logo-heading

เหลืออีกแค่ 3 สัปดาห์เท่านั้น ทีมชาติไทย ก็จะต้องลัดฟ้าสู่ดินแดนอาหรับ ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อทำศึกชิงแชมป์เอเชีย หรือ เอเชี่ยนคัพ 2019 ซึ่ง “ช้างศึก” จะอยู่ร่วมกลุ่ม เอ ร่วมกับ ยูเออี (เจ้าภาพ), บาห์เรน และ อินเดีย

การตกรอบรองชนะเลิศ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 นับเป็นแรงกระเพื่อมที่ทำให้ ทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชภายใต้เฮ้ดใหญ่อย่าง มิโลวาน ราเยวัช ต้องกลับมาทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง ที่ผิดพลาดไป ทั้งวิธีการเล่น, แบบแผนการเล่น, ระบบการเล่น รวมถึง “ตัวผู้เล่น” ซึ่งก็ใกล้ได้เวลาจะตัดตัวแล้วในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ถึงกระนั้น ก็ยังมีสิ่งที่ทำให้แฟนบอลไทยได้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง เพราะจะได้เหล่าจตุรเทพที่ออกไปค้าแข้งยังลีกต่างประเทศในซีซั่นนี้ กลับคืนสู่ทีมทั้ง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน และ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ แต่การมาของพวกเขาที่แทบจะการันตีตัวจริง ด้วยฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม และประสบการณ์ในเกมระดับสูงเหนือคนอื่นๆ ก็ทำให้ต้องมีนักเตะอย่างน้อย 4 ราย จากชุด เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ต้องหลุดออกจากทีมไป จะมีใครบ้าง เราลองมาวิเคราะห์กันเลย… ผู้รักษาประตู ตำแหน่งนี้ น่าจะเดาใจ มิโลวาน ราเยวัช ไม่ยากนัก โดย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ จะกลับมาเฝ้าเสาให้กับทีมชาติไทย ในฐานะมือหนึ่งอย่างแน่นอน ส่วนมือสอง และมือสาม จะเป็น ฉัตรชัย บุตรพรหม กับ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ที่ได้ลงสนามในเกมอาเซียนคัพ 2018 ส่วนคนที่หลุดไป ก็คงหนีไม่พ้น สรานนท์ อนุอินทร์ นายทวารฝีมือดีจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ธีราทร บุญมาทัน, ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีรศิลป์ แดงดา สำหรับผู้เล่นเอาท์ฟิลด์สามรายนี้ ผมขอเริ่มที่ ธีรศิลป์ แดงดา ก่อน เนื่องจากตำแหน่งของเขาค่อนข้างฟิ๊กซ์ที่บทบาทกองหน้าตัวเป้า แม้จะเล่นตัวรุกด้านข้างได้ก็ตามที กองหน้าตัวเป้าธรรมชาติของทีมชาติไทยที่เหลือ ผมเชื่อว่า ศุภชัย ใจเด็ด กับ อดิศักดิ์ ไกรษร ที่มีผลงานชัดเจน ในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ น่าจะได้ไปต่อ โดย ศุภชัย แม้จะอายุเพิ่งแตะหลัก 20 ปีมาไม่กี่วัน แต่เขาก็สามารถเล่นได้หลากหลายด้วย ทั้งแนวรุกด้านข้าง หรือแม้แต่จะลงมาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ หรือตัวเชื่อมเกมก็เล่นได้ ส่วนคนที่อาจจะต้องเสียวไส้เห็นจะเป็น “เจ้าทู” ชนานันท์ ป้อมบุบผา กองหน้าจาก สุพรรณบุรี เอฟซี ไปกันที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ผมเชื่อลึกๆ ว่า มิดฟิลด์ทั้ง 5 รายที่ติดทีมชาติไทย ในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 นั้น จะได้ไปต่อทั้งหมด ทั้ง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, สรรวัชญ์ เดชมิตร, สุมัญญา ปุริสาย และ ปกเกล้า อนันต์ แต่แนวรุกที่จะโดนถอดออกไป หลังจากการเข้ามาของ “ชนาคุง” ผมคิดว่า อาจจะเป็นผู้เล่นทางกราบขวา ที่มีถึง 4 คน นั่นคือ นูรูล ศรียานเก็ม, มงคล ทศไกร, ปกรณ์ เปรมภักดิ์ และ ศศลักษณ์ ไหประโคน โดยคนที่ได้โอกาสลงสนามน้อยที่สุด คือ “เจ้าพี” ทว่าผมเชื่อว่า แข้งจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รายนี้ ยังมีพิษสงพอที่จะต้องเก็บเอาไว้ เพราะสามารถเล่นได้ทั้งสองข้าง แถมไปกับบอลได้ดี เลี้ยงกินตัวได้ ส่วนคนที่สุ่มเสี่ยงสำหรับผมก็คือ มงคล ทศไกร และ ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ที่เป็นปีกขวาสไตล์โบราณ ซึ่งมีข้อดีไปคนละแบบ คนนึงเล่นเกมรับได้ดี ช่วยไล่บนตั้งแต่แดนบน ส่วนอีกคนก็มีทีเด็ดในเรื่องของการเปิดบอล แต่ทั้งคู่ ก็เป็นสไตล์ “ขวา” ทางเดียวเท่านั้น ธีราทร บุญมาทัน อันนี้คิดยากขึ้นมาอีกขั้น เพราะโดยธรรมชาติของตำแหน่ง “บุญจัง” คือ แบ็คซ้าย ซึ่งหากมองกันตรงๆ ก็คงต้องเป็น เควิน ดีรมย์รัม แบ็คซ้ายจากค่าย “สิงห์เจ้าท่า” ที่น่าจะต้องเป็นฝ่ายไป เนื่องจาก กรกช วิริยะอุดมศิริ ดูเหมือนจะเป็นที่ชื่นชอบของ ราเยวัช อย่างมาก แต่ทว่า ก็ไม่แน่ว่า “ลุงมิโล” อาจจะวาง “เจ้าอุ้ม” ไว้เล่นในตำแหน่งอื่น ซึ่งทำให้ เควิน อาจจะได้ไปต่อ ทั้งนี้ “อุ้ม” สามารถเล่นได้อีกหลายตำแหน่ง ทั้ง ริมเส้นฝั่งซ้ายด้านบน รวมถึงสามารถจับมาแพ็คไว้ตรงกองกลางให้แน่นขึ้น เพราะนี่คือพื้นที่หนึ่งที่เป็นช่องโหว่ถูกโจมตี ในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 หาก “อุ้ม” เป็นกองกลางจริงๆ คนที่จะต้องออกไปก็คงต้องเป็นกองกลาง 1 ราย หวยคงออกที่ สุมัญญา ปุริสาย หรือ ปกเกล้า อนันต์ สองกองกลางที่ได้โอกาสน้อยกว่า ธนบูรณ์, ฐิติพันธ์ และ สรรวัชญ์ แต่ถ้า “อุ้ม” ในตำแหน่งแนวรุกด้านซ้าย ก็คงต้องมีผู้เล่นทางด้านกราบ 1 คน ต้องหลุดไป เพราะจริงๆ แล้ว “ชนาธิป” ก็สามารถเล่นปีกซ้ายได้เหมือนกัน ในกรณีที่ ราเยวัช ต้องการใช้งาน สรรวัชญ์ กับ ชนาธิป พร้อมกันในสนาม โดยคนที่หลุดไปก็คงหนีไม่พ้น “เจ้าทู” หรือปีกขวาอีก 4 คน ที่ผมกล่าวถึง โดย มี นูรูล ศรียานเก็ม ที่มีโอกาสไปต่อมากที่สุด …. ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงบทวิเคราะห์เท่านั้น สุดท้ายแล้ว อำนาจการตัดสินใจทั้งหมดก็คงต้องเป็น มิโลวาน ราเยวัช ที่ต้องเลือกทรัพยากรที่ดีที่สุดจำนวน 23 ราย เพื่อไปใช้งานที่ “ยูเออี” หากผลงานออกมายอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ หรือ ล้มเหลวไม่เป็นท่า ก็ต้องเป็น “ราเยวัช” เองเนี่ยแหละ ที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบคนแรกในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอน ไม่ว่าจะรับเสียงชื่นชม หรือเสียงก่นด่าจากแฟนบอล (อย่างเช่นในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ที่ผ่านมา) แต่ถึงอย่างไร เมื่อศึกครั้งนี้ ยังไม่ระเบิดขึ้น เราก็จำเป็นต้องไว้ใจ “หัวหน้าทัพ” และยังต้องเชื่อมั่นในตัวเขาว่า จะสามารถพา “ช้างศึก” ที่มีขุนพล 23 คน แบบเต็มสูบ ผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ของศึกชิงแชมป์เอเชียได้เป็นอย่างน้อย ตามเป้าหมายที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้ตั้งเป้าเอาไว้ให้ได้….

“จอน”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline