logo-heading

วันเวลาผ่านไปรวดเร็วไม่อาจย้อนกลับมาแก้ไขเรื่องราวเก่าๆ ในอดีตที่เคยผิดหวังได้ เฉกเช่นเดียวกันกับชีวิตมนุษย์ที่ต้องเดินหน้ามองหาเรื่องราวใหม่ๆ อยู่เสมอ

โลกฟุตบอลฟุตบอลก็คงคล้ายคลึงกัน แวดวงลูกหนังไทยลีก เปลี่ยนแปลงมากมายจนเราไม่คาดคิดว่า ตลอด 22 ฤดูกาลที่ผ่านไป มีแข้งต่างชาติและกุนซือมากฝีมือมากมาย ทยอยตบเท้ากันเข้ามาหากินรับเงินเดือนสกุลบาทกันไม่หวาดไม่ไหว ทว่าน้อยคนนักอาจจะยังไม่รู้ว่า มีจอมยุทธ์ไม่น้อย ที่บ่มเพาะกึ่นและตำราลูกหนังในไทยลีกเป็นใบเบิกทาง แล้วโยกย้ายไปผจญภัยในสมรภูมิลูกหนังแนวหน้าที่สูงกว่าสยามประเทศ ชื่อที่จะเอ่ยต่อไปนี้คือเหล่าจอมวางหมากผู้กำลังโลดเล่นในวงกีฬาลูกหนังในปัจจุบัน ซึ่งทุกคนนั้นเคยผ่านเวทีไทยลีกมาแล้ว สลาวิซ่า โยคาโนวิช (เมืองทอง ยูไนเต็ด) 5 กุนซือผู้ใช้ไทยลีกเบิกทาง...ก่อนโยกรับจ็อบลีกใหญ่ ในบรรดาโค้ชต่างชาติที่ย้ายมาทำมาหากินในไทยแลนด์ คงไม่มีใครที่มีภูมิหลังน่าสนใจเท่า สลาวิซ่า โยคาโนวิช อดีตกองกลางทีมชาติยูโกสลาเวีย (เซอร์เบีย) โค้ชชาวเซิร์บ ถือเป็นนักเตะระดับตำนานของยูโกสลาเวีย ผ่านการค้าแข้งมาอย่างโชกโชน ทั้งเรอัล โอเบียโด้ ,เตเนริเฟ่,เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า และ เชลซี ผลงานการคุมทีมเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยอยู่พอควรในห้วงเวลานั้น เนื่องจาก โยคาโนวิช ว่างเว้นงานโค้ชไปนานร่วม 2 ปีเศษ นับตั้งแต่บอกลาปาร์ติซาน เบลเกรด ยักษ์ใหญ่ในเซอร์เบีย เมื่อปี 2009 ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าคงอยู่กับทัพกิเลนผยองไม่ยืดยาวแน่ๆ โยคาโนวิช หรือที่สื่อมวลชนแดนปลาแดก เรียกสั้นๆ ว่า “ย็อคก้า” ตอบรับข้อเสนอจากเมืองทอง ยูไนเต็ด เข้ามารับงานคุมทีมในฤดูกาล 2012 เพื่อนำทีมกลับมาทวงแชมป์ไทยลีกให้ได้อีกหน หลังเสียแชมป์ให้กับทีมดังแห่งเมืองเซราะกราวอย่าง บุรีรัมย์ ไป ในปี 2011 แรกเริ่มการใช้ชีวิตในเมืองไทย “ย็อคก้า” ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ผลงานกับเมืองทอง จึงชนะคู่แข่งได้แบบเฉียดฉิว แต่เมื่อหาจุดลงตัวให้กับทีม เกมรุกทัพกิเลนผยอง ที่มี 2 ประสาน M&M (ย่อมาจาก มาริโอ ยูรอฟสกี้ และ มุ้ย ธีรศิลป์ แดงดา) จึงกลายเป็นคู่หูที่ยิ่งเล่นร่วมกันยิ่งอันตราย นอกจากเกมรุกที่แสบทรวงทำลายแผงหลังคู่ต่อสู้เป็นว่าเล่น เกมรับเมืองทอง ในยุคของย็อคก้า ก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน เนื่องจากตำราลูกหนังแห่งคาบสมุทรบอลข่านขึ้นชื่อในเรื่องของเกมรับเป็นอันดับแรก ทีมจบเข้าป้ายในตำแหน่งแชมป์ไทย พร้อมสถิติไม่แพ้ใครตลอดทั้งฤดูกาล พ่วงโควต้าการไปร่วมวงโม่แข่งเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อเข้าสู่ซีซั่นที่ 2 วิธีการวางหมากของ “ย็อคก้า” กลับถูกจับทางได้ แถมสโมสรมีผลงานไม่สู้ดีเสียเลย เก็บได้เพียงแค่ 1 แต้มในเอซีแอล รอบแบ่งกลุ่ม เป็นเหตุผลเพียงพอทำให้บุรุษชาวเซิร์บ ต้องบ๊ายบายทีมกิเลนผยองไปในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมปี 2013 จากนั้นเขาก็กลายเป็นโค้ชพเนจร ย้ายไปทำทีมเลฟสกี้ โซเฟีย ในบัลแกเรีย, เอร์กูเลส ในสเปน แต่ไม่มีทีมไหนที่อยู่ได้ยาวนานเกิน 3 เดือน ทว่าระหว่างเตะฝุ่นอยู่นั้นเอง วัตฟอร์ด ซึ่งสมัยนั้นอยู่ในเดอะแชมเปี้ยนชิพได้เสนองานกุนซือให้กับเขา กลับกลายเป็นว่าจับพลัดจับผลู นำทีมเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2014-15 ในฐานะรองแชมป์ แต่ด้วยความที่ตกลงค่าเหนื่อยและสัญญาใหม่ไม่ลงตัว ย็อคก้า จึงถอนสมอออกจากทีมไปโดยปริยาย แต่คนมีฝืมือว่างงานไม่นาน มัคคาบี้ เทลอาวีฟ ทาบทามให้ไปทำทีม และฝากผลงานชิ้นโบว์แดง พาทีมดังจากอิสราเอล ไปโม่แข้งรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2015-16 อย่างไรก็ตามด้วยความติดใจรสชาติลูกหนังชาวบริติช นำพาเข้าคัมแบ็คมายังมหานครลอนดอน เพื่อปกป้องฟูแล่ม ให้อยู่รอดปลอดภัยในลีกลำดับ 2 ของอังกฤษ ก่อนจะค่อยๆ สร้างทีมเจ้าสัวน้อยให้กลายเป็นทีมในกลุ่มลุ้นเลื่อนชั้นในระยะเวลา 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ไม่แน่ปีนี้ ย็อคก้า อาจได้สานฝันตัวเองด้วยการจารึกชื่อในฐานะผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีกก็เป็นได้ ซึ่งล่าสุดยังมีข่าวว่า ย็อคก้า เป็นเต็งหนึ่งที่จะมาคุมทัพสิงห์บลู ทีมที่เขาเคยค้าแข้งด้วย ต่อจาก คอนเต้ ที่ดูแล้วชะตาน่าจะขาดหลังจบซีซั่นนี้ ดราแกน ทาลายิช (เมืองทอง ยูไนเต็ด) 5 กุนซือผู้ใช้ไทยลีกเบิกทาง...ก่อนโยกรับจ็อบลีกใหญ่ ชายหนุ่มที่ลืมตาเกิดบนเมืองซาราเยโว แผ่นดินบอสเนีย แต่เลือกถือสัญชาติโครเอเชีย คือกุนซือที่บอร์ดบริหารกิเลนผยอง เฝ้ารอให้มารับจ็อบในถิ่นเอสซีจี สเตเดี้ยม มาอย่างยาวนาน หลังเป็นที่ถูกตาต้องใจนับแต่เกมเอเอฟซี คัพ รอบ 8 ทีม สุดท้าย ในปี 2011 ที่พาคูเวต เอสซี เอาชนะ กิเลนผยองได้ 3 ปีหลังจากนั้น กลางฤดูกาล 2014 ดราแกน ทาลายิช ใส่สูทผูกไทเปิดตัวคุมเมืองทอง ในฐานเฮดโค้ชอย่างเป็นทางการ เขาคือคนที่มีวาจาและคำพูดที่คมกริบ และมีกลยุทธ์แท็คติกลูกหนังที่เล่ห์เหลี่ยมไม่ธรรมดา เนื่องจากชีวิตการทำงานโค้ชอาชีพกว่า 10 ปีอยู่ในแวดวงลูกหนังตะวันออกกลางที่ขึ้นชื่อเรื่องบอลตุกติกอยู่แล้ว น้อยคนมักไม่ค่อยรู้ว่าในอดีตเขาคือเพื่อนร่วมทีมของ สุธี สุขสมกิจ ในสโมสรตันจง ปาการ์ ในเอสลีกของสิงคโปร์ โปร์ไฟล์ที่วนเวียนในแวดวงลูกหนังตะวันออกกลางมาช้านาน และผลงานชิ้นโบว์แดง หนีไม่พ้นการนำอัล อิติฮัด ของซาอุดิอาระเบีย ชูถาดแชมป์เอซีแอล ปี 2004 เวลานั้น ทาลายิช เปรียบเสมือนคนที่ใช่สำหรับทัพกิเลนผยอง เพื่อที่จะหยุดการรอคอยแชมป์ลีกเสียที แต่ว่าปัญหามากมายในลีกสยาม ที่โค้ชชาวโครแอต ต้องประสบพบเจอ ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายกับการปรับตัว สิ้นสุดฤดูกาล 2014 ทีมจบอันดับ 5 ทว่าปีนั้นอาจจะผิดหวังสำหรับเมืองทอง แต่ ดราแกน ผู้นี้เองแหละที่ปรับบทบาท สารัช อยู่เย็น ให้กลายเป็นผู้เล่นเกมรับชั้นยอดของวงการลูกหนังไทย ปรีซีซั่น 2015 โค้ชหนุ่มเครามหาเสน่ห์ ใช้เวลาปรับจูนทีมตามใจชอบ ด้วยขุมกำลังที่เพียบพร้อม ทุกตำแหน่ง เขาค่อยๆ หย่อนศาสตร์ลูกหนังเน้นเกมรับเหนียวแน่น อาศัยจังหวะโต้กลับเปรี้ยงเดียวถึงหน้าเขตโทษคู่แข่งใส่ให้แก่ มุ้ย-เคลตัน และ มาริโอ แต่ปัจจัยที่ไม่อำนวย จากที่นำคู่มากับบุรีรัมย์ แล้วค่อยๆ แผ่วปลาย สุดท้ายจบด้วยความว่างเปล่า แน่นอนว่าต่อให้โปรไฟล์ดีแค่ไหน ถ้าทำทีมไม่เวิร์ก บอร์ดเมืองทอง พร้อมจะจ่ายเงินฉีกสัญญาได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว ดราแกน ปิดฉากชีวิตเมืองไทย 18 เดือนและโยกไปทำงานในลีกจอร์แดนกับอัล ไฟซาลลี่ ในปี 2017 แต่อยู่กับทีมได้เพียงแค่ 3 เดือนเศษๆ เท่านั้น ล่าสุดปี 2018 ดราแกน ย้ายไปโกยเงินหยวนกับสโมสรเหอหนาน เจียนเย ซึ่งแมตซ์แรกในไชนีส ซุปเปอร์ลีก คุมทีมปราชัยต่อเทียนจิน ฉวนเจียน ไปแบบขาดลอยถึง 0-4 อิวาน ปาเลนโก้ (ราชบุรี มิตรผล เอฟซี) 5 กุนซือผู้ใช้ไทยลีกเบิกทาง...ก่อนโยกรับจ็อบลีกใหญ่ ฤดูกาล 2013 พลพรรคราชันมังกร คือสมาชิกลีกสูงสุดของประเทศ แต่เมื่อถึงเวลาจริง มันคือช่วงเวลาที่ไม่น่าพิศมัยเอาเสียเลย ทีมเกาะกลุ่มท้ายตารางมาตลอดในช่วงเลกแรก กระทั่ง "เดอะฟลุ๊ค" ธนวัชร์ นิติกาญจนา มีความคิดว่าควรมองหาศาสตร์ลูกหนังจากต่างชาติ จนเป็นที่มาของการอิมพอร์ตโค้ชฟุตบอลจากแดนกระทิงดุ นามว่า "อิวาน ปาเลนโก้" โค้ชหนุ่มวัย 32 ปี ผู้มีดีกรีฝึกสอนฟุตบอลเยาวชนบาร์เซโลน่า อยู่ในญี่ปุ่นเวลานั้น รับข้อเสนอจากราชบุรี เพื่อมาเปิดประสบการณ์ใหม่บนดินแดนด้ามขวาน ช่วงเลก 2 ซึ่งความท้าท้ายที่รอปาเลนโก้อยู่ตรงหน้า คือการนำพาทีมน้องใหม่ไทยลีกอยู่รอดปลอดภัยให้ได้เป็นลำดับแรก ปาเลนโก้ งัดความรู้และกึ๋นที่มีทุกอย่างออกมาเคี่ยวเข็ญแข้งราชันมังกรทั้งทีม มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยกับการต้องมาปรับจูนทีมกลางซีซั่น ทุกสิ่งทุกอย่างค่อยๆ คลี่คลาย สไตล์การเล่นฟุตบอลของราชบุรี พัฒนาขึ้นเป็นลำดับ กลายเป็นทีมที่มีวิธีการเล่นฟุตบอลที่มีประสิทธิภาพเน้นการครอบครองบอล ต่อบอลเท้าสู่เท้า โจมตีคู่แข่งที่รวดเร็ว ยากที่คู่แข่งจะจับทางได้ถูก ท้ายที่สุดคลับลูกหนังจากลุ่มแม่น้ำแม่กลองสามารถอยู่รอดปลอดภัยในไทยลีก ฤดูกาล 2013 ในอันดับ 15 พร้อมทั้งจบซีซั่น พ่วงด้วยการได้รองแชมป์โตโยต้า ลีก คัพ 2013 ในปีเดียวกัน อย่างไรก็ดีบอร์ดบริหารราชบุรี มองว่าการทำทีมยังขาดความต่อเนื่อง จึงลงมติไม่ต่อสัญญากับ ปาเลนโก้ ปิดฉากการทำงานในลีกไทยเพียงแค่ครึ่งซีซั่นเท่านั้น ซึ่งในเวลาต่อมาโค้ชหนุ่มจากแดนคาตาลัน เลือกกลับไปทำงานที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลบาร์เซโลน่า ในโตเกียว พร้อมกับรับงานเป็นผู้ช่วย มิเกล อังเคล โลติน่า อดีตเทรนเนอร์ชื่อดังในลาลีกากับสโมสรเอฟซี โตเกียว อดีตทีมยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับเจลีก 2 ริคาร์โด้ โรดริเกรซ (ราชบุรี มิตรผล เอฟซี) 5 กุนซือผู้ใช้ไทยลีกเบิกทาง...ก่อนโยกรับจ็อบลีกใหญ่ ทีมราชันมังกร ยังคงติดใจกับตำราลูกหนังแดนกระทิงดุอีกเช่นเคย หลังการจากไปของ ปาเลนโก้ คราวนี้พวกเขาทำการจิ้มโค้ชรายใหม่ผู้มีโปรไฟล์น่าสนใจ เนื่องจากผ่านการเป็นทีมงาน แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด ในทีมชาติซาอุดิอาระเบีย ตามด้วยการเป็นอดีตผู้ช่วยโค้ชมาลาก้า และอดีตกุนซือกิโรน่า ในสมัยที่สโมสรอยู่คงโลดแล่นในเวทีเซกุนด้า ดิวิชั่น อย่าง ริคาร์โด โรดริเกรซ ชายหนุ่มชาวเมืองโอเบียโด้ ริคาร์โด มาพร้อมความหวังใหม่สำหรับผู้บริหารราชบุรีในเวลานั้น แบ็คกราวด์เลิศหรู ความรู้ความสามารถที่ดีเลิศ และกระบวนการวิทยาศาสตร์การกีฬาที่เข้าขั้นเจ๋งเป้ง ฤดูกาล 2014 ราชบุรี จึงมีไทม์ไลน์อันยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ภายใต้ขอบข่ายการคิดและประเมินจากมันสมองของ ริคาร์โด เกมรุกที่ดุดัน ผสมผสานการเล่นเพรสซิ่งบีบพื้นที่คู่แข่งคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง และที่ขาดไม่ได้คือการสร้างอาวุธที่สั่นสะเทือนวงการลูกหนังไทยในช่วงนั้น คือการปรับ เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส จากตำแหน่งปีกซ้ายขึ้นมาล่าตาข่ายคู่แข่งในตำแหน่งศูนย์หน้า จนเข้าป้ายดาวซัลโวไทยลีก เมื่อทุกอย่างลงล็อค ตามแผน ราชบุรี จึงสยายปีกขึ้นมาเกาะกลุ่มนำในไทยลีก ได้อย่างน่าซูฮก ความลงตัวตั้งแต่แผงหลัง ,แดนกลาง จนไปถึงกองหน้า ทำให้เดอะฟลุ๊ค มีความสุขกับการทำฟุตบอล ซึ่งต้องยกความดีและความชอบให้แก่ ริคาร์โด ที่หาจุดลงตัวให้แก่สโมสรแห่งนี้ได้สำเร็จ อันดับ 4 ในฤดูกาลดังกล่าว คือโพซิชั่นที่ดีของราชันมังกร จวบจนถึงปัจจุบัน สุดท้ายงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ริคาร์โด กลายเป็นอดีตกับทีมเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล แต่นั้นก็เพียงพอทำให้เขาได้โชว์ฝีมือในเมืองไทยต่อกับทั้งบางกอกกล๊าส และสุพรรณบุรี เอฟซี ปลายปี 2016 ริคาร์โด ได้จ็อบที่ใหญ่และท้าทายกว่าฟุตบอลแดนสยาม นั้นคือการโยกไปทำทีมโทคุชิมะ วอร์ทิส ในเจลีก 2 ซึ่งซีซั่นที่ผ่านมานำทีมจบอันดับ 7 ชวดโควตาลุ้นเพลย์ออฟไปในเกมนัดสุดท้าย ปาเชต้า (ราชบุรี มิตรผล เอฟซี) 5 กุนซือผู้ใช้ไทยลีกเบิกทาง...ก่อนโยกรับจ็อบลีกใหญ่ แนวทางฟุตบอลสแปนิช คือสิ่งที่ผู้จัดการทีมราชบุรี ในเวลานั้นโปรดปราน อดีตปราการหลังระดับตำนานเอสปันญ่อล อย่าง ฆวน โชเซ่ โรโฆ่ มาร์ติน (หรือชื่อเรียกสั้นๆ ปาเชต้า) ถูกแต่งตั้งให้เข้ามาทำทีมในฤดูกาล 2016 อดีตพาร์ทเนอร์ของเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่จับคู่พิทักษ์แนวรับเจ้านกเก้า ในช่วงยุค 90 ในแนวรับ คือผู้นำทัพราชันมังกรคนใหม่ ปาเชต้า มีชื่อเสียงในระดับลาลีก้าในฐานะผู้เล่น รวมถึงการเป็นเทรนเนอร์ในลีกระดับล่างของสเปน ทั้ง ราซิง ซานตาแดร์, นูมานเซีย และเอร์กูเลส แต่การที่เขาไม่เคยมีประสบการณ์ฟุตบอลในทวีปเอเชียมาก่อน จึงมีคำถามตามมาว่า เขาดีพอจะอยู่คุมทีมต่อจนครบสัญญาหรือไม่ อย่างไรก็ดีความรู้ที่สั่งสมมาตลอดทั้งการเป็นผู้เล่นและผู้ฝึกสอน ช่วยพาทีมเกาะอยู่ในท็อปซิกซ์ไทยลีก ในช่วง 2 ปีหลังสุด โดยเฉพาะการลงเล่นในรังเหย้า ปาเชต้า นำทีมเก็บชัยได้อย่างต่อเนื่อง แต่จากการที่ทีมมักประสบปัญหาฟอร์มหลุดยามออกไปเล่นเกมเยือน ส่งผลให้ทีมไม่สามารถสานฝันบอร์ดบริหาร นั้นคือการลุ้นไปเล่นฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก จึงสวมคอนเวิร์สแยกทางกันไปเมื่อจบฤดูกาล 2017 ปัจจุบัน ปาเชต้า ได้งานใหม่เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นั้นคือการรับจ็อบคุมทีมเอลเช่ อดีตคลับลูกหนังลาลีกา ที่ร่วงมาเล่นระดับเซกุนด้า ดิวิชั่น (ลีกลำดับที่3 ของสเปน)  

เอ็มเร่

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline