logo-heading

และแล้วก็มาถึงวันชี้ชะตาแชมป์ กลุ่ม บี ของรอบแบ่งกลุ่ม ศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ระหว่าง ทีมชาติไทย ทีมอันดับที่ 121 ของโลก (ที่ 3 ของอาเซียน) ที่ต้องบุกไปเยือน ปานาอัด สเตเดียม เมืองบาโคลอด ประเทศฟิลิปปินส์ พบกับ “ดิ อัซกาลส์” ทีมชาติฟิลิปปินส์ ทีมอันดับที่ 116 ของโลก (ที่ 2 ของอาเซียน)

ใครชนะ เข้ารอบ 100 % และแทบจะการันตีแชมป์กลุ่มอย่างแน่นอน ถ้าเสมอ โอกาสการควงกันเข้ารอบมีสูง และจะทำให้ “รองแชมป์เก่า” ทีมชาติอินโดนีเซีย ตกรอบแรกทันที (ทีมชาติไทย จะมีโอกาสเป็นแชมป์กลุ่มมากกว่า เพราะประตูได้เสียดีกว่า) ใครแพ้ ก็ยังมีโอกาสเข้ารอบจากผลในเกมสุดท้าย โอเคหล่ะ แม้สุดท้ายก็อาจจะเข้ารอบทั้งคู่ แต่นี่คือเกมที่น่าดูสุดๆ เพราะหลากหลายเหตุผล ซึ่งหากคุณเป็นแฟนบอลไทยตัวจริง ย่อมไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง… สนามที่แปลกตา และความฟิตของทีมชาติไทย ช้างศึก vs ดิ อัซกาลส์ : ที่สุดของเกมน่าดูในรอบแรก อาเซียนคัพ 2018 ปัญหาข้อพิพาท ก่อนเกมเล็กน้อยที่เกิดขึ้น เมื่อ ฟิลิปปินส์ มีการเลือกใช้สนาม ปานาอัด สเตเดียม เมืองบาโคลอด ที่ต้องนั่งเครื่องต่อจากกรุงมะนิลาไป เนื่องจากสนามกีฬาแห่งชาติ กรุงมะนิลา มีการปรับปรุง เพื่อเตรียมพร้อมเป็นเจ้าภาพ มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ในปีหน้า จริงๆ ก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไรหรอก แค่การต่อเครื่องอีก 1 ครั้ง เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ เพียงแต่ช่วงก่อนการแข่งขันเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 จะระเบิดศึกขึ้น ได้มีการยกเลิกไฟล์ทบินภายในสนามบินกรุงมะนิลา ที่มีผลต่อการเดินทางของทีมชาติไทย ซึ่งทำให้ต้องพักที่กรุงมะนิลา จำนวน 1 คืนก่อน โดยเป็นการยกเลิกล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. แล้ว เพราะจะมีการปรับปรุงระบบ Air Navigational System ของสนามบินมะนิลา ซึ่งทำให้ รัฐบาลฟิลิปปินส์ ต้องสั่งให้สายการบินจัดการลดจำนวนไฟล์ทต่อวันลง แม้แต่ปลายทางจะเป็นประเทศอย่าง สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง หรือ ดูไบ ก็มียกเลิกเหมือนกัน โดยไฟล์ทจากกรุงมะนิลาไปเมืองบาโคลอดของทีมชาติไทย ก็เป็นหนึ่งในไฟล์ทที่โดนยกเลิก ส่วนทีมชาติฟิลิปปินส์ ก็มีไฟล์ทบินไปได้ เนื่องจากความเป็นเจ้าบ้าน นั่นทำให้แฟนบอลมากมายต่างคิดว่า ฟิลิปปินส์ เล่นเลห์เหลี่ยมกับทีมชาติไทยซะแล้ว เพื่อให้นักเตะ “ช้างศึก” เกิดความเพลียในการเดินทาง และไม่มีความฟิตที่ 100% เท่ากับการเดินทางมาฝึกซ้อมได้ตามแพลนที่วางไว้ ทั้งที่ความจริงแล้ว มันไม่น่าจะใช่ เนื่องจากเหตุผลทางด้านความปลอดภัยของการบิน คือ เหตุผลอันดับหนึ่งของการเดินทาง ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ การบุกเข้าไปคอมเมนต์ตามเพจของฟุตบอลอาเซียนต่างๆ จากสาเหตุดังกล่าว ก็ทำให้เกมนี้ระอุตั้งแต่นกหวีดยังไม่เริ่มต้นเป่าลมแรกออกมา...

นักเตะไทย vs นักเตะปินส์ในไทยลีก

อย่างที่ทราบกันว่า ทีมชาติฟิลิปปินส์ชุดนี้ ต่างเป็นแข้งลูกครึ่งที่มีเชื้อสายจากยุโรปเป็นส่วนใหญ่ ทั้ง เยอรมัน, สเปน, อังกฤษ, ฮอลแลนด์, ฮังการี รวมถึงในเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น และออสเตรเลียด้วย โดยทั้งหมด ต่างก็เคยผ่านการเล่นในระดับเยาวชน หรือระดับอาชีพมาจากยุโรปกันแล้วทั้งนั้น ซึ่งไม่ต่างจากการที่ทีมชาติไทย จะได้พบกับนักเตะชาวเอเชีย ที่มีสรีระเหมือนชาวยุโรปเลยทีเดียว ช้างศึก vs ดิ อัซกาลส์ : ที่สุดของเกมน่าดูในรอบแรก อาเซียนคัพ 2018 แต่ไม่ใช่แค่นั้น ไม่ใช่แค่เพียงการที่พวกเขาอุดมไปด้วยนักเตะลูกครึ่งจากยุโรปเท่านั้น แต่พวกเขายังมีนักเตะที่เคย, ยังเล่น และอนาคตเตรียมจะมาอยู่ในไทยลีกอยู่ไม่น้อย อาทิเช่น ไมเคิ่ล ฟาลเคสการ์ด (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน), ไมค์ อ็อตต์ (อดีตนักเตะอ่างทอง เอฟซี), มานูเอล อ็อตต์ (มีข่าวกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี), พาทริค ไรเชลท์ (อดีตกองหน้าของ การท่าเรือ เอฟซี), สตีเฟ่น ปัลล่า (เพิ่งเซ็นสัญญากับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) ความคุ้นชินกับนักเตะไทย, การเคยทำงานกับนักเตะไทย และ แน่นอน ถ้าพวกเขาถูกดึงตัวมาเล่นในไทยลีก นั่นก็จะทำให้พวกเขาไม่กลัวนักเตะไทย ที่แม้จะมีประสบการณ์มากกว่าในเกมระดับนานาชาติ ช้างศึก vs ดิ อัซกาลส์ : ที่สุดของเกมน่าดูในรอบแรก อาเซียนคัพ 2018 โค้ชที่ไม่ธรรมดา สเวน โกรัน อิริคส์สัน เฮ้ดโค้ชระดับโลก วัย 70 ปี กลายเป็นหลักสูตรเร่งรัดไปสู่ความสำเร็จที่ทีมชาติฟิลิปปินส์ ดึงตัวเข้ามา เขาเป็นอดีตกุนซือต่างชาติคนแรกของทีมชาติอังกฤษ (ชาวสวีเดน) ที่เคยผ่านการคุมทัพ “สิงโตคำราม” มาแล้วในทัวร์นาเมนต์ระดับโลกทั้ง ฟุตบอลโลก 2002, ยูโร 2004 และ ฟุตบอลโลก 2006 สเวน ผู้มีประสบการณ์ยาวเป็นหางว่าว ไล่ตั้งแต่การเป็นอดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษ, แมนฯ ซิตี้, เลสเตอร์ ซิตี้, เบนฟิก้า, ลาซิโอ, ฟิออเรนติน่า, ซามพ์โดเรีย, โรม่า รวมถึงทีมชาติเม็กซิโก และ ไอวอรี่โคสต์ ก่อนจะเข้ามาทำงานในลีกจีนกับ กว่างโจว อาร์แอนด์เอฟ และ เซี่ยงไฮ้ SIPG แถมเขาจะยังได้ สกอตต์ คูเปอร์ เฮ้ดโค้ชชาวสหราชอาณาจักร ซึ่งเคยคุมทีมอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด, โปลิศ เทโร เอฟซี และอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด มาเป็นผู้ช่วยอีกด้วย “ส่วนผสมที่ลงตัว ที่พวกเขามิ๊กซ์กันเพื่อการเป็นแชมป์ครั้งแรก” และนี่คือการพบกันครั้งแรกของ สเวน โกรัน อิริคสันส์ กับ มิโลวาน ราเยวัช เฮ้ดโค้ชทีมชาติไทย ที่มีดีกรีไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะเคยพาทีมชาติกานา ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2010 มาแล้วที่ประเทศแอฟริกาใต้ แทคติกระดับโลก จะพุ่งเข้าใส่กัน จาโค้ชที่มีดีกรีไม่ธรรมดาของทั้งสองฝั่ง โดยมีหมากผู้เล่นเป็นนักฟุตบอลจากดินแดนอาเซียน มันน่าดูชมไหมหล่ะ…

ใครกันที่ดีกว่า..

2-3 ปีที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์ ยกระดับทีมชาติของตัวเองขึ้นมาจนอยู่ในแรงกิ้งเข้าใกล้ท็อป 100 เข้าไปทุกที พวกเขาใช้วิธีดึงนักเตะลูกครึ่งจากยุโรปกลับมารับใช้ชาติตามสายเลือดที่มี บวกกับฟอร์มการเล่นในเกมอุ่นเครื่อง และเกมรอบคัดเลือก ฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ ที่ดี จนทำให้พวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียน ในหลายช่วงเวลาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา (ตอนนี้คือเบอร์ 2 ของอาเซียน หากเทียบจากอันดับโลก) ทว่า สิ่งที่ฟิลิปปินส์ยังขาด เพื่อเติมเต็มความเป็นคิงนั่นคือ “แชมป์” และพวกเขาก็มักจะยังถูกมองว่า แม้อันดับโลกจะดีขึ้น แต่จริงๆ แล้ว ก็ไม่ใช่ทีมที่ดีกว่า ทีมชาติไทย หรือ เวียดนาม หรือแม้แต่ ไม่ได้ดีกว่า อินโดนีเซีย หรือ มาเลเซีย ซะด้วยซ้ำ ช้างศึก vs ดิ อัซกาลส์ : ที่สุดของเกมน่าดูในรอบแรก อาเซียนคัพ 2018 ส่วนทีมชาติไทย แม้จะมีแรงกิ้งตกลงไปจนด้อยกว่า เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์ ทว่าสถิติการพบเจอกันนั้น “ช้างศึก” ก็ยังมักจะเอาชนะทีมจากอาเซียนได้อยู่ร่ำไป

ฉะนั้นเกมนี้จึงเป็นอีกเกมที่สำคัญ และพิสูจน์ว่า ใครกันแน่ ที่ดีกว่า และอันดับโลกที่ด้อยกว่า “ดิ อัซกาลส์” ของ “ช้างศึก” มันคือ ความจริง หรือ ภาพลวงตา...

“จอน”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline