได้แก่ แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี, อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด, ราชนาวี, โปลิศ เทโร เอฟซี และ บางกอกกล๊าส เอฟซี โดยสองทีมหลัง ถือว่าเป็นทีมระดับตำนานที่ยืนยงคงกระพันในลีกสูงสุดมาอย่างยาวนาน โปลิศ เทโร เอฟซี อยู่ในไทยลีกมาเต็มๆ ตั้งแต่ฤดูกาลแรกเมื่อปี 1996 และเป็นทีมเดียวที่อยู่มาตั้งแต่แรก ที่ยังไม่เคยตกชั้น โดยมีดีกรีเป็นแชมป์ไทยลีกถึง 2 สมัย และรองแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 สมัยด้วยกัน ซึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็มาบังเกิดขึ้นในฤดูกาลนี้จนได้ บางกอกกล๊าส เอฟซี ทีมเงินถุงเงินถังประจำลีก ที่มีฐานแฟนบอล “สายคลอง” สุดเหนียวแน่น พวกเขาก็อยู่ในไทยลีกมาตั้งแต่ปี 2009 ที่ได้รับการโอนสิทธิ์การทำทีมมาจากสโมสรธนาคารกรุงไทย และหากนับจากฐานของทีมที่มาจากสโมสร “นกวายุภักษ์” แล้วหล่ะก็ พวกเขาก็ถือว่าอยู่ในไทยลีกมาติดต่อกันถึง 20 ปี เลยทีเดียว ตกได้ก็ขึ้นได้ สัจธรรมและความจริงของฟุตบอลลีกอาชีพ จากความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในอดีต (ปีนี้ บางกอกกล๊าส เข้าชิงฟุตบอลถ้วย ลีก คัพ ด้วย) นั่นก็ทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะได้เห็นน้ำตา และใบหน้าที่แสนเศร้าจากทั้งแฟนบอล ทั้งนักกีฬา และทั้งบุคลากรของสโมสร ไม่ว่าจะเป็นทีมสต๊าฟฟ์ หรือ ผู้บริหารก็ตาม เพราะจากวันแรกของซีซั่น จนถึงวันลาจากลีกสูงสุด ไม่มีใครคิดว่า สองทีมนี้จะเป็น 2 ใน 5 ของผู้ถูกเลือกที่ไม่ดีพอ

“สองไดโนเสาร์ร่วงหล่นสู่อ้อมกอดของลีกรอง นี่แหละสัจธรรมของฟุตบอลลีก เมื่อคุณไม่ดีพอ และไม่พอดี คุณก็ไม่ได้ไปต่อ แต่อีกหนึ่งสัจธรรมก็คือ “ตกได้ ก็ขึ้นได้” ถ้าหากคุณมีดีพอเกินกว่าจะอยู่ลีกรอง”

ผมเชื่อว่า นโยบายการบริหารของทั้งสองทีม จะต้องมีการตั้งเป้าไว้ว่า จะเลื่อนชั้นให้ได้แน่นอนภายใน 1 ปี เหมือนกับทีมใหญ่ๆ ที่เคยตกชั้นเพียงปีเดียวอย่าง การท่าเรือ เอฟซี หรือ แม้แต่ เพื่อนตำรวจ ก็ตาม (หากมองไปที่ทีมในเมืองนอก ยูเวนตุส เอง หรือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ผมเชียร์มานานนัก ก็เป็นอีกทีมที่ตกชั้นปีเดียวเหมือนกัน) แต่การตั้งเป้านั้น จะสำเร็จได้ ก็ต้องดูที่วิธีการที่จะทำให้เป้าหมายสำเร็จด้วย เพราะไม่ใช่แค่สองทีมนี้เท่านั้น ที่มีเป้าหมายในการเลื่อนชั้น ทีมอื่นๆ ในลีกรอง ก็มีเป้าหมายเช่นเดียวกัน การเก็บตัวผู้เล่นชั้นนำ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ถูกแฟนบอลตั้งคำถาม เพราะนี่คือส่วนสำคัญที่จะทำให้สโมสรถูกซัพพอร์ตจากแฟนบอลอยู่ และทำให้มีโอกาสเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดมากกว่าการปล่อยนักเตะออกไป บางกอกกล๊าส เอฟซี อุดมไปด้วยนักเตะดีกรีทีมชาติไทย มากมาย ทั้ง ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ฯลฯ ซึ่งหากพวกเขาเก็บตัวผู้เล่นระดับท็อปเหล่านี้ไว้ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้ในปีเดียว ตกได้ก็ขึ้นได้ สัจธรรมและความจริงของฟุตบอลลีกอาชีพ “มังกรโล่เงิน” โปลิศ เทโร เอฟซี ก็เช่นเดียวกัน พวกเขามีขุนพลที่ดีพร้อมมากมาย อาทิเช่น อ่อง ธู สตาร์ทีมชาติเมียนมา และนักเตะดีกรีทีมชาติไทยอีกหลายคน ทั้ง นพพล พลคำ, นิรันดร์ มีมาก, สันติภาพ จันทร์หง่อม, นนท์ ม่วงงาม, มงคล ทศไกร เป็นต้น ถ้าเก็บตัวได้ สัก 70-80% จากทั้งหมด ก็น่าจะส่งผลต่อผลงานที่ดีอยู่แล้ว ในลีกรอง และอีกอย่าง ที่ต้องเก็บไว้เลยนั่นคือ “เฮ้ดโค้ชลูกหม้อ” ทั้ง รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค (โปลิศ เทโร เอฟซี) และ อนุรักษ์ ศรีเกิด (บางกอกกล๊าส เอฟซี) ที่เป็นสองกุนซือคนรุ่นใหม่ ที่มีดีกรี และความสามารถเพียงพอ ในการขับเคลื่อนสโมสรให้เดินหน้ากลับคืนสู่ที่ที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ตกลงไปเรื่อยๆ อย่างแน่นอน พูดง่ายๆ ก็คือ มีเป้าหมายให้ชัดเจน เปลี่ยนแปลงทีมให้พอเหมาะ เก็บนักเตะแม่เหล็กของทีมไว้ให้มากที่สุด ตั้งใจทำงานทุกระดับ มองทีละนัด มองทีละเกม สุดท้าย ผลงานก็จะมาตามวิถีความตั้งใจ

ตกชั้นได้ ก็เลื่อนชั้นได้ 1 ปี สำหรับบางคนอาจจะนาน แต่ขณะเดียวกัน ในจำนวนเวลาเท่ากัน 1 ปี สำหรับบางคนอาจจะสั้น

และมันก็อาจจะเป็นปีที่สุดวิเศษปีนึงเลยก็ว่าได้ ที่คุณจะได้เห็นความตั้งใจจริง การร่วมมือร่วมใจของสโมสรในทุกภาคส่วน ทั้งทีมงาน, นักเตะ, สต๊าฟฟ์ รวมถึงแฟนบอล ซึ่งสุดท้าย มันก็อาจจะเป็น 1 ปี ที่ลืมไม่ลงเลยทีเดียวเชียว ^^

“จอน”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline