logo-heading

และแล้วทีมชาติจีน ก็กลายมาเป็นคู่แข่งด่านต่อไปของทีมชาติไทย ในรอบ 16 ทีมเอเชียน คัพ 2019 ตามที่แฟนบอลไทยส่วนใหญ่ คาดหวัง เพราะเชื่อว่าเราจะมีโอกาสเข้ารอบมากกว่าที่จะต้องไปเจอเกาหลีใต้

ผมเองก็คิดเช่นนั้น ยิ่งได้นั่งดูเกมเมื่อคืน (16 ม.ค.62) ที่ทั้งคู่แย่งแชมป์กลุ่มซีกัน ก็บอกได้เลยว่าเกาหลีใต้ นั้นแข็งแกร่งมากๆ ถ้าสมมติเราต้องเจอจริงๆ คงสู้ไม่ได้ อันนี้รับก็ต้องยอมรับตามตรง ทีมโสมขาวมีเกมรุกที่หลากหลาย แถมยังได้ ซอน เฮือง มิน มาเสริมทัพทำให้เพิ่มความน่ากลัวเข้าไปอีกทวีคูณ แม้เมื่อคืนจะยังโชว์ฟอร์มไม่ออก เพราะเพิ่งมาเล่นเกมแรก แต่เชื่อว่าในรอบต่อๆ ไป อาตี๋ซอน จะโชว์ของแน่นอน ส่วนจีนเท่าที่ดูเมื่อคืนก็ต้องบอกว่าไม่ได้มีความน่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าให้พูดตามจริง ผมว่าเกมที่เราเจอยูเออี ยังดูน่ากลัวกว่าอีก เพราะจีนเองเมื่อคืนก็แทบจะไม่ได้ลุ้นยิงประตูเลย เกมรุกก็ไม่มีอะไร เกมรับก็หลวม แต่ก็นั่นแหละ อาจเป็นเพราะเขาเจอเกาหลีใต้ ถ้าเจอทีมอื่นก็คงเห็นความอันตรายของจีนมากกว่านี้ และก่อนที่เราจะได้เชียร์ทีมชาติไทย พบกับจีน ในวันอาทิตย์ที่ 20 ม.ค.นี้ เราลองมาศึกษา หรือทำความรู้จักทีมอาตี๋แดนมังกรทีมนี้กันให้มากขึ้น กับ 10 เรื่องน่ารู้ทีชาติจีน ก่อนเจอไทยในเอเชียน คัพ ดั่งตำราสามก๊ก ตามคำพูดของ "ซุนวู" ที่ว่า รู้เขา รู้เรา รบ 100 ครั้ง ชนะ 100 ครั้ง 

1.แรงกิ้งฟีฟ่า

10 เรื่องน่ารู้ทีมชาติจีน ก่อนเจอไทยรอบ 16 ทีม เอเชียน คัพ 20 ม.ค.นี้ มาว่ากันที่เรื่องอันดังแรงกิ้งฟีฟ่ากันก่อน ปัจจุบันทีมชาติจีน อยู่อันดับที่ 76 ของโลก เป็นที่ 7 ของเอเชีย ดูแล้วไม่ธรรมดาเลย เมื่อเทียบกับทีมชาติไทย เราอยู่ที่ 118 ของโลก ห่างกัน 42 อันดับ ส่วนในเอเชีย ไทยอยู่ที่ 21 ก็ห่างกันอยู่ 14 อันดับในเอเชีย แต่ก้นั่นแหละ เรามักจะบอกว่า เรื่องแรงกิ้งฟีฟ่ามันก็เป็นแค่ตัวเลข เจอกันจริงๆ เราอาจจะชนะจีนก็เป็นได้

2.มาร์เชลโล ลิปปี้ คุมทัพ

10 เรื่องน่ารู้ทีมชาติจีน ก่อนเจอไทยรอบ 16 ทีม เอเชียน คัพ 20 ม.ค.นี้ ถ้าพูดถึงทีมชาติจีนชุดนี้ แฟนบอลเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็จะนึกถึง มาเชลโล่ ลิปปี้ กุนซือจอมเก๋าระดับตำนานของอิตาลี วัย 70 ปี ที่คุมทัพอยู่ นี่คือโค้ชที่ดังที่สุดในเอเชียน คัพ 2019 ก็ว่าได้ เป็นกุนซือผู้ผ่านการคว้าแชมป์รายการสำคัญมาเกือบจะครบหมดแล้วไม่ว่าจะเป้นแชมป์ในประเทศอิตาลี แชมป์สโมสรยุโรป แชมป์สโมสรเอเชีย และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการพาทีมชาติอิตาลี คว้าแชมป์โลกเมื่อปี 2006 นี่คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของทีมชาติจีนชุดนี้

3.นักเตะในทีม

ขุมกำลังของทีมชาติจีนชุดนี้ทั้ง 23 คน เป็นผู้เล่นจากลีกในประเทศทั้งหมด โดยมาจากทั้งหมด 8 สโมสร มากที่สุดคือ ปักกิ่ง กั๋วอัน กับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ติดมาอย่างละ 5 คน รองลงมาคือ ซานตง ลู่เนิ่ง 4 คน เซี้ยงไฮ้ SIPG กับเทียนจิน ฉวนเจียน อย่างละ 3 ที่เหลือติดมาสโมสรละคนอย่าง เหอเป่ย ไชนา ฟอร์จูน,เจียงซู เสินตี้ และ กว่างโจว R&F โดยค่าเฉลียนักเตะจีนอยู่ที่ 25-26 ปี นักเตะที่อายุน้อยสุดในทีมชุดนี้มี 3 คน อายุ 23 ปี คือ หลิว ยีหมิง กองหลัง, หลิว หยาง กองหลัง และ เหวย ซื่อห่าว กองหน้า ส่วนที่อายุมากที่สุดคือ เจิ้ง จื่อ กองกลางตัวเก๋า อายุ 38 ปี

4.ตัวอันตราย

10 เรื่องน่ารู้ทีมชาติจีน ก่อนเจอไทยรอบ 16 ทีม เอเชียน คัพ 20 ม.ค.นี้ นักเตะที่น่าจับตามองของจีน ชุดนี้ คนแรกคือ เกา หลิน กองหน้าตัวเก่งจากกว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ที่ถือเป็นดาวเตะซูเปอร์ตาร์ ประจำทีมทีม นอกจากนี้ยังมีกองกลางจอมเก๋าอย่าง เจิ้ง จื่อ ที่เล่นทีมชาติมายาวนาน แนวรับก็มีตัวเก่งอย่าง จาง หลินเผิง และ ดาวซัลโวของทีมในรายการนี้ก็คือ อู๋ เหลย กองกลางตัวเก่งที่ซัดไปแล้ว 2 ประตู ซึ่งในการพบกันล่าสุดในเกมอุ่นเครื่องที่เมืองไทย ก้ยิงไทยได้ด้วย

5.สถิติเจอไทย

10 เรื่องน่ารู้ทีมชาติจีน ก่อนเจอไทยรอบ 16 ทีม เอเชียน คัพ 20 ม.ค.นี้ ไทย กับ จีน เจอกันมาทั้งหมด 25 ครั้ง โดยจีนมีสถิติที่เหนือกว่า ชนะได้ถึง 17 ครั้ง ส่วนไทยชนะ 5 ครั้ง และ เสมอกัน 3 ครั้ง โดยชัยชนะที่ยังติดตาตรึงใจแฟนบอลอยู่ทุกวันนี้คือการบุกไปชนะจีนถึงถิ่นมังกร 5-1 เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2013 ในยุคของโค้ชซิโก้ ซึ่งนักเตะไทยชุดนี้ก็อยู่ในทีมชุดนั้นหลายคน อย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร,ปกเกล้า อนันต์,ธีราทร บุญมาทัน,ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นต้น ส่วนเกมล่าสุดที่เจอกันคือแมตช์อุ่นเครื่องที่เมืองไทย ปีที่แล้ว วันที่ 2 มิ.ย.2018 โดยเราแพ้ไป 0-2

6.เข้ารอบ 12 ทีมคัดบอลโลก

ทีมชาติจีน เข้ามาแข่งขันเอเชียน คัพ 2019 ด้วยสิทธิ์การเป็น 1 ใน 12 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก รอบ 12 ทีมสุท้าย เหมือนกับทีมชาติไทย แต่ผลงานในรอบคัดเลือกบอลโลก ก็ไม่ดีเท่าไหร่ โดยได้รองบ๊วยของกลุ่มเอ ชนะ 3 เสมอ 3 แพ้ 4 เก็บได้ 12 คะแนน

7.ผลงานในเอเชียน คัพ ที่ผ่านมา

ส่วนผลงานในเอเชียน คัพ ที่ผ่านๆ มา ของทีมชาติจีน เข้าร่วมทั้งหมด 11 ครั้ง โดยปีแรกที่ลงเล่นคือปี 1976 ที่ประเทศอิหร่าน คว้าอันดับ 3 มาครอง หลังจากนั้นก็เข้าร่วมมาเรื่อย มีผลงานดังนี้ 1980 ที่คูเวต ตกรอบแรก,1984 ที่สิงคโปร์ ได้รองแชมป์ แพ้ซาอุ รอบชิง 2-0, 1988 ที่กาตาร์ ได้ที่ 4, 1992 ที่ ญี่ปุ่น ได้ที่ 3 , 1996 ที่ยูเออี ตกรอบ 2 (8 ทีม), 2000 ที่เลบานอน ได้ที่ 4 , 2004 เป็นเจ้าภาพ ได้รองแชมป์ แพ้ญี่ปุ่น นัดชิง 3-1, 2007 ที่อาเซียน (มาเลเซีย) ตกรอบแรก, 2011 ที่ กาตาร์ ตกรอบแรก และครั้งล่าสุด 2015 ที่ออสเตรเลีย ตกรอบ 2 (8 ทีม) แพ้ออสเตรเลีย ที่สุดท้ายเป็นแชมป์ 2-0

8.ผลงานรอบแรก

ส่วนผลงานในเอเชียน คัพ หนนี้ รอบแรกที่ผ่านมา ทีมชาติจีน ชนะ 2 แพ้ 1 เก็บได้ 6 คะแนน เข้ารอบมาเป็นที่ 2 ของกลุ่มซี โดยผลงานนัดแรกชนะ คีร์กีซสถาน 2-1 นัดที่ 2 ชนะฟิลิปปินส์ 3-0 และเกมล่าสุดแพ้เกาหลีใต้ 0-2

9.ระบบและสไตล์การเล่น

แผนการเล่นในรอบแรกที่ผ่านมา เกมแรกกับ คีร์กีซสถาน จีน เล่นระบย 5-3-2 โดยเน้นอันหลังให้แน่น ส่วนอีกสองเกมถัดมาใช้ระบบ 4-3-3 ซึ่งก็คาดว่าเกมที่จะเล่นกับทีมชาติไทยก็คงเป็นระบบ 4-3-3 หรือถ้าศึกษาแผนการเล่นของไทยมาว่าเล่น 3-5-2 ก็อาจจะกลับไปใช้ 5-3-2 ก็เป็นได้ ก็ขึ้นอยู่กับการวางหมากของ ลิปปี้ ส่วนสไตล์การเล่นของทีมชาติจีนชุดนี้ เป็นทีมที่เน้นรัดกุม อาศัยจังหวะเข้าทำเร็ว เน้นเกมรับแน่นไว้ก่อน และอาศัยการสวนกลับ แต่การมาเจอทีมชาติไทย ก็เชื่อว่าคงจะเปิดเกมรุกเข้าใส่ เพราะเป็นทีมที่เหนือกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็คงไม่ปล่อยให้ไทยได้บุกง่ายๆ เหมือนกัน

10.จุดอ่อน และจุดแข็ง

จุดแข็งและความน่ากลัวของทีมชาติจีน คือพวกเขามีนักเตะที่รูปร่างสูงใหญ่และแข็งแกร่งกว่าไทยแน่นอน แถมผู้เล่นแนวรุกยังมีความเร็ว แต่จุดอ่อนก็คือประสิทธิภาพในเกมรุกก็ยังไม่เฉียบคมและหลากหลายเท่าไหร่ รูปเกมในสามนัดที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ดีกว่าคู่แข่งมาก ทำให้เชื่อว่าเกมนี้ถ้าได้เล่นได้ตามแผนที่วางไว้ และสู้เหมือนสองนัดที่ผ่านมา ก้น่าจะสู้กับจีนได้อย่างสนุกแน่นอน นี่ก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นทั้งหมดของทีมชาติจีน ซึ่งน่าจะพอมีประโยชน์อยู่บ้างที่จะทำให้ท่านผู้อ่านได้รู้จักคู่ต่อสู้ของเรามากขึ้น และอย่าลืมวันอาทิตย์ที่ 20 ม.ค.นี้ มารวมใจกันอีกครั้ง เพื่อเชียร์ทีมชาติไทยของเรา ให้ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายของเอเชียน คัพ ให้ได้

มูซาชิ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline