logo-heading

ได้เวลาเสียตังค์กันอีกแล้ว (เอ้!! หรือไม่ต้องเสียหว่า?) สำหรับแฟนบอลชาวไทย กับคอเลคชั่นใหม่ล่าสุดกับชุดแข่งขันทีมช้างศึก เวอร์ชั่นปี 2019 ภายใต้แบรนด์วอริกซ์ ที่จะใช้ประเดิมสนามในศึกเอเชี่ยน คัพ 2019 ที่จะถึงนี้

ถือเป็นเวอร์ชั่นอย่างเป็นทางการชุดที่สามของ "วอริกซ์" กับทีมชาติไทย ต่อจากรุ่น "ไชยานุภาพ" สีดำ-ขาว,และก็รุ่น "ช้างศึก เดอะ เจเนซิส" ที่เพิ่งใส่ตกรอบซูซูกิ คัพ มาหมาดๆ ซึ่งตัวใหม่ล่าสุดนี้มีชื่อรุ่นว่า "ช้างศึก เดอะ เฟิร์ส อีเลฟเว่น" ที่หลายคนเห็นแล้วชอบ หลายคนเห็นแล้วเฉยๆ และก็อีกหลายคนนี่ถึงกับร้องยี้เลยก็มี แต่ผมคงจะไม่ขอวิพาษ์วิจารณ์ก็แล้วกันนะครับ เรื่องว่าสวยไม่สวย ชอบไม่ชอบ ของแบบนี้มันแล้วแต่รสนิยมของใครของมัน แต่ที่อยากบอกนิดนึงก็คือผมว่าชุดใหม่นี้ชุดเหย้าสีน้ำเงิน ผมว่ามันไม่ใช่เฉดสีของทีมชาติไทยที่เราคุ้นเคย ผมว่าเฉดสีชุดทีมชาติไทยมันต้องเหมือนชุดที่แล้วในซูซูกิ คัพ แต่ก็ว่าไม่ได้บางทีมันอาจจะต้องมีอะไรใหม่ๆ บ้าง จะได้ไม่จำเจ ก็ว่ากันไป รวมวิวัฒนาการ "ชุดแข่งทีมชาติไทย" 10 ปีผ่านมา ชุดไหนโดนใจสุด? แต่สิ่งที่จะมาพูดถึงวันนี้ก็คือ พอดีเห็นทีมชาติไทยเพิ่งคลอดชุดใหม่มา ก็เลยอยากจะมารวบรวมชุดแข่งขันในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งผมจะขอเริ่มตั้งแต่ที่ผมเข้ามาในวงการทำข่าวฟุตบอลไทย ก็คือตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา ถึงปัจจุบันก็ 10 ปีพอดิบพอดี หลายคนคงเข้าใจว่า 10 ปี ก็น่าจะมี 10 ชุดหรือเปล่า ไม่ใช่ครับ สำหรับชุดทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการ ที่ไม่ใช่รายการอุ่นเครื่องที่ทำชุดพิเศษออกมา หรือชุดเพื่อไปแข่งขันซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ พวกนั้นเรามีชุดมาทั้งหมด 8 ชุด ซึ่งแต่เดิมทีมชาติไทย หรือชาติอื่นๆ ทั่วโลกสองปีก็จะมีชุดใหม่ออกมาทีนึง แต่ก็ด้วยความเปลี่ยนไปของโลกใบนี้ เรื่องของธุรกิจเข้ามาแบบเต็มตัว จะเห็นได้ว่าทุกชาติ รวมไปถึงชุดสโมสรในลีกก็เปลี่ยนใหม่กันแทบทุกปี ทำเอาแฟนบอลตามซื้อเก็บแทบไม่ทัน เพราะออกมาทีไม่ใช่แค่ชุดเดียว ออกมา 2 สี 3 สี ซื้อทีก็หมดหลายตังค์ สำหรับทีมชาติไทยของเราแต่ก่อน จะคลอดชุดใหม่ออกมาทีก็จะเป็นปีที่เรามีคิวลงเตะซูซูกิ คัพ หรือ อาเซียน คัพ ดังนั้นทุกชุดที่ออกมาใหม่ยังไงก็จะได้ใส่ในซูซูกิ คัพ แน่นอน แต่เดี๋ยวนี้พอเปลี่ยนใหม่ทุกปี บางชุดก็เลยไม่ได้ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลอาเซียน เอาละครับ มาเข้าเรื่องดีกว่าเดี่ยวจะไม่จบ วันนี้ก็เลยจะพาทุกท่านย้อนอดีต ไปยลโฉมชุดแข่งขันทีมชาติไทย ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา มีวิวัฒนาการเป็นอย่างไรบ้าง และชุดไหนจะเข้าตาคุณที่สุด (ย้ำอีกทีว่านับเฉพาะชุดแข่งขันอย่างเป็นทางการนะครับ)

1. (ไนกี้-รุ่น "อย่าลบหลู่" ปี 2009-2010)

รวมวิวัฒนาการ "ชุดแข่งทีมชาติไทย" 10 ปีผ่านมา ชุดไหนโดนใจสุด? ชุดแรกก็คือรุ่น "อย่าลบหลู่" ตอนนั้นยังเป็นไนกี้ เปิดตัวกันไปเมื่อวันที่ 4 พ.ย.51 ใช้ประเดิมลงเตะในซูซูกิ คัพ 2008 ที่เราเป็นเจ้าภาพรอบแรกที่สนามสุระกุล จ.ภูเก็ต ซึ่งชุดนี้ก็จะเป็นดีไซน์เดียวกันกับหลายๆ ชาติ ที่ทางไนกี้ดูแล มันก็จะแตกต่างกันไปตรงสีต่างๆ เท่านั้น แต่ของทีมชาติไทยก็จะมีความพิเศษตรงที่มีการนำเอา "ตราพระมหามงกุฏ" มาติดไว้อยู่ที่คอเสื้อด้านหลังด้วย ถือเป็นชุดที่สวยมากๆ ชุดนึง ด้วยสีที่มันตัดกัน ตอนนั้นเรายังใช้สีเหลืองเป็นชุดเหย้าอยู่ ตัวเสื้อเป็นแบบ Dry fit เข้ารูป คนอ้วนห้ามใส่555 ราคาถือว่าสูงตามยีห้อ เกรดเพลย์เยอร์น่าจะอยู่ที่ 2,500 บาทอัพ รองลงมา 2,090 บาท และต่ำสุด 1,250 บาท แตะหลักพันทุกตัว

2. (ไนกี้-รุ่น "ไชโย" ปี 2010-2011)

รวมวิวัฒนาการ "ชุดแข่งทีมชาติไทย" 10 ปีผ่านมา ชุดไหนโดนใจสุด? ชุดต่อมาคือรุ่น "ไชโย" เป็นรุ่นสุดท้ายของทางไนกี้ โดยเปิดตัวกันไปวันที่ 8 พ.ย.53 ก่อนการแข่งขันซูซูกิ คัพ 2010 ที่ประเทศอินโดนิเซีย ซึ่งเราตกรอบแรก เออช่างมันเหอะ ชุดนี้ถือว่ามีความสวยงามและแฟนบอลค่อนข้างชอบ เพราะมีลายธงชาติคาดกลางอยู่ คือเป็นชุดสำหรับทีมชาติไทยแน่นอน และตอนนั้นทางไนกี้ก็กำลังมีแคมเปญเรื่องลดโลกร้อน ชุดนี้ก็เลยเป็นการนำเอานำขวดพลาสติกกลับมาใช้ใหม่เป็นวัตถุดิบในการผลิตเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งชุดนี้จะมีจุดเด่นอยู่ตรงด้านในตัวเสื้อบริเวณด้านหลังโลโก้จะมีปักคำว่า "ไชโย" ไว้ด้วย และมีคำว่าไทยแลนด์อยู่ที่คอด้านหลัง โดยชุดนนี้นอกจากจะใช้ในซูซูกิ คัพ แล้ว ยังใช้เตะฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือกอีกด้วย สำหรับเรื่องราคาก็พอๆ กับชุดแรกนั่นแหละสองพันอัพ  

3. (แกรนด์สปอร์ต-รุ่น "วิคตอรี่-ฮาร์โมนี่" ปี 2012-2013)

รวมวิวัฒนาการ "ชุดแข่งทีมชาติไทย" 10 ปีผ่านมา ชุดไหนโดนใจสุด? หลังจากหมดสัปทานจากแบรนด์เมืองมะกันแล้ว ทีมชาติไทยก็กลับมาใช้บริการแบรนด์ในประเทศอย่าง "แกรนด์สปอร์ต" ที่คลอดชุดใหม่ออกมาในชื่อ “วิคตอรี่-ฮาร์โมนี่” หรือ ชัยชนะจากความสามัคคี จริงๆ มันเป็นชื่อคอนเซปต์ เปิดตัวกันไปเมื่อวันที่ 22 ต.ค.55 ซึ่งจริงๆ แล้วชุดนี้เป็นการเปิดตัวเพื่อจะใช้สำหรับการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก ที่เราเป็นเจ้าภาพ และก็ให้ทีมช้างศึกชุดใหญ่ลงเตะในซูซูกิ คัพ ด้วย ชุดนี้เข้ารอบชิงแต่ไปแพ้สิงคโปร์ จุดเด่นของชุดนี้เป็นการกลับมาใช้สีน้ำเงิน กับสีแดง อีกครั้ง โดยมีลวดลายคล้ายรูปตัว V พาดระหว่างกลางเสื้อ มีขลิบสีทองตรงคอเสื้อ และ แขน ส่วนหัวไหล่ด้านขวา มี "ตราพระมหามงกุฎ" บนบ่าที่มีลายกนกแสดงถึงความเป็นไทย และอีกจุดเด่นคือตรงคอเสื้อด้านในจะมีแผนที่ประเทศไทยพร้อมคำว่า “รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย” อยู่ด้วย ชุดนี้จำไม่ผิดน่าจะอยู่ที่ 795 บาท

4. (แกรนด์สปอร์ต ปี 2014-2015)

รวมวิวัฒนาการ "ชุดแข่งทีมชาติไทย" 10 ปีผ่านมา ชุดไหนโดนใจสุด? ตัวต่อมาผมไม่แน่ใจว่ามีชื่อรุ่นหรือเปล่า ใครรู้ช่วยบอกที รู้แต่ว่าคอนเซปต์คือ Definitely, Fully Powered with PRIDE หรือ “แน่นอน เต็มที่ เพราะศักดิ์ศรี ค้ำคอ” เป็นชุดที่สองจากทางแกรนด์สปอร์ต เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 24 ต.ค.57 ใช้เตรียมทำการแข่งขันฟุตบอลซูซูกิ คัพ 2014 ซึ่งครั้งนี้เรากลับมาได้แชมป์ในรอบ 12 ปี  โดยชุดนี้ก็จะเป็นการกลับมาใช้คอปกเป็นสีขาว ด้านหลังมีตรา "พระมหามงกุฏ" คอเสื้อด้านในมีแผนที่ขวานทองพร้อมคำว่า "รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย" เหมือนเดิม ตัวเสื้อเป็นการไล่ระดับสีเหมือนลายธงชาติ ด้านข้างมีแถบลายปะและจุดสีขาวเพื่มรายละเอียด เป็นอีกชุดที่ได้รับความนิยม ส่วนหนึ่งมาจากการคว้าแชมป์ซูซูกิ คัพ 2014 ราคา 990 บาท  

5. (แกรนด์สปอร์ต-รุ่น "รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย" ปี 2016)

รวมวิวัฒนาการ "ชุดแข่งทีมชาติไทย" 10 ปีผ่านมา ชุดไหนโดนใจสุด? มาที่ชุดสุดท้ายของแกรนสปอร์ต กับรุ่น "รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย" เปิดตัวไปเมื่อ 29 ส.ค.59 ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย และก็ป้องกันแชมป์ซูซูกิ คัพ 2016 รูปแบบของเสื้อเหมือนกับชุดที่แล้ว คือเป็นคอปกด้านหลังแหลมและมี "ตราพระมหามงกุฏ" บวกกับคอด้านในมีคำว่า "รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย" เหมือนสามตัวของแกรนด์สปอร์ต แต่ตัวเสื้อจะเป็นสีเดียวและมีแทบเป็นแนวตั้งตัดลงมา ด้านลำตัวก็มีการเล่นสีและมีจุดรูระบายเพิ่มความสวยงาม ตรงปกคอมีลายประจำยามเป็นจุดอยู่ด้วย ราคาก็ 990 บาทเหมือนเดิม

6. (วอริกซ์-รุ่น "ไชยานุภาพ-ปราบไตรจักร" ปี 2017)

รวมวิวัฒนาการ "ชุดแข่งทีมชาติไทย" 10 ปีผ่านมา ชุดไหนโดนใจสุด? ต่อมาวอริกซ์ ก็เข้ามารับสัมปทานต่อ และคลอดชุดแรกออกมาในชื่อ “นักรบคนที่ 12” ไชยานุภาพ (ดำเหย้า) และ ปราบไตรจักร (ขาวเยือน) เปิดตัวกันไปเมื่อวันที่ 27 ก.พ.60 ซึ่งเป็นการทำชุดออกมาเป็นสี ดำ-ขาว เพื่อถวายความอาลัยฯ หลักๆ ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โปรแกรมที่เหลือ และฟุตบอลคิงส์ คัพ โดยรูปแบบนอกจากมีเอกลักษณ์ที่สีดำกับสีขาวแล้ว ตัวเสื้อเป็นแบบคอกลมมีกระดุม ตัวเสื้อก็จะมีลายไทยผสมอยู่ด้วย ตรงแขนมีแถบผ้าประเจียดสีเทาแสดงถึงความเป็นนักรบ และตรงชายเสื้อมีแถบผ้าถุงแม่อยู่ด้วย ราคาอยู่ที่ 1,990 บาท สำหรับเกรดเพลย์เยอร์ ส่วนแฟนบอลอยู่ที่ 890 บาท  

7. (วอริกซ์-รุ่น "ช้างศึก เดอะ เจเนซิส" ปี 2018)

รวมวิวัฒนาการ "ชุดแข่งทีมชาติไทย" 10 ปีผ่านมา ชุดไหนโดนใจสุด? ชุดต่อมาคือที่เพิ่งใส่ไปล่าสุดกับรุ่น "ช้างศึก เดอะ เจเนซิส" เพื่อใช้ในฟุตบอลคิงส์ คัพ และฟุตบอลซูซูกิ คัพ ที่ผ่านมา เปิดตัวกันไปเมื่อต้นปี วันที่ 13 มี.ค.61 ซึ่งเป็นการกลับมาใช้สีน้ำเงิน และสีแดงอีกครั้ง พร้อมทั้งเพิ่มชุดที่สามสีขาวออกมาด้วย ชุดนี้ส่วนตัวผมชอบมากกับโทนสีของมัน มีความเรียบหรู เป็นคอกลมมีกระดุม ตรงแขนเสื้อมีลายเพิ่มความสวยงามและตัดสีกับตัวเสื้อ และอีกหนึ่งจุดเด่นคือชุดนี้ใส่ได้สองด้าน เป็นชุดทีมชาติไทยที่มีความลงตัวมากที่สุดชุดนึง สนนราคาอยู่ที่ 990 บาท ส่วนเกรดเพลย์เยอร์ไม่มีจำหน่าย  

8. (วอริกซ์-รุ่น "ช้างศึก เดอะ เฟิร์ส อีเลฟเว่น" ปี 2019)

รวมวิวัฒนาการ "ชุดแข่งทีมชาติไทย" 10 ปีผ่านมา ชุดไหนโดนใจสุด? และแบบล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวกันไปเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็คือ รุ่น ""ช้างศึก เดอะ เฟิร์ส อีเลฟเว่น" ซึ่งเตรียมไว้สำหรับการลงแข่งขันฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ 2019 ที่จะเปิดฉาก 6 ม.ค.นี้ สำหรับทีมชาติไทย โดยชุดนนี้เขาบอกว่าเป็นการอัพเกรดประสิทธิภาพและคุณภาพของชุดแข่งให้เทียบเท่ากับชุดระดับโลก มีจุดเด่นอยู่ที่การผลิตโดยใช้เทคโนโยลีการผลิตล่าสุดที่ทันสมัยที่สุดในโลก COMBATEC 7 (คอมแบทเทคเซเว่น) เสื้อเกรดเพลย์เยอร์ราคา 1,999 บาท เกรดแฟนบอล 999 บาท และเกรดเสื้อ 399 บาท โดยทุกราคามีรูปแบบเหมือนกันต่างกันที่ตัวผ้าและเทคโนโลยีการผลิต เป็นไงครับกับ 8 ชุดแข่งของทีมชาติไทย ตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา สำหรับผมก็มีทั้งชุดที่โดนและไม่โดน แต่ก็อย่างที่บอกขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละบุคคล แล้วคุณล่ะชอบชุดไหน ปีไหนมากที่สุด

มูซาชิ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline