logo-heading

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ จัดการเชือด ลิเวอร์พูล คู่อริตลอดกาล ไปได้แบบสนุกตื่นเต้น 2-1 ส่งผลให้พวกเขารั้งอยู่อันดับ 2 อย่างแน่นอน ส่วน “หงส์แดง” ต้องอยู่ “ใต้เท้า” ต่อไป แถมตาม 5 คะแนน และมีโอกาสตกไปอยู่อันดับ 4 ถ้าหาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สามารถเก็บ 3 คะแนน ได้สำเร็จ โดยเกม “แดงเดือด” ครั้งนี้ ใครจะดีใครจะเด่น มาดูคะแนนกันได้เลย

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดาบิด เด เคอา 7 ไม่มีงานอะไรให้ออกแรงเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะกองหลังเป็นตัวเก็บกวาดให้หมด ลูกที่ยิงตรงกรอบก็แค่รับเข้าซองสบายๆ ส่วนลูกที่เสียประตู จนปัญญาจริงๆ เพราะเป็นการสกัดเข้าประตูตัวเอง บอลเสียบเสาพุ่งปัดไม่ทัน อันโตนิโอ วาเลนเซีย 7 เล่นได้ตามโค้ชสั่ง สามารถรับมือกับเกมทางซ้ายของ “หงส์แดง” ถือว่าบีบจน ซาดิโอ มาเน่ ต้องหุบเข้ามาตรงกลางมากกว่าเดิม แถมสปีดก็จุดเด่น วิ่งไล่กวดแนวรุกคู่แข่ง แอชลี่ย์ ยัง 7 นึกว่าพี่แกเป็นตัวรับโดยธรรมชาติ เพราะเล่นได้อย่างโดดเด่นจริงๆ คอยช่วย สมอลลิ่ง ตามประกบ ซาลาห์ จนเล่นไม่ออก เพราะ ซาลาห์ ไม่มีโอกาสยิงเลยตลอด 90 นาที จนกระทั่งช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย เอริค ไบยี่ 6.5 จริงๆเกมนี้ ไบยี่ สามารถรับมือกับเกมรุกได้อย่างอยู่หมัด จนกระทั่งมาเตะผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง ทำให้ ลิเวอร์พูล ไล่มา 1-2 แต่ทว่าหลังจากนั้นเขาเองก็ไม่ได้ตื่นสนามแต่อย่างใด ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม คริส สมอลลิ่ง 7.5 สมบูรณ์แบบสำหรับ สมอลลิ่ง กับการตามประกบ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพราะเขาไม่ปล่อยให้ดาวยิงทีมชาติอียิปต์ แม้แต่ครั้งเดียว สลัดคราบที่เคยทำผิดพำลาดไว้จากนัดก่อนๆจนหมดสิ้น เนมานย่า มาติช 7 เปรียบเสมือนมีลูกน้องข้างกาย เพราะเขาเหมือนเป็นตัวเก็บตก และให้ แม็คโทมิเนย์ เป็นตัวปัดกวาด ลูกเก๋าของเขาช่วยให้ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถส่องไกลจากแถวสองได้เลย สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ 7 โดดเด่นเกินอายุอะไรขนาดนั้น ถึงแม้ ปอล ป็อกบา จะมีอาการบาดเจ็บ จนลงสนามไม่ได้ แต่เจ้าหนูดาวรุ่งคนนี้ ทำหน้าที่ทดแทนได้อย่างไร้ที่ติ ช่วย มาติช ตัดเกม ลิเวอร์พูล และเมื่อเขาได้บอลก็ครองบอลได้ แถมเรียกฟาวล์ให้กับทีมได้ด้วย ฆวน มาต้า 7 เกือบจะกลายร่างเป็น พรชัย เค้าแก้ว ซะแล้ว สำหรับ มาต้า เพราะมีจังหวะได้กระโดดฟาดจ่อๆหน้าปากประตูของ ลิเวอร์พูล แต่บอลเฉี่ยวเสาไปนิดเดียวเท่านั้น เกือบทำให้ “ปีศาจแดง” ขึ้นนำ 3-0 ส่วนรูปเกมทำชิ่งกับเพื่อนได้เนียนตาเหลือเกิน อเล็กซิส ซานเชซ 6.5 ค่อนข้างจะหายเงียบกับเกมไปพอสมควรเลย สำหรับ อเล็กซิส มีปั่นป่วนได้บางจังหวะ แต่โดยรวมแล้วยังถือว่าใช้ได้ มาร์คัส แรชฟอร์ด 8.5 เปิดเพลง กุ้ง สิทธิราช “ขอเป็นพระเอกในหัวใจเธอ” ไม่มีใครหล่อไปกว่าเขาวันนี้อีกแล้ว ถึงแม้ส่วนใหญ่จะได้ลงสำรอง แต่ผู้คนจะจดจำเขาในฐานะผู้ซัด 2 ประตู ให้กับ “ปีศาจแดง” เปิดบ้านเอาชนะ ลิเวอร์พูล โรเมลู ลูกากู 8 ใครบอก ลูกากู เล่นไม่ดีเวลาเจอทีมใหญ่ อยากจะเอามือไปตีปากเบาๆ เพราะเกมนี้เขาสามารถเอาชนะ ลอฟเรน ได้หลายครั้ง ซึ่ง 2 ครั้งที่เอาชนะนั้น มีส่วนทำให้ทีมได้ถึง 2 ประตู เรียกได้ว่าเป็นส่วนสำคัญของทีมจริงๆ สำรอง มารูยาน เฟลไลนี่ – 6.5 ลงมาเป็นตัวเก็บลูกกลางอากาศให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งก็สามารถช่วยได้จริงๆ เพราะลูกโด่งของ ลิเวอร์พูล ก็ติด ฟูจัง หลายครั้ง แถมยังเก็บบอลเรียกฟาวล์ได้ด้วย เจสซี่ ลินการ์ด – N/A ลงสนามมานาที 89 ก็แทบจะหมดเวลาอยู่แล้ว เลยไม่มีบทบาทอะไร มัตเตโอ ดาเมี่ยน – N/A ถูกเปลี่ยนลงมาเพื่อถ่วงเวลา และก็ไม่มีส่วนอะไรเช่นเดียวกัน ลิเวอร์พูล ลอริส คาริอุส – 6 สุดความสามารถแล้วสำหรับ ลอริส คาริอุส เพราะ 2 ลูกที่เสียนั้น มันก็ป้องกันลำบากจริงๆ โดยท้ายเกมที่จังหวะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสหลุดเดี่ยว แต่ทว่านายทวารชาวเยอรมัน ออกมาไกลเกือบถึงครั้งสนาม และตัดบอลไว้ได้ เทรนท์-อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ – 4.5 ต่อให้ข่มตานอนก็ไม่มีทางหลับลงแน่นอน เพราะเจ้าหนู “คนเหล็ก” คือคนที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ถึง 2 ประตู โดยลูกแรกถูกทาง มาร์คัส แรชฟอร์ด ล็อคหลบหลังหัก ลูก 2 ก็ยิงแฉลบเข้าประตูไปอีก เรียกว่าบ่อน้ำมันของแท้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – 5.5 เรื่องเกมรับยังไว้ใจได้ แต่วันนี้เกมรุก ลดประสิทธิภาพไปพอสมควร เพราะเติมเกมไปช่วยหลายครั้ง แต่จังหวะการเปิดเข้ามา ไม่ได้สร้างความอันตรายให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เลยแม้แต่น้อย เดยัน ลอฟเรน – 5 ถือว่าสอบตกในการตามประกบ โรเมลู ลูกากู เพราะ 2 ลูกที่เสียนั้น เริ่มมาจากการที่ ลอฟเรน ไม่สามารถสู้ลูกกลางอากาศกับ “รอม” ได้เลย สงสัยต้องให้ไปกินนมเพิ่ม เพื่อจะได้มีร่างกายที่แข็งแรงมากกว่านี้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ – 6.5 หลังจากที่ ลอฟเรน ไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของ ลูกากู ได้ ทำให้ ฟาน ไดค์จ ต้องอาสามาตามประกบ ซึ่งเจ้าตัวก็รับมือได้ดี คอยเบียดแย่งชิงจังหวะไว้ได้ โดยมีโอกาสโหม่งจ่อๆ แต่ก็ได้แค่เฉี่ยวเท่านั้น เอ็มเร่ ชาน – 5.5 เอ็มเร่ ชาน โชว์พิษสงอะไรไม่ได้เลย การวางบอลที่เคยเป็นจุดเด่นของเขา เกมนี้ก็ไม่ได้เห็น นั่นเป็นเพราะเพื่อนร่วมทีม โดนตามประกบถึงตัว เจมส์ มิลเนอร์ – 6 ถึงแม้อายุจะปาไปเลข 3 แล้ว แต่ทว่า มิลเนอร์ มีส่วนสำคัญกับเกมบุกของ ลิเวอร์พูล เหลือเกิน เขาพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้ทีมมีโอกาสตีเสมอ แต่วันนี้การเปิดบอลของเขา ไม่แม่นยำเท่าที่ควร อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน – 5 สมควรถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม เพราะ อ็อกซ์เลด ทำอะไร แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เลย แถมยังต้องเสียใบเหลืองอีกด้วย สอบตกสำหรับแดงเดือดครั้งนี้ ตอนที่โดนถอดออก สีหน้าไม่พอใจฟอร์มตัวเองชัดเจนมาก ซาดิโอ มาเน่ – 6.5 มาเน่ คือตัวรุกที่มีส่วนร่วมกับ ลิเวอร์พูล มากที่สุดแล้ว สามารถปั่นป่วนกองหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด แต่จุดอ่อนจุดเดียวของ มาเน่ วันนี้ คือการจ่ายบอล เพราะพยายามจ่ายบอลแบบได้เสีย แต่ก็ติดกองหลัง “ปีศาจแดง” ทั้งหมด โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ – 5.5 เป็นอีกคนหนึ่งคนที่แทบหายไปจากเกมแดงเดือด โอกาสได้โชว์สกิลเฉพาะตัว แทบไม่ได้เห็น โดยได้ส่องไกลอยู่ 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้สร้างความอันตราย เพราะว่าตรงตัว ดาบิด เด เคอา ทั้ง 2 ประตู โมฮาเหม็ด ซาลาห์ – 5.5 อาถรรพ์นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือน เล่นงาน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เข้าให้แล้ว เมื่อเกมนี้ ซาลาห์ กลายเป็นผู้สาปสูญไปโดยปริยาย ไม่มีโอกาสง้างเท้่าเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ได้สร้างความอันตรายเลยด้วย กว่าจะมีโอกาสยิง ก็ต้องทดเจ็บนาทีที่ 5 และซัดข้ามคาน ตัวสำรอง อดัม ลัลลาน่า – 5.5 ได้อยู่ในสนามประมาณครึ่งชั่วโมง นับว่าลงมาแล้ว ดีกว่า อ็อกซ์เลด แต่บางจังหวะมีโอกาสจ่าย แต่ก็หวงบอลจนทำอะไรไม่ได้ จอร์จินิโอ้ ไวจ์นัลดุม – 5 ลงมาเล่นในตำแหน่งแบ็กขวาจำเป็น ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย ด้วยสถิติที่เกมนอกบ้านไม่ดีอยู่แล้ว ทำให้ลงมาก็เลยช่วยทีมอะไรไม่ได้เลย โดมินิค โซลันกี้ – N/A อยู่ในสนามประมาณ 5 นาที แต่แทบไม่โดนบอลเลย ก็คงไม่ขอให้คะแนนแล้วกัน
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline