logo-heading

ฟุตบอลนัดพิเศษ “เทสติโมเนียล แมตช์ พิภพ อ่อนโม้” จบไปแบบคนชื่นชมทั้งประเทศ ทุกๆอย่างคือความประทับใจที่เกิดจากการสร้างสรรค์ด้วยหัวใจรักฟุตบอลจริงของทีม “ชลบุรี”

นี่คือ “เทสติโมเนียล แมตช์” ระดับ “สโมสร” ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของ “ไทยลีก” โดยมี “เจ้าชายฉลาม” ที่รับใช้สโมสรมาอย่างนานเกินกว่า 10 ปีรับบทเป็นพระเอกของงาน “เจ้าชายฉลาม” และ “หมาล่าเนื้อ” “พิภพ” หรือ “กบ” หรือ “โม้” อาจไม่ใช่นักเตะนามพระกาฬในระดับทีมชาติไทย แต่สำหรับชลบุรีแล้วนี่คือ “ตำนาน” ที่ถูกสถาปนาให้เป็น “เจ้าชาย” ของสาวก “ฉลามชล” ก้าวแรกของ “ดช.พิภพ” มาอยู่กับ “อัสสัมชัญ ศรีราชา” ที่เป็นจุดเริ่มต้นตำนานลูกหนัง “เมืองชล” ตั้งแต่ ม.3 เมื่อครั้งอายุแค่ 13 ปีก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์ลูกหนังขาสั้นมามากมาย สำหรับระดับสโมสร “พิภพ” เริ่มที่่ ชลบุรี สันนิบาตรฯ ในดิวิชั่น 1 แล้วไปสร้างชื่อกับ บีอีซี เทโรศาสน คว้าแชมป์ไทยลีก 2 สมัย รวมถึงรองแชมป์ “เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2003” เส้นทางลูกหนังของ “พิภพ” กลับคืนสู่ชลบุรีอีกครั้งในปี 2005 หลังจากนั้น “ฉลามชล” เริ่มผงาดขึ้นมาซ่าในยุทธจักรลูกหนังไทย พร้อมได้รับคำชื่นชมว่าเป็น “ทีมต้นแบบบอลไทย” “เจ้าชายฉลาม” และ “หมาล่าเนื้อ” จาก “แชมป์โปรลีก 2005” ต่อยอดสู่ “แชมป์ไทยลีก 2007” ตามด้วย “แชมป์เอฟเอคัพ 2010” และ “แชมป์ถ้วยพระราชทาน ก” อีก 4 สมัย ในปี 2008, 2009, 2011, 2012 บทเพลง “เกิดมาเพื่อเป็นแชมป์” ของแฟนบอลชลบุรีดังสนั่นให้ได้ยินติดหูในช่วงนั้น นั่นคือช่วงเวลาที่ฮอตที่สุดของ “พิภพ” ที่มีส่วนร่วมกับทุกแชมป์ จนกระทั่งถูกเรียกติดทีมชาติ ช่วงฮอตๆ “พิภพ” เคยได้รับการทาบทามให้ไปค้าแข้งใน “เอสลีก” สิงคโปร์ ที่สมัยยังบูมกว่า “ไทยลีก” ด้วยสนนราคาค่าเหนื่อยหลักแสนต่อเดือน แต่ “พิภพ” ตัดสินใจที่จะอยู่รับเงินเดือนหลักหมื่นต้นๆที่เมืองไทยหลัง “ผู้ใหญ่” ของชลบุรีบอกว่า “ช่วยกันก่อน” นั่นคือการ “ซื้อใจ” ที่ทำให้กลายเป็น “เจ้าชายฉลาม” ในที่สุด เมื่อ “พิภพ” ตัดสินใจแขวนสตั๊ดในวัยแตะ 40 ปีชลบุรีจึงตอบแทนให้แบบจัดเต็ม ทั้งเงิน 4 ล้านบาท ส่งเรียนโค้ชให้จบ “โปรไลเซนส์” ดูแลทุนการศึกษาบุตร-ธิดาจนจบปริญญาตรี “เจ้าชายฉลาม” และ “หมาล่าเนื้อ” เหนือสิ่งอื่นใดคือ “เกียรติยศ” ที่ไม่ได้รับกันง่ายๆในการจัดเกม “เทสติโมเนียล แมตช์” ให้แบบยิ่งใหญ่ นี่คือนัดที่เป็นประวัติศาสตร์ที่ยังไม่รู้ว่าจะมีนัดต่อไปเกิดขึ้นอีกเมื่อไรด้วยซ้ำ ไม่แปลกที่จะเห็นภาพ “พิภพ” ร่ำไห้กล่าวอำลาสนามแบบแฟนบอลน้ำตาคลอตาม เพราะทุกอย่างคือความตื้นตันใจ กลั่นออกมาจากหัวใจ “พิภพ” กล่าวขอบคุณทุกคนที่ทำให้ก้าวมาจนถึงวันนี้ โดยเฉพาะการเอ่ยว่า “ขอบคุณพ่อคนที่ 2 ของผม คุณอรรณพ สิงห์โตทอง คุณธนศักดิ์ สุรประเสริฐ” ทั้ง “คุณณพ” และ “คุณตุ๋ย” คือคีย์แมนสำคัญที่เริ่มสร้างลูกหนัง “ฉลามชล” มาตั้งแต่สมัย ร.ร.อัสสัมชัญ ศรีราชา โดยมี สนธยา-วิทยา คุณปลื้ม คอยสนับสนุนเต็มตัว นับจากเด็กใน "โครงการช้างเผือก" รุ่นแรกที่เกิดพ.ศ.2518 มาจนถึงระบบ “อคาเดมี” แบบเต็มตัวในปัจจุบันต้องบอกว่ามีนักเตะหลักพันคนที่ได้รับโอกาสสร้างชีวิตกับทีมชลบุรี “พิภพ” คือ 1 ในอีกหลายๆคนที่สามารถสร้างชีวิตดีๆได้จากเกมฟุตบอล แต่ก็มีอีกหลายคนที่ทิ้งโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย  “หลายๆคนมีแววสุดยอดสมัยเด็กๆ แต่ต้องล้มหายตายจากไปเพราะทัศนคติ วินัย สิ่งเร้าต่างๆ” นี่คือคำกล่าวของ “คุณณพ” ที่สร้างนักเตะตั้งแต่รุ่นเด็กๆมาไม่ต่ำกว่า 20 ปีแล้ว “เจ้าชายฉลาม” และ “หมาล่าเนื้อ” ว่ากันว่าชีวิตนักฟุตบอลเปรียบเสมือน “หมาล่าเนื้อ” ยามมีเขี้ยวเล็บ ทรงพลังมีเรี่ยวแรง ย่อมเป็นที่ต้องการ แต่เมื่อหมดสภาพถูกปลดระวาง...ก็ไร้ค่า ชีวิตนักฟุตบอลไม่ได้แตกต่างกัน อายุการทำงานมีไม่มาก ช่วงเวลาหาเงินมีน้อย ใครไม่แตกแถว รับผิดชอบหน้าที่ตัวเองให้ดี วางแผนชีวิตดีๆ บั้นปลายชีวิตก็ไม่ลำบาก แต่ถ้าหลงระเริงออกนอกลู่นอกทาง อนาคตบนเส้นทางอาจจบเร็วก่อนกำหนด ส่วนชีวิตบั้นปลายมีตัวอย่างให้เห็นมากมายในเรื่องราวชีวิตอดีตนักกีฬาที่ “ตกอับ !!!” ฟุตบอลไทยสมัยนี้รายได้สูงกว่าวันวานเยอะ นักเตะมีความรับผิดชอบมากขึ้น แต่ยังมีไม่น้อยที่ดันทิ้งโอกาสดีๆไปเพราะสิ่งเร้าต่างๆรอบตัว ไม่ว่าจะผู้หญิง การพนัน ฯลฯ หนักกว่านั้นมีบางคนที่ “อกตัญญู” ต่อผู้มีพระคุณที่ให้การช่วยเหลือ ทั้งลืมตัว หนีหนี้ เบี้ยวเงิน ผิดคำพูด คนพวกนี้ที่สุดแล้วคงหนีไม่พ้น “เวรกรรม” ที่ตามลงทัณฑ์ คนที่มอบโอกาสสร้างชีวิตให้เด็กๆด้วยฟุตบอลจนได้ฉายา “เดอะเซนต์” อย่าง “คุณณพ” พบเจอเรื่องพวกนี้มาหมดแล้ว แต่ไม่ได้คิดเอามาเป็นสิ่งที่บั่นทอนจิตใจ “คุณณพ” บอกว่า “คนที่โตมากับเราต้องมีทั้งที่ดีมั้ง ไม่ดีมั้ง ถ้ามัวแต่คิดถึงพวกไม่ดีแล้วไม่ทำบอลต่อ มันจะปิดโอกาสเด็กคนอื่นๆที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่” ทุกวันนี้คำว่า “โอกาส” ยังมีมากมายในวงการฟุตบอล ใครคว้าได้แล้วต้องกำไว้ให้แน่น ใครยังไม่ได้หรือตามหาอยู่ก็พยายามต่อไป จงจำเอาไว้ว่าทำดีย่อมได้ดี สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ความกตัญญู” เชื่อว่าการอำลาสนามของ “เจ้าชายฉลาม” น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับนักฟุตบอลหลายๆคน                                                                               “บับเบิ้ล”
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline