logo-heading

อาชีพโค้ชฟุตบอลหลายคนคิดหลายคนใฝ่ฝันอยากประสบความสำเร็จ แต่มันไม่ได้สวยหรูง่ายดายเหมือนอย่างที่ใจเรานึกคิด บางครั้งบางคราวเราคิดว่าจัดตัวลงไปยัดแท็คติก อยากเล่นบอลเกมบุกบ้าระห่ำ แต่มันต้องกลับมาดูว่าพื้นฐานผู้เล่นภายในทีมพร้อมหรือไม่ในการรับมือคู่แข่ง

การวิเคราะห์ประเมินเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับฟุตบอลยุคสมัยใหม่ ถ้าหากพลาดส่งผลให้ทีมปราชัย โดนด่ายับเยินจากผู้คนทั่วสารทิศ แน่นอนละว่าคนที่กุมบังเหียนฟุตบอลทุกคนย่อมรู้ดีว่างานนี่มันเสี่ยงมาก ต่อให้โปรไฟล์ดีเลิศหรูแค่ไหน ถ้าผลงานไม่เข้าตาก็ปิ่วได้ทุกเมื่อ แวดวงลูกหนังอาเซียน มีกุนซือชั้นนำมากมายเดินทางมาหากินนับไม่ถ้วน แต่ใช่ว่าทุกครั้งจะประสบความสำเร็จกับจ็อบที่ทำ ขอบสนามหยิบยก 5 โค้ชลูกหนังชื่อเสียงโด่งดังแต่สอบตกการทำทีมชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื้อหาทุกอย่างพร้อมแล้วเลื่อนเมาท์อ่านให้ครบทุกตัวอักษรนะจ๊ะ 1.วินฟรีด เชเฟอร์ (ไทย) โปรไฟล์ดีแล้วไง! 5 โค้ชนอกคุมชาติอาเซียนผลงานไม่เปรี้ยง "พ่อหนุ่มบลูยีนส์" กุนซือที่ปลุกปั้นสโมสรเล็กๆอย่าง คาร์ลสรูห์ ขึ้นมาเป็นทีมในบุนเดสลีกา เขาคนนี้คือคนที่ช่วยให้ โธมัส เฮสเลอร์ กลับมาติดทีมชาติเยอรมนีอีกครั้ง หลังจากที่เคยหมดไฟในการเล่นฟุตบอลไปแล้ว "วินนี่" ได้รับการยอมรับในแง่ของแท็คติกฟุตบอล แต่เขามักจะเปรี้ยงปรางกับทีมเล็กและขนาดกลางเท่านั้น ทั้งเอฟซี บากู, อัล-ไอน์, อัล อาห์ลี,จาไมกา แต่เมื่อไปทำทีมสตุ๊ตการ์ท ที่มีคุณภาพกลับสอบตกสิ้นเชิง เมื่อกลางปี2011 วินนี่เซ็นสัญญารับงานคุมทีมชาติไทย พร้อมความหวังที่จะไปอยู่แถวหน้าทีมชั้นนำเอเชีย เขาเปิดตัวได้สวยจากเกมที่แพ้ออสเตรเลีย 1-2 และชนะโอมาน 3-0 แต่ดูเหมือนว่าวันเวลาที่หวานชื่นของกุนซือเยอรมันรายนี้จะมีเท่านี้ เพราะหลังจากนั้นผลงานทีมช้างศึกดร็อปลงเรื่อยๆ แถมทัวร์นาเมนต์อาเซียน คัพ ที่ตั้งความหวังไว้ที่แชมป์กลับไปพลาดท่าให้แก่สิงคโปร์ ประกอบกับการที่มีมุมมองที่ไม่ค่อยไปในทิศทางเดียวกับผู้นำวงการฟุตบอลไทยในห้วงเวลานั้น ทำให้เชเฟอร์ ต้องโบกมือลาเก้าอี้กุนซือแดนสยามในช่วงกลางปี2013 ปัจจุบัน "วินนี่" กำลังสนุกกับการทำงานโค้ชลูกหนังอีกครั้งที่ประเทศอิหร่าน กับสโมสรเอสเตกัล โดยฤดูกาลล่าสุดพาทีมจบอันดับ 3 ตีตั๋วไปเล่นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก และพายักษ์ใหญ่แห่งกรุงเตหะราน คว้าแชมป์บอลถ้วยอีก1 รายการ 2.หลุยส์ มิลล่า (อินโดนีเซีย) โปรไฟล์ดีแล้วไง! 5 โค้ชนอกคุมชาติอาเซียนผลงานไม่เปรี้ยง คงมีน้อยคนนักที่จะพูดได้ว่า "ข้าได้ลงเล่นกับยอดทีมสเปนถึง2 สโมสรอย่าง บาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด" พร้อมทั้งกวาดแชมป์เมเจอร์ไปถึง 7 รายการ เรากำลังพูดถึงหลุยส์ มิลล่า เขาคนนี้อยู่เบื้องหลังกลุ่มผู้เล่นดาวรุ่งแดนกระทิงดุ ทั้งดาบิด เด เกอา, อังเดร เอร์เรร่า, ฆวน มาต้า, อัลบาโร่ โมราต้า,โกเก้, อิสโก้,ติอาโก้ อัลคันทาร่า ฯลฯ จนประสบความสำเร็จซิวแชมป์ยูโร-21 ปี เมื่อปี2011 ทว่าความล้มเหลวในฟุตบอลโอลิมปิก ที่ลอนดอน เกมส์ 2012 ส่งผลให้ มิลล่า โดนปลดออกจากตำแหน่งไป จากนั้นกุนซือร่างเล็กก็ได้โอกาสไปทำทีมอัล จาซีร่า ในยูเออี, ยูเด ลูโก้,เรอัล ซาราโกซ่า แต่ไม่ประสบความสำเร็จเลย ดูเหมือนชื่อเสียงกำลังจะขาดหายคับคล้ายคับคลาว่าจะเป็นกุนซือตกยุค อย่างไรก็ดีเมื่ออินโดนีเซีย พ้นโทษแบนจากฟีฟ่า ทำให้บอร์ดบริหารฟุตบอลแดนอิเหนา ดึงตัว มิลล่า มาคุมทัพ ทั้งทีมชุดใหญ่และทีม23 ปี ภายใต้สัญญา 2 ปี เมื่อได้คนมีชื่อเสียง อินโดฯ ย่อมคาดหวังกับผลงานที่มันต้องดีกว่าอยู่แค่ในอาเซียนเท่านั้น แต่เมื่อถึงเวลาจึง มิลล่า ไม่สามารถเค้นความสามารถผู้เล่นภายในประเทศได้เลย ทีม23 ปีจอดป้ายรอบ 16 ทีมเอเชียน เกมส์2018, คว้าเหรียญทองแดงบอลชายซีเกมส์ 2017, ตกรอบตัดเลือกยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย แม้มิลล่า จะเป็นที่ปลื้มในหมู่แฟนบอล แต่เขากลับไม่เป็นที่ถูกอกถูกใจกับผู้นำองค์กรฟุตบอลแดนชวา และต้องพ้นไปจากตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคม 2018 3.เนโล่ วินกาดา (มาเลเซีย) โปรไฟล์ดีแล้วไง! 5 โค้ชนอกคุมชาติอาเซียนผลงานไม่เปรี้ยง กุนซือมากความสามารถผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จแวดวงลูกหนังฝอยทอง ชุดคว้าแชมป์ยู-20 ชิงแชมป์โลก 2 สมัยเมื่อปี 1989, 1991 เนโล่ วินกาดา คือผู้ช่วยที่ขบคิดวางแท็คติกร่วมกับกุนซือใหญ่ในเวลานั้น อย่าง คาร์ลอส เคย์รอซ จนปลุกปั้นรุย คอสต้า และหลุยส์ ฟิโก้ ก้าวมาเป็นสตาร์ดังระดับโลก หลังจากนั้นชื่อเสียงของ วินกาดา ก็ไปเข้าหูซาอุดิอาระเบีย ถูกดึงมาทำทีมเศรษฐีน้ำมัน และเถลิงบัลลังก์แชมป์เอเชียน คัพ ในปี 1996 จนได้รับการทาบทามให้เข้าไปเป็นกุนซือรอบโลก ทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ พี่แกตระเวณรอบจ็อบถ้วนหน้า เช่นโมร็อคโค,อียิปต์,จอร์แดน, เกาหลีใต้,จีน, อินเดีย รวมถึงอิหร่าน เมื่อโปรไฟล์เป็นรูปธรรมจับต้องได้ สมาคมมาเลเซีย ไม่รอช้าทาบทามมานั่งเก้าอี้กุนซือใหญ่ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี2017 พร้อมทั้งวางโรดแมปไว้สวยงามระยะสั้นต้องผ่านรอบคัดเลือก เอเชียน คัพ 2019 และปรับปรุงระบบโครงสร้างแข้งเยาวชนภายในประเทศใหม่หมด แต่เมื่อถึงเวลาจริงคุณภาพผู้เล่นมาเลย์ไม่ได้เป็นอย่างที่  วินกาดา คาดหวังแถมแท็คติกที่เขาใช้ไม่เหมาะสมกับนักเตะจากกัวลาลัมเปอร์เลยแม้ แต่น้อย 5 เกมในรอบคัดเลือกทีมเก็บได้แค่ผลเสมอในบ้านกับฮ่องกง นอกจากนั้นปราชัยเรียบ 4 เกม โดนเลบานอนและเกาหลีเหนือ อัดยับเยิน ผลงานที่ไม่เข้าตาบอร์ดบริหารทีมเสือเหลือง จึงจัดการยกเลิกสัญญา วินกาดา ทั้งที่ทำทีมมาแค่ 6 เดือน เพราะมีสถิติแย่คุมทีมไม่ชนะใครเลยแม้แต่เกมเดียว 4.แบรนด์ สเตนเก้ (สิงคโปร์) โปรไฟล์ดีแล้วไง! 5 โค้ชนอกคุมชาติอาเซียนผลงานไม่เปรี้ยง บุรุษในตำนานของแวดวงลูกหนังฟากฝั่งเยอรมนีตะวันออก เดิมทีเขาคือคุณครูสอนพละศึกษา  ก่อนจะขยับมาเป็นกุนซืออาชีพเต็มตัว สเตนเก้ รับจ็อบคุมทีมมาอย่างโชกโชนทั้งคาร์ล ไซส์ เจน่า, ทีมชาติเยอรมนีตะวันออก, แฮร์ธ่า เบอร์ลิน, ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค, เพิร์ธ กลอรี่, ทีมชาติโอมาน, ทีมชาติอิรัก, ทีมชาติเบลารุส โดยชื่อเสียงและโปรไฟล์เก่าๆที่สะสมมานมนาน จึงไปเข้าตาบอร์ดบริหารแดนลอดช่อง จ้างเข้ามากุมบังเหียนทีมแทน ราดอจโก อัฟราโมวิช เมื่อช่วงกลางปี 2013 เพื่อความหวังยกระดับขีดความสามารถผู้เล่นทีมเมอร์ไลออนส์ ทว่าเมื่อศักยภาพผู้เล่นของสิงคโปร์ที่ไม่ได้อยู่ในระดับแถวหน้าของเอเชีย แถมนักเตะกลุ่มเดิมๆที่ช่วยกันเป็นแชมป์อาเซียน คัพก็โรยราลงไป ไร้เงาดาวรุ่งความหวังขึ้นมาแทนที่ ปัญหาดังกล่าวส่งผลต่อ สเตนเก้ ในการทำทีมเป็นอย่างมาก จนผลงานไม่เป็นอย่างที่หวัง ตกรอบแรกอาเซียน คัพ 2014 ทั้งที่เป็นเจ้าภาพแท้ๆ จอดป้ายคัดบอลโลก 2018 โซนเอเชีย ในรอบ 2 ก่อนจะก้าวลงจากตำแหน่งในเดือนเมษายน ปี2016 ทว่าอย่างน้อยๆ สเตนเก้ ก็ยังเคยมีวันเวลาดีๆกับเมอร์ไรออนส์อยู่ไม่น้อย เพราะเขาช่วยทีมสร้างเซอร์ไพรส์บุกไปยันเสมอญี่ปุ่น ที่ไซตามะ สเตเดี้ยม 0-0  เรียกว่านี่น่าจะทำให้ใครๆจำได้ว่าเขาคือกุนซือ ผู้วางแท็คติกรถบัสไปขโมย 1 แต้มกลับออกมา ปัจจุบัน สเตนเก้ อายุ70 ปีหวนคืนวงการฟุตบอลด้วยการรับจ็อบคุมซีเรีย  ทีมเกรดบีในย่านตะวันออก และมีภารกิจลงเตะเอเชียน คัพ 2019 ในกลุ่มบีร่วมกับ ออสเตรเลีย, จอร์แดน และปาเลสไตน์ 5.ฟัลโก เกิตซ์ (เวียดนาม) โปรไฟล์ดีแล้วไง! 5 โค้ชนอกคุมชาติอาเซียนผลงานไม่เปรี้ยง ฟุตบอลจากดินแดนเยอรมนี ยังคงเป็นที่นิยมและได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วทุกมุมโลก ถึงระบบระเบียบวินัยอันดีเลิศ และวิธีการรูปแบบการขึ้นเกมจากริมเส้นและคราวนี้เวียดนามก็อยากขอลองมาใช้โค้ชจากแดนไส้กรอกดูบ้าง กลางปี 2011 ฟัลโก เกิตซ์ อดีตนักเตะไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และเอฟซี โคโลญจน์ รวมถึงเป็นกุนซือฝีมือดีในบุนเดสลีกา กับแฮร์ธ่า เบอร์ลิน ถูกดึงเข้ามารับงานในดินแดนญวน พร้อมสัญญา 2 ปี คุมทัพทั้งทีมชุดใหญ่และทีม 23 ปี เรียกว่าการมาของ เกิตซ์ เป็นข่าวฮือฮาจากผู้คนทั่วสารทิศในเวียดนามและประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงก็ว่าได้ เนื่องจากโปรไฟล์สมัยเป็นผู้เล่นและโค้ชในเมืองเบียร์ก็ไม่ธรรมดา แต่อุปสรรคเรื่องวัฒนธรรมที่แตกต่างกันทำให้ เกิตซ์ และเวียดนาม เหมือนจะไปกันไม่ได้อย่างที่หวัง ทีม 23 ปีที่มีเป้าหมายเป็นแชมป์ซีเกมส์ 2011 จบด้วยอันดับ4  แถมผลงานคัดบอลโลก 2014 โซนเอเชีย ก่อนโดนกาตาร์ อัดยับสกอร์รวมกัน 4-2 จบป้ายรอบคัดเลือก รอบ2 เท่านั้น สุดท้ายเวียดนามและ เกิตซ์  ตกลงแยกทางกันเมื่อเดือนธันวาคมปี 2011 ทั้งที่ร่วมงานกันเพียงแค่ 6 เดือนเศษๆ ปัจจุบันอายุ 56 ปี ว่างงานการคุมทีมมาร่วมๆ 2 ปีเศษหลังโดนเอฟเอสวี แฟร้งค์เฟิร์ตไล่ออกจากตำแหน่งเทรนเนอร์

เอ็มเร่

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline