logo-heading

การพลาดแชมป์อาเซียนของ “ยู 22” เมื่อสัปดาห์ก่อนถูกวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร เพราะเกมระดับอาเซียนแบบนี้หากทีมชาติไทยไม่ประสบความสำเร็จทีไรต้องเป็นเรื่องทุกที !!!

มุมมองแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่แฟนบอลไทยจริงๆ ส่วนใหญ่ดูจะเข้าใจเหตุและผล ไม่ใช่หลับหูหลับตาด่าเอามันปากอย่างเดียว ทีมชาติไทยชุดยู 22 จริงๆ แล้วคือทีม “ยู 23” เพราะเป็นชุดเตรียมทีมสำหรับ “ยู 23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020” ในปีหน้าเพื่อล่าตั๋วไปกีฬาโอลิมปิกเกมส์ “โตเกียว 2020” เด็กที่เล่นในรุ่นนี้ได้คือพวกที่เกิดตั้งแต่ “พ.ศ.2540” ซึ่งหลายคนถือเป็น “วันเดอร์ คิด” ก้าวไปสู่ระดับตัวหลักใน “ไทยลีก” กันหลายคนแล้ว ดังนั้น “ยู 22 ชิงแชมป์อาเซียน 2019” ที่จัดไปในช่วงกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจึงเป็นปัญหา เนื่องจากเป็นโปรแกรมไม่ได้อยู่ในช่วง “ฟีฟ่าเดย์” และคิวเตะทับซ้อน “ไทยลีก” เส้นทางล่าฝัน “โอลิมปิก 2020” ทีมชาติไทยภายใต้การทำทีมของ อเลกซานเดอร์ กามา เจอปัญหาตั้งแต่เริ่ม ประกาศรายชื่อเรียกนักเตะ 35 คนเพื่อไปล่าแชมป์อาเซียน แต่มีถอนตัวถึง 25 คน !!! “กามา” และทีมงานต้องเอารายชื่อนักเตะในฐานข้อมูลมาพิจารณาผู้เล่นเพิ่มเติม เนื่องจากตัวหลักๆ ไม่ได้รับไฟเขียวจากสโมสร การเตรียมทีมของ “กามา” ในช่วงแรกจึงต้องเป็นไปแบบซ้อมไปเรียกตัวใหม่เพิ่มไป ตำแหน่งไหนขาดหรือไม่พอต้องหาใหม่ กระทั่งสุดท้ายได้ทีมชุดไปล่าแชมป์อาเซียนที่กัมพูชา แน่นอนว่านักเตะไม่ใช่ชุดใหญ่ ตัวหลักๆ ในระดับอายุนี้ต้องลงเล่นให้กับสโมสรใน “ไทยลีก” ฤดูกาลใหม่ ใครหลายคนจึงทำใจตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องแล้วว่าโอกาสรอดยาก เส้นทางล่าฝัน “โอลิมปิก 2020” แต่ “กามา” และนักเตะทุกคนช่วยกันทำผลงานให้ดีที่สุดจนกระทั่งไปถึงรองแชมป์ จากทั้งหมด 5 นัด แพ้เกมเดียว เสียไปแค่ 2 ประตูในนัดชิงชนะเลิศที่แพ้ อินโดนีเซีย เท่านั้น นี่ไม่ใช่ผลงานที่เลิศเลอ แต่ไม่ใช่เรื่องเสียหายมากมาย ทุกอย่างมีที่มาที่ไปอย่างที่บอก ต้องชื่นชมทุกคนด้วยซ้ำที่เอาตัวรอดมาได้ ทั้งที่ถูกมองว่าน่าจะจอดป้ายตั้งแต่ไก่โห่ “กามา” ไม่โวยวายอะไรใหญ่โตแต่ใช้ทรัพยากรนักเตะที่มีจนไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ผู้เล่นทุ่มเทเต็มร้อยเพื่อชาติ หลายสโมสรปล่อยนักเตะมาให้ทีมชาติไทย นี่คือสิ่งที่ต้องชื่นชม อย่าลืมว่าเป้าหมายหลักของทีมชุดนี้คือเกมชิงแชมป์เอเชียเพื่อล่าตั๋วไปโอลิมปิก 2020 นั่นหมายความว่าระหว่างทางอาจมีพลาดบ้าง สะดุดบ้าง แต่ต้องไม่ลืมเป้าหมายที่แท้จริง “ของจริง” ที่นักเตะชุดนี้ต้องเจอคือ “ยู23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020” รอบคัดเลือก กลุ่มเค ในระหว่างวันที่ 22-26 มี.ค.ที่ประเทศเวียดนาม รวมถึงรอบสุดท้ายในปี 2020 ต้องเข้าใจว่าทีมชาติไทยได้สิทธิ์เล่นรอบสุดท้ายอยู่แล้วเพราะเป็น “เจ้าภาพ” แต่ทีมจะเล่นรอบคัดเลือกด้วยเพื่อเป็นการเตรียมทีม ทีมชาติไทยมีโอกาสจะได้ล้างแค้น อินโดนีเซีย ตั้งแต่นัดแรกในวันที่ 22 มี.ค.เลย ต่อด้วยเจอ บรูไน วันที่ 24 มี.ค.และปิดท้ายงานหนักกับ “เจ้าบ้าน” เวียดนาม วันที่ 26 มี.ค. ทัวนาเมนต์นี้ทุกชาติต้องจัดเต็มแน่ เพราะเป็นช่วง “ฟีฟ่าเดย์” ที่สโมสรต้องเปิดไฟเขียว บรรดานักเตะตัวหลักๆจะต้องลงรับใช้ชาติ ตัวหลักๆ ของไทยหลายคนที่ถอนตัวไปจะถูกเรียกกลับมาอีกครั้งเพื่อรวมกับนักเตะชุดรองแชมป์อาเซียนหนล่าสุดที่คาดว่าน่าจะเหลือไม่เกิน 7-8 คนที่ฟอร์มเข้าตาจริงๆ เส้นทางล่าฝัน “โอลิมปิก 2020” สำหรับตัวหลักที่จะถูกเรียกกลับมาคาดว่าแต่ละตำแหน่งไม่ธรรมดา ไล่จากผู้รักษาประตู นนท์ ม่วงงาม อยู่ในโผด้วยแน่นอน กองหลังมีทั้ง ชินภัทร์ ลีเอาะ, มีโชค มหาศรานุกูล, จักรกฤษณ์​ เวชภิรมย์, เควิน ดีรมรมย์ ที่อยู่ในโผ ตรงกองกลางแน่นปึ้กทั้ง วรชิต กนิตรศรีบำเพ็ญ, สุภโชค สารชาติ, อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, เอกนิษฐ์ ปัญญา, รัตนากร ใหม่คามิ ที่ล้วนเป็นตัวหลักของสโมสรใน “ไทยลีก” กองหน้าจะมีหัวหอกจากทีมชาติไทยชุดใหญ่ ศุภชัย ใจเด็ด เป็นทีเด็ด เรียกได้ว่าทุกขุมกำลังพลแตกต่างจากการไปลุยเกมชิงแชมป์อาเซียนแน่นอน ดังนั้นอย่าเพิ่งถอดใจว่าขนาดอาเซียนยังไม่รอดแล้วจะไปหวังในระดับเอเชียได้อย่างไร เพราะนักเตะเป็นคนละชุดกัน แตกต่างกันอย่างชัดเจน เส้นทางล่าฝัน “โอลิมปิก 2020” แต่ปัญหาที่ “กามา” ต้องเจอคือการเตรียมทีม กว่า “ไทยลีก” จะจบวันที่ 17 มี.ค. ถึงจะได้นักเตะมารวมตัววันที่ 18 มี.ค. แล้ววันที่ 20 มี.ค.เดินทาง ก่อนเตะนัดแรกวันที่ 21 มี.ค. ที่สำคัญคือหลังจากทัวนาเมนต์นี้แล้วต้องวางแผนเตรียมทีมระหว่างทางให้ดีๆด้วย คิวอุ่นเครื่องควรต้องมีพร้อมๆกับทีมชาติไทยชุดใหญ่ในทุกๆครั้งของ “ฟีฟ่าเดย์” ส่วนโค้งสุดท้ายการเตรียมทีมไม่น่ามีปัญหา เพราะครั้งนี้ “ซีเกมส์” เตะปลายปีหลัง “ไทยลีก” จบ ทำให้จะได้เตรียมต่อเนื่องไปถึงเกมชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ในต้นปีหน้าเลย เตรียมทีมดีๆมีลุ้นแน่กับเส้นทางสู่ฝัน “โอลิมปิก 2020” ของทีมชาติไทย แม้ว่าจะยาก แต่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ และถ้าไม่หวังจริงๆคงไม่เสนอตัวเป็น “เจ้าภาพ” เพื่อชิงตั๋วแน่นอน                                                                 “บับเบิ้ล”
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline