logo-heading

อีกไม่กี่ชั่วโมงของวันนี้ ทีมช้างศึกก็จะลงฟาดแข้งรอบรองชนะเลิศซูซูกิ คัพ นัดแรกกับ "เสือเหลือง" มาเลเซีย ที่สนามบูกิต จาลิล สนามที่มีมนต์ขลังมากที่สุดในอาเซียน ที่สำคัญไทยไม่เคยบุกไปเอาชนะที่สนามแห่งนี้ได้เลย

ทุกครั้งที่ทีมชาติไทย มีคิวจะต้องยกพลบุกไปเยือนถิ่น "เสือเหลือง" มาเลเซีย โดยเฉพาะที่ "บูกิต จาลิล" แห่งนี้ ทีมชาติไทยไม่เคยบุกไปเอาชนะได้เลยในอาเซียน คัพ ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะเหตุอันใด ทั้งๆ ที่ทุกชาติในอาเซียน ไทยบุกไปเยือนก็เคยเอาชนะมาได้ทุกทีม แต่ไม่ใช่กับมาเลเซีย แสดงว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง เพราะถ้าว่ากันตามจริง เทียบฟอร์มของนักเตะตัวต่อตัว บอกเลยไทยกินขาด เตะสนามกลางดูแล้วช้างศึกเอาชนะได้สบายๆ ยิ่งมาเลย์ชุดนี้ เท่าที่ดูมา 4 เกมในรอบแรกก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลย แต่ที่มันน่ากลัวก็คือการมาเล่นเป็นทีมเยือนที่บูกิต จาลิล นี่แหละ และทุกครั้งที่มาเตะสนามแห่งนี้ จะต้องมีคนพูดถึงบรรยากาศการเชียร์ในสนาม จะต้องมีคนไปสัมภาษณ์นักเตะที่เคยเล่นที่นี่มาแล้ว มาเล่าประสบการณ์ความน่ากลัว หรือความตื่นเต้นกับบรรยากาศในสนามแห่งนี้ ถ้าให้เห็นภาพสำหรับคนชอบดูบอลนอก อารมณ์คล้ายๆ กับเมื่อก่อนที่ทีมในยุโรปเวลาไปเยือนสนามอาลีซามีเยน ของกาลาตาซาราย ในตุรกี ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนรกทีมเยือนแห่งยุโรป ยังไงยังงั้น ที่บูกิต จาลิล ก็เช่นกัน "มันคือนรกทีมเยือนในอาเซียน" อย่างแท้จริง หากเรายกเรื่องความจุ มนต์ขลังต่างๆ ออกไป สนามบูกิต จาลิล ถือว่าเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และมีความสวยงามและคลาสสิคที่สุดด้วย ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งภายในและภายนอก มันสะท้อนความเป็นมาเลเซียได้อย่างชัดเจน 5 เหตุผล! บูกิต จาลิล มีดีอะไร? ทำไมทีมชาติไทยถึงไม่เคยบุกชนะ!! มีกลิ่นอายของความเป็นแขก และความทันสมัยควบคู่กัน เสมือนกับประชาชนในมาเลเซีย ก็มีหลายเชื่อชาติอยู่ร่วมกัน ภายในสนามก็ตกแต่งอย่างสวยหรูอลังการ ในอาเซียนนอกจากบูกิต จาลิล แล้วอีกหนึ่งสนามที่โหดไม่แพ้กันก็คือเสนายัน หรือ เกโลร่า บังการ์โน่ ของอินโดนิเซีย แต่ช่วงหลังมานี้เราไม่ได้ไปเตะที่นั้นมานานแล้ว แต่มันก็มีความสวยงามและคลาสสิคไม่แพ้ที่มาเลเซีย อีกสนามที่ขึ้นหน้าขึ้นตาของอาเซียน ก็คือที่สนามกีฬาแห่งชาติ สปอร์ต ฮับ ของสิงคโปร์ ที่เป็นสนามกีฬาที่ไฮเทคที่สุดในอาเซียน หลังคาเปิดปิดได้ ภายในสวยหรู มาตรฐานเทียบเท่าระดับจัดบอลโลก ส่วนของไทย ก็หวังว่าสักวันจะมีสนามฟุตบอลที่สวยหรู ไฮเทคเหมือนเขาบ้าง "เอาว่าตอนนี้ทาสีด้านนอกราชมังฯ หรือติดเป็นแผ่นกระจกเงาให้มันดูมีอะไรหน่อยก็ยังดี ทุกวันนี้มองด้านนอกเหมือนยังสร้างไม่เสร็จ บ่องตง" เอาละเดี๋ยวจะนอกเรื่องไปใหญ่ มาเข้าเรื่องของวันนี้กันดีกว่า ไปดูว่าทำไมหนอ "บูกิต จาลิล" มันมีดีอะไร ทำไมทีมชาติไทยถึงไม่เคยเอาชนะได้สักที

1.ความจุเรือนแสน

5 เหตุผล! บูกิต จาลิล มีดีอะไร? ทำไมทีมชาติไทยถึงไม่เคยบุกชนะ!! ด้วยความเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน แต่ก่อนจุเป็นแสน ตอนนี้พอติดเก้าอี้เข้าไปทุกที่นั่งความจุอยู่ที่ 87,411 คน ซึ่งก็โคตรเยอะอยู่ดี ใหญ่กว่าสนามราชมังฯ อีกเท่าตัว ลองคิดดูถ้าใครเคยไปเชียร์บอลที่ราชมังฯ แบบแฟนบอลเต็มสนามมันก็สุดยอดมากๆ แล้ว นี่เติมเข้าไปอีกเท่านึง ไม่ต้องคิดเลยว่าบรรยากาศมันจะดุเดือดขนาดไหน นั่นจึงเป็นสิ่งที่นักเตะไทยหม่ค่อยได้เจอแฟนบอลเยอะๆ แบบนี้เท่าไหร่ ส่วนมาเลเซีย แฟนบอลเขาเยอะแบบนี้อยู่แล้ว ในบอลลีก บอลสโมสรก็เยอะแบบนี้ และเมื่อแฟนบอลเข้ามาเต็มสนามคุณจะมองเห็นแค่ว่าทุกอย่างในสนามแห่งนี้มันมีแต่สีเหลืองกับสีดำเท่านั้น

2.บรรยากาศวันแข่ง

5 เหตุผล! บูกิต จาลิล มีดีอะไร? ทำไมทีมชาติไทยถึงไม่เคยบุกชนะ!! ต่อเนื่องมาจากที่แฟนบอลเข้ามาเยอะเรือนแสนคน แน่นอนบรรยากาศในสนามมันจะอื้ออึง ฟังอะไรไม่รู้เรื่อง เหมือนกับที่นักเตะที่เคยคว้าแชมป์ซูซูกิ คัพ 2014 เคยบอกไว้ว่า ขนาดยืนอยู่ติดๆ กัน จะพูดอะไรกันในสนามยังไม่รู้เรื่องเลย ยิ่งโค้ชจะสอนอะไรจะวางแท็คติกอะไรต้องให้จบในห้องแต่งตัว ในสนามคุณแทบทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากออกมายืนกดดัน หรือเป็นกำลังใจให้นักเตะและใช้การชี้โบ๊ชี้เบ๊เอาเท่านั้น ไม่ต้องตะโกนสั่งการอะไรทั้งนั้นเพราะไม่มีใครได้ยินแน่นอน

3.หญ้าใบใหญ่

5 เหตุผล! บูกิต จาลิล มีดีอะไร? ทำไมทีมชาติไทยถึงไม่เคยบุกชนะ!! อีกหนึ่งปัจจัยก็คือเรื่องหญ้าในสนาม หลายคนอาจจะรู้แล้ว หรือหลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า หญ้าที่มาเลเซีย,อินโดนิเซีย มันจะไม่เหมือนหญ้าบ้านเรา อันนี้ผมพูดถึงหญ้าธรรมชาติทั่วๆ ไปนะครับ อย่างตามสวนสาธารณะ ถ้าเป็นที่ไทยหญ้าก็เป็นหญ้าใบเล็กๆ เรียวๆ ที่เราเห็นกันอยู่ประจำนั่นแหล่ะ แต่หญ้าที่มาเลย์ แทบจะทั่วประเทศมันเป็นหญ้าใบใหญ่ๆ ทั้งนั้น ในสนามฟุตบอลก็เช่นกัน เกือบทุกสนามของมาเลเซียจะเป็นหญ้าชนิดนี้หมด มันจะใบใหญ่และหนากว่าของไทย มีความหนืดกว่า และก็สูงกว่า ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าวันนี้เราจะเห็นการต่อบอลของไทยมันไม่ไหลลื่น หรือมีติดๆ ขัดๆ บ้าง ก็เพราะหญ้ามันหนืดเลี้ยงไม่ค่อยไป ต่อให้เป็นนักเตะที่คล่องและมีความเร็วมากแค่ไหน มาเล่นที่นี่ก็ลำบากทุกคน

4.อุลตร้ามาลายา

5 เหตุผล! บูกิต จาลิล มีดีอะไร? ทำไมทีมชาติไทยถึงไม่เคยบุกชนะ!! และสิ่งที่ขึ้นชื่อของแฟนบอลมาเลเซียอีกอย่างก็คือ "อุลตร้ามาลายา" ซึ่งน่าจะเป็นต้นแบบการเชียร์แบบอุลตร้าในอาเซียน ผมเข้าใจอย่างนั้นนะ เพราะเห็นที่มาเลย์ก่อนที่แรกเลย เอาจริงๆ ตอนนี้ก็เห็นแค่มาเลย์กบไทย เท่านั้นที่มีแฟนอุลตร้า เอกลักษณ์ก็คือจะสวมชุดดำ และการเชียร์แบบโคตรจะดุดันและน่าเกรงขาม อยากรูว่าโหดแค่ไหนลองดูคลิปนี้เอา

5.ความหึกเหิมของแข้งเสือเหลือง

5 เหตุผล! บูกิต จาลิล มีดีอะไร? ทำไมทีมชาติไทยถึงไม่เคยบุกชนะ!! ปิดท้ายที่เรื่องความหึกเหิมของนักเตะมาเลเซีย อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเอาจริงๆ ไม่ว่าจะยุคไหน มาเลเซีย ก็ไม่ใช่คู่แข่งของทีมชาติไทย จะมีที่สูสีที่สุดก็คงเป็นชุดเมื่อปี 2014 ซึ่งครั้งนั้นมาเลเซีย คือทีมชุกใหญ่แบบเต็มสูบ ส่วนไทยเราเป็นสายเลือดใหม่ มีแต่ดาวรุ่งทั้งนั้น ซึ่งถ้าเอาแบบเต็มทีมตอนนี้บอกเลยเราเหนือกว่าหลายขุม แต่ก็นั่นแหละเมื่อมาเล่นที่ "บูกิต จาลิล" นักเตะมาเลเซีย เหมือนจะมีพลังแฝงบางอย่างซึ่งก็น่าจะมาจากเสียงเชียร์ของแฟนบอลที่ทำให้หัวใจของพวกเขาพองโตและหึกเหิมเป็นพิเศษ มันจะสู้กับไทยได้อย่างสูสี และทำเอาเราดร็อปลงไปด้วย แต่ทุกอย่างมันจะชัดเจนขึ้นเมื่อกลับมาเล่นที่บ้านเรา ทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมานั้นมันก็เป็นปัจจัยต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในเกมวันนี้ ซึ่งมันไม่มีอะไรแน่นอนเหมือนที่ผมเขียนไปเป๊ะๆ หรอกครับ มันแค่ตัวเลขและสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ยังไงเราก็อยากเห็นทีมชาติไทยเอาชนะอยู่แล้ว และไม่แน่วันนี้อาจจะเป็นเกมแรกที่เราบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้ทีมเสือเหลืองก็เป็นได้ แต่อยากฝากบอกพวกแฟนบอลหัวร้อนสักนิดนึงว่า สมมติถ้าวันนี้ไม่ชนะ และไทยไม่ได้แพ้ 2-0,3-0 ก็อย่าเพิ่งหัวร้อน มันยังมีอีกเกมนึง เออแต่ถ้าเล่นห่วยแตก แพ้เยอะจะด่าอะไรก็ด่าไป แต่ถ้ามันเสมอ เหรือแพ้ฉิวเฉียด แต่ผมคิดว่าไม่แพ้ ก็อย่าเพิ่งไปด่า รอดูผลเกมสองก่อน อย่าลืมว่าทีมชาติไทย ไม่ใช่ศูนย์รวมของจักรวาลที่จะต้องชนะได้ทุกทีม   

มูซาชิ

  ขอบคุณภาพสวยๆ จากเพจ : ช้างศึก
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline