ฟุตบอล “ไทยลีก” เตะผ่าน 4 นัดหรือ 1 เดือนแรกไปแล้ว สถานการณ์แต่ละทีมมีทั้งที่ “ตามคาด” และ “ผิดคาด”
ทีมที่นำ
“จ่าฝูง” กลายเป็น
พีที ประจวบ ที่ก่อนเปิดฤดูกาลถูกมองว่าจาก
“น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์” จบฤดูกาล 2018 ด้วยอันดับ 6 จะซ่าไม่ออกในฤดูกาลนี้
แต่เอาเข้าจริงๆ “โค้ชวัง”
ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ยังพาทีมทำผลงานได้ดี โดยเฉพาะเกมในบ้านที่เป็นจุดเด่นยังแข็งแกร่ง เล่นในบ้าน 2 เกมชนะรวด
นอกจากนี้นักเตะหลายคนยังทำผลงานได้จนถูกเรียกไปติดทีมชาติไทยทั้ง
นัสตพล มาลาพันธ์ และ
จิตปัญญา ทิสุด
ขณะที่ตัวต่างชาติอาจไม่มีใครคิดถึง
โจนาธาน เฮส ดาวยิงที่มีปัญหาตอนจากลาแล้ว เพราะ
มัทเธอุส อัลเวส กับ
เฮอลิสัน ไคคอน ประสานงานกับได้ดีทีเดียว
อย่างไรก็ดีนี่คือการเริ่มต้นเท่านั้น เกมลีกยังต้องลุ้นกันอีกยาวนาน ถึงตอนนี้บรรดา
“บิ๊กทีม” เริ่มจะกลับคืนฟอร์มกันแล้วทำให้การชิงตำแหน่งบนหัวตารางน่าจะลุ้นกันสนุก
ไล่เรียงตั้งแต่ “แชมป์เก่า”
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สตาร์ทไม่สวยเสมอใน 2 เกมแรก แต่ 2 เกมล่าสุดคว้า 6 แต้มเต็มขึ้นไปอยู่รองจ่าฝูงแล้ว
กองหน้าตัวใหม่ที่ถูกวิพากษ์อย่างมาก
เปโดร จูเนียร์ นับ 1 ยิงประตูแรกได้แล้ว ส่วน
ฮาจิเมะ โฮโซไก เริ่มลงเล่นแล้วด้วยคลาสบอลที่สมราคาเคยไปเตะในบุนเดสลีกา เยอรมนี
ขณะที่นักเตะไทยไม่ธรรมดา
สุภโชค สารชาติ กดไป 3 ประตูนำเป็นดาวซัลโวคนไทย เรียกได้ว่าศักยภาพของ “ปราสาทสายฟ้า” พร้อมป้องกันแชมป์แบบเต็มที่
ส่วนทีม
“ผู้ท้าชิง” ที่ดูจะสร้างความผิดหวังให้คนที่อยากเห็นแชมป์หน้าใหม่คือ
ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ล่าสุดโดน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกมายัดเยียดความปราชัยเกมแรกคาบ้าน !!!
สถานการณ์ของ
“มาโน” ยามนี้ไม่รู้จะยังไงต่อ แม้จะมีสถิติคุมทีมในไทยลีกไปแล้ว 200 นัด และคุม “แข้งเทพ” ไปแล้วถึง 156 เกม แต่ผลงานยังไม่มีคำว่าแชมป์แล้ว
วลีที่โหมโรงช่วงก่อนเปิดฤดูกาลของทีมว่า
“ปีนี้พี่เขามาแน่” อาจต้องถามใหม่ว่า
“มาโน่จะยังไงแน่ ?” เพราะสะดุดหัวทิ่มในเกมนัดสำคัญอีกแล้ว
ขณะที่ทีมอื่นๆในกลุ่มลุ้นแชมป์ผลงานถือว่ามีทั้งขึ้นทั้งลง ที่มาแรงตอนแรกคือ
การท่าเรือ ขึ้นนำจ่าฝูงในสัปดาห์ที่ 3 แต่เกมล่าสุดดันได้แค่เสมอในบ้านจึงตกมาอันดับ 3
ส่วน เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เริ่มต้นไม่สวยแพ้รวดจนมีข่าวว่า “โค้ชเบ๊”
ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก จะกระเด็นตกเก้าอี้ก่อนใครเพื่อน แต่ไปๆมาๆชนะ 2 นัดรวดแล้วอยู่อันดับ 8
ดูจากอันดับบนตารางคะแนนของแต่ละทีมอาจห่างกัน แต่ถ้าดูจากคะแนนแล้วไม่ห่าง สถานการณ์ของทุกทีมสามารถไล่ทันกันได้หมด
ต้องบอกว่าหลายๆทีมในช่วงต้นฤดูกาลผลงานยังไม่นิ่งจริงๆ อย่าง
สมุทราปราการ ซิตี้ ชนะใน 2 เกมแรกจนเคยขึ้นไปเป็นจ่าฝูงร่วม แต่ 2 เกมหลังก็ยังไม่ชนะใครตกมาอันดับ 4
นครราชสีมา มาสด้า กลายเป็นทีมที่เก่งนอกบ้านชนะรวด แต่ในบ้านดันชนะไม่เป็น ไม่งั้นคงไม่อยู่แค่อันดับ 5 เหมือนตอนนี้แน่
เจ้าพ่อบอลถ้วยอย่าง
สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด นี่ยิ่งไม่แน่ไม่นอน ชนะนอกบ้านได้ แพ้ในบ้านได้ อันดับเลยยังเกาะๆอยู่ที่กลางตาราง
ทีมที่เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ต้องยกให้
สุพรรณบุรี ที่ยังไม่แพ้ใครและคว้าชัยชนะนัดแรกได้แล้ว ที่สำคัญดาวยิงตัวความหวังอย่าง
เคลตัน ซิลวา และ
โจนาธาน เฮส ยิงได้ทั้งคู่
ที่ไม่ดี ไม่แย่ คือ
สุโขทัย เตะไป 4 นัดไม่ชนะ ไม่แพ้ มี 4 แต้มแบบที่ จอห์น บาจโจ ถูกยกให้เป็น
“เดอะแบก” อย่างแท้จริง
ส่วนทีม
“น้องใหม่” เริ่มผลงานดีขึ้นกันถ้วยหน้า ทุกทีมมีแต้มหมดแล้ว
พีทีที ระยอง แชมป์ไทยลีก 2 ฤดูกาลที่แล้วพอชนะนัดแรกแรกก็มีแต้มที่สองตามาทันที ตอนนี้มี 4 แต้มแล้ว
ขณะที่
เชียงใหม่ คว้าชัยชนะนัดประวัติศาสตร์บนเวทีไทยลีกด้วยแล้วในนัดล่าสุด สถานการณ์ดีขึ้นเยอะมี 4 แต้มเช่นกัน
เหลือเพียงแค่
ตราด เท่านั้นที่ยังชนะใครไม่เป็นและเสียสถิติแพ้ในบ้านไปแล้ว แต่ไม่ถือว่าย่ำแย่หนักเพราะมี 2 แต้มตามสภาพอยู่แล้ว
เช่นเดียวกับ
ชัยนาท ฮอร์นบิล ที่ถูกคาดหมายว่าปีนี้น่าจะเหนื่อย แต่เอาจริงๆเล่นได้ดี แม้ว่าจะยังหาชัยชนะนัดแรกไม่เจอ แต่เพิ่งแพ้ไปแค่เกมเดียว ทรงบอลดูแล้วถืว่าพอได้ลุ้น
แต่ที่ผิดคาดของหลายคนคือ
ราชบุรี มิตรผล ที่เริ่มต้นดีมี 3 แต้ม แต่ 3 เกมหลังแพ้รวด ไม่รู้ว่าถ้าสภาพนี้แล้วการเปลี่ยนโค้ชจะเริ่มเมื่อไร เพราะปีที่แล้วใช้โค้ชไปถึง 4 ราย
ที่หนักสุดๆเลยคือ
ชลบุรี ที่ผลงานถือว่าผิดคาดไปมากเหมือนกัน จากนัดแรกบุกเสมอ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่ 3 นัดหลังแพ้รวดเก็บไม่ได้สักแต้ม
สภาพของ “ฉลามชล” ยามนี้เหมือนเมาหมัดจน “โค้ชโบ้”
จักรพันธ์ ปั่นปี ถูกตั้งคำถามจากแฟนๆ อยู่ทุกวันนี้ว่าจะอยู่รอดจนจบฤดูกาลหรือไม่
ถึงตรงนี้ทุกทีมมีเวลาพัก 2 สัปดาห์ในช่วงปล่อยนักเตะไปรับใช้ชาติใน
“ฟีฟ่าเดย์” หลังจากนั้นเกมจะกลับมาเตะกันใหม่วันที่ 30 มี.ค.
ทีมไหนสถานการณ์จะดีขึ้นหรือจะแย่ลงต้องมารอลุ้นกัน ไทยลีกลุ้นกันยาวๆอยู่แล้ว 4 นัดแรกเป็นแค่การเริ่มต้น หลังจากนี้ยังมีอะไรให้
“ดราม่า” อีกเยอะ...ฟันธง
“บับเบิ้ล”