logo-heading

ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ มักถูกมองว่าไม่ถูกโฉลกกับพวกนักเตะจาก อเมริกาใต้ ที่ส่วนใหญ่ มาค้าแข้งที่นี่ก็มักจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ว่าก็มีเหล่านักเตะละตินอเมริกา บางคนที่สามารถทำลายความเชื่อเหล่านี้ด้วยการเป็นสตาร์เด่นของศึก พรีเมียร์ ลีก และ วันนี้ ขอบสนาม จะมาขอจัด 12 นักเตะอเมริกาใต้ ที่ดีที่สุดของศึก พรีเมียร์ ลีก กัน

12 ปาโบล ซาบาเลต้า

ทำไม ปาโบล ซาบาเลต้า ถึงควรได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นจากแดนละตินทีดีที่สุดคนหนึ่งใน พรีเมียร์ลีก เพราะถ้าย้อนไปดูไทม์ไลน์ชีวิตของเขานี่คือผู้เล่นที่อยู่กับทีมมาก่อนที่เศรษฐีอย่าง ชีค์ มานซูร์ จะเข้ามาเทคโอเวอร์ และใช้เงินสร้างความสำเร็จ และก็สามารถยึดตำแหน่งแบ็กขวาตัวจริงมาตลอด 9 ฤดูกาลโดยที่สโมสรไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินซื้อใครเข้ามาเสียบแทนเลย เพราะเล่นได้ดีอยู่แล้ว มีลูกเล่นมากมาย, เล่นบอลฉกาจและยังมีทักษะการเล่นลูกตั้งเตะที่ดีด้วย

11 อันโตนิโอ วาเลนเซีย

ชีวิตของชายที่ชื่อ อันโตนิโอ วาเลนเซีย มีรายละเอียดมากมายเมื่อได้ย้ายมาค้าแข้งในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งเดิมทีเขาเป็นผู้เล่นในตำแหน่งปีกและก็โดดเด่นมากๆ ตอนอยู่ วีแกน และนั่นจึงทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พรากตัวมาเสริมแกร่งเมื่อปี 2009 ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แถมยังมีช่วงหนึ่งที่ได้รับโอกาสให้สวมเสื้อเบอร์ 7 ซึ่งเป็นหมายเลขตำนานของสโมสรอีกด้วย ก่อนจะเจออาถรรพ์คำสาปจนต้องสละมันทิ้งไป หลังมีฟอร์มการที่ห่วยสุดๆ และกลับไปลงเอยที่เบอร์ 25 ตามเดิม ชีวิตของ วาเลนเซีย ดูโอคขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะถูกขยับไปเล่นในตำแหน่งแบ็กขวา แต่เขาก็รับบทบาทตอนนั้นได้ดีจนตอนนี้เขาคือกัปตีนทีมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

10 จูนินโญ่ เปาลิสต้า

ดาวเตะร่างจื๋วแต่แจ๋วชาวบราซิล แม้ว่าจะไม่ได้ประสบความสำเร็จถึงขั้นคว้าแชมป์ เพราะว่าอยู่แค่ทีมหนีตายอย่าง มิดเดิลสโบรซ์ แต่ว่าก็เป็นขวัญใจของแฟนบอลที่นี่ในช่วงยุค 90 ด้วยลีลาที่ตื่นเต้นเร้าใจ ตัวเล็กนิดเดียว แต่ว่าเทคนิคเหลือร้ายเอาตัวรอดในศึก พรีเมียร์ ลีก ได้อย่างไม่มีปัญหา และแม้ว่าจะไม่สามารถช่วยทีมรอดตกชั้นได้เมื่อปี 1997 ก่อนจะย้ายไปร่วมทัพ แอตเลติโก มาดริด แต่ว่าก็กลับมาช่วยทีมอีกครั้งในช่วงปี 2000 โดยเขาเป็นอดีตเจ้าของสถิตินักเตะ บราซิล ที่ยิงประตูมากที่สุดในศึก พรีเมียร์ ลีก ก่อนจะมาโดน ฟิลิเป้ คูตินโญ่ ทำลายไป ซึ่งตัวของ จูนินโญ่ เอง ก็เป็นเหมือนผู้บุกเกิดให้นักเตะ บราซิล ทยอยกันมาค้าแข้งในศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เลยก็ว่าได้

9 ออสการ์

แฟน ๆ เชลซี น่าจะจดจำเขาได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะจบกับทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” ไม่สวย เพราะว่าไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ แต่ว่าช่วงที่เขาอยู่กับ เชลซี ออสการ์ คือตัวหลักของทีม ได้ลงสนามเกือบจะทุกนัดตลอด 4 ปีครึ่งที่ค้าแข้งในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก 1 สมัย โดยเขาเหมือนกับว่าเข้ามาสานต่อ แฟรงค์ แลมพาร์ด ตำนานของทีมที่สภาพร่างกาย เริ่มโรยราไปตามวัย โดย เขาลงสนามในศึก พรีเมียร์ ลีก ไปทั้งสิ้น 203 นัด ยิงได้ 38 ประตู

8 ดาวิด ลุยซ์

ปราการหลังหัวฟู นั้นก้าวเข้ามาเป็นตัวหลักของ เชลซี อย่างรวดเร็วทันทีที่ย้ายมาจาก เบนฟิก้า ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ เมื่อเดือน มกราคมปี 2011 โดยเขามีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2012 โดยแม้ว่าจะออกจาก เชลซี ไปช่วงหนึ่งเมื่อโดน โชเซ่ มูรินโญ่ ขายไปให้กับ เปแอสเช ด้วยค่าตัว 50 ล้านยูโร เป็นสถิติโลกของกองหลังในชั่วโมงนั้น แต่หลังจากที่ประสบความสำเร็จมากมายในฝรั่งเศส เขาก็กลับคืนทีมอีกครั้งในยุคของ อันโตนิโอ คอนเต้ และก็มีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ในฤดูกาล 2016/17 และติดทีมยอดเยี่ยมของ พีเอฟเอ โดยแม้ว่าปีก่อนเขาจะหลุดจากทีมของ คอนเต้ ด้วยปัญหาสภาพร่างกาย และเหมือนว่าจะมีปัญหากับ คอนเต้ จากข่าวที่ออกมา แต่ว่าพอ คอนเต้ ออกจากทีม เขาก็กลับมาเป็นตัวหลักของทีมอีกครั้งในซีซั่นนี้ภายใต้การคุมทัพของ เมาริซิโอ ซาร์รี่

7 ฮาเวียร์ มาสเคราโน่

กองกลางจอมขยันพันธุ์ดุสู้ฟัดกัดไม่ปล่อย เริ่มต้นในพรีเมียร์ ลีก ไม่ค่อยดีเท่าไหร่กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แต่ว่าหลังจากที่ได้ย้ายมาร่วมทัพ ลิเวอร์พูล เขาก็กลายเป็นกำลังสำคัญของทีม และเป็นกลางรับที่โหดที่สุดคนหนึ่งของ พรีเมียร์ ลีก และของวงการ เขาช่วยให้ทีม “หงส์แดง” เกือบคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก เมื่อปี 2009 และหลังจากที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดช่วงเวลา 4 ซีซั่นกับสโมสร เขาก็ได้ย้ายไปร่วมทัพ บาร์เซโลน่า ในปี 2011 และก็ประสบความสำเร็จมากมายกับ บาร์ซ่า ในเวลาต่อมา

6 แฟร์นันดินโญ่

แม้ว่าจะไม่ได้เป็นนักเตะที๋โดดเด่น ไม่ได้ยิงประตูได้มากมาย แต่การมี แฟร์นันดินโญ่ ลงสนามทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นครองเกมแดนกลางเหนือกว่าคู่แข่งแทบทุกนัดเมื่อมีดาวเตะชาวแซมบ้าคอยคุมจังหวะเกม นอกจากจะผ่านบอลสั้นได้ดี เขายังมีทีเด็ดจากการยิงไกลยามที่ทีมต้องการ แต่ว่าที่เป็นจุดเด่นที่สุดของ แฟร์นันดินโญ่ ก็คือเขารักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ในแต่ละปี เขาจะได้ลงสนามอย่างน้อยต้องมี 40 นัดขึ้นไปรวมทุกรายการ และก็มีส่วนสำคัญในการประสบความสำเร็จของทีม​”เริอใบสีฟ้า” รวมถึงการคว้าแชมป์ลีกด้วยสถิติ 100 คะแนน เมื่อปีก่อน ซึ่งเป็นสถิติที่ยากต่อการทำลายเป็นอย่างยิ่ง

5 ฟิลิเป้ คูตินโญ่

แม้ว่าจะไม่ได้แชมป์อะไรเลยในการย้ายมาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ตลอด 6 ซีซั่น ที่ค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ แต่ว่า ตัวของ คูตินโญ่ ก็ได้ยกระดับจากการเป็นดาวรุ่ง สู่การเป็นแข้งที่น่าจับตามองมากที่สุดว่าจะขึ่้นชั้นมาเป็นนักเตะระดับโลกได้ ด้วยสไตล์การเล่นท่ีตื่นเต้นเร้าใจมีลูกยิงไกลเป็นอาวุธ ผสมด้วยการเลี้ยงบอลสไตล์แซมบ้า ทำให้ทีม “หงส์แดง” มีเกมรุกที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด ก่อนที่สุดท้ายจะย้ายตามฝันไปร่วมทัพ บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัว 145 ล้านยูโร พร้อมกับฝากสถิติเป็นนักเตะ บราซิล ที่ยิงประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ ลีก อีกด้วย

4 จิลแบร์โต้ ซิลวา

การคว้าแชมป์ไร้พ่ายของ อาร์เซน่อล หลายคนจะไปจดจำที่ เธียร์รี่ อองรี ดาวยิงจอมถล่มประตู หรือจะเป็นจอมแอสซิสต์อย่าง โรแบร์ ปิแรส แม้กระทั่งกัปตันทีมจอมแกร่งอย่าง ปาทริค วิเอเร่า แต่ว่าคนที่ทำให้พวกสตาร์ดัง ๆ เหล่านี้เล่นได้อย่างโดดเด่นมากขึ้นก็คือ จิลแบร์โต้ ซิลวา กองกลางชาวบราซิล ที่เหมือนทำหน้าที่ปิดทองหลังได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนอาร์เซน่อล ชุดนั้นได้ชื่อว่าเป็นทีมชุดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของศึก พรีเมียร์ ลีก โดย จิลแบร์โต้ ค้าแข้งในศึก พรีเมียร์ ลีก ทั้งสิ้น 6 ซีซั่นลงสนามไปทั้งสิ้น 170 นัด ด้วยกัน และถึงตอนนี้เวลาผ่านไปกว่าสิบปี อาร์เซน่อล ก็ยังไม่สามารถหากองกลางตัวปิดทองหลังพระขั้นเทพได้ แบบซิลวา หรือหาแบบใกล้เคียงยังยากเลยด้วยซ้ำ

3 คาร์ลอส เตเวซ

ดาวเตะ อาร์เจนไตน์ กลายเป็นศูนย์กลางความขัดแย้งของเมือง แมนเชสเตอร์ ด้วยการหักดิบย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ย้ายไปร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยเขาประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก กับทีม “ปีศาจแดง” สองสมัย รวมถึงแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนที่จะมาเป็นกำลังสำคัญที่ฝั่งสีฟ้าของ เมืองแมนเชสเตอร์ เขามีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก เมื่อปี 2012 รวมทั้งคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ ลีก มาครองได้ในฐานะนักเตะของทีม “เรือใบสีฟ้า” และเป็นนักเตะที่เบิกยุคทองของทีมอย่างแท้จริง รวมถึงเป็นข้อพิสูจน์ว่า กองหน้าจาก อเมริกาใต้ ก็สามารถยิงกระจุยในศึก พรีเมียร์ ลีก ได้เช่นกัน

2 หลุยส์ ซัวเรซ

ก้าวเข้ามาเป็นขวัญใจของแฟน ๆ ลิเวอร์พูล ได้อย่างรวดเร็ว ในฐานะตัวแทนของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ฟอร์มอันร้อนแรงของ คิงหลุยส์ เป็นเหมือนหยาดน้ำทิพย์ชโลมจิตใจที่เจ็บปวดของแฟนบอล ที่ต้องเสีย ตอร์เรส ให้กับ เชลซี เพราะว่าเขาใช้เวลาไม่นาน ก็กลายมาเป็นจอมถล่มประตูแห่งศึก พรีเมียร์ ลีก แม้ว่าจะมีเรื่องฉาวนอกเกมที่ไปเหยียดผิว ปาทริซ เอวร่า หรือจะเป็น การกัด บรานิสลาฟ อิวาโนวิช แต่ถ้าพูดถึงฝีเท้า ต้องบอกว่า ซัวเรซ คือของจริง โดยเฉพาะในฤดูกาล 2013-14 ที่เขาระเบิดฟอร์มสุดยอดตะบันไป 31 ประตู คว้าดาวซัลโวของลีก กวาดรางวัลส่วนตัวทุกรางวัลในเกาะอังกฤษ แต่ก็น่าเสียดายที่มันไม่ดีพอให้ทีม “หงส์แดง” คว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ในปีนั้น จากการโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปาดหน้าไปอย่างน่าเสียดาย

1 เซร์คิโอ อเกวโร่

นับตั้งแต่ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด มาค้าแข้งที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อ 7 ปีก่อน อเกวโร่ ก็ลบทุกคำสบประมาทว่าพวกกองหน้าจาก ลา ลีกา ยิ่งเป็นพวกอเมริกาใต้ ไม่สามารถเล่นในพรีเมียร์ ลีก ได้อย่างแน่นอน เพราะเขายิงกระจุยตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาที่ถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม และก็คว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ไปครองจากประตูใส่ ควีนสปาร์ค ในช่วงทดเจ็บของนัดสุดท้ายซีซั่นนั้น จากนั้นเขาก็ซัดประตูเรื่อยมาชนิดมาตรฐานไม่มีตก อาจจะมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่เรื่อย ๆ แต่เมื่อหายเจ็บกลับมาเมื่อไหร่ก็ยิงเมื่อนั้น โดยตอนนี้เขากลายเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของ สโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งยังยิงในพรีเมียร์ ลีก ไปมากกว่า 150 ประตู พร้อมค่าเฉลี่ยการทำประตูที่ดีที่สุดในบรรดาดาวซัลโวตลอดกาลของ ลีก อังกฤษอีกด้วย
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline