logo-heading

จบไปอีกศึกสำหรับฟุตบอล "ไชน่า คัพ 2019" ที่ทีมชาติไทย ของเราบุกข้ามน้ำข้ามทะเลไปคว้ารองแชมป์มาครองได้ตามเป้า แม้จะแพ้ในนัดชิงชนะเลิศ แต่ก็เป็นการแพ้อย่างสมศักดิ์ศรีต่อทีมอันดับ 7 ของโลก อย่างอุรุกวัย

ต้องขอปรบมือดังๆ และต้องชื่นชมกับผลงานของทัพช้างศึก ของเราที่ไปโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมในศึก 4 เส้า "ไชน่า คัพ 2019" ที่แดนมังกร ประเทศจีน เชื่อว่าทุกท่านคงได้ชมการแข่งขันในเกมนัดชิงชนะเลิศกับอุรุกวัย กันไปแล้วเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา (25 มี.ค.62) แม้เราจะแพ้ให้กับทีมจอมโหดจากอเมริกาใต้ ไป 0-4 แต่มันก็เป็นผลการแข่งขันที่แฟนบอลไทยรับได้ และเราก็สู้อย่างเต็มที่แล้ว กับการเจอทีมระดับโลกแบบนี้ ผมคงไม่ลงรายละเอียดเรื่องของเกมเมื่อคืนนี้แล้ว เพราะทุกคนก็คงได้เห็นกันแล้ว แต่ที่จะมาพูดถึงในวันนี้ ก็คือเรื่องอนาคตหลังจากนี้ต่อไปของทีมชาติไทย ว่าจะเดินไปทางไหนกันต่อดี เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าทัวร์นาเม้นท์นี้ เป็นรายการสุดท้ายของ "โค้ชโต่ย" ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย พร้อมทีมงานเดิมของ "ราเยวัช" หลังจากนี้ก็คงจะมีทีมงานสตาฟฟ์โค้ชช้างศึกชุดใหม่เข้ามา แต่อย่างไรก็ดี ทั้งโค้ชโต่ย และ โชคทวี ก็น่าจะยังอยู่ในทีมงานสตาฟฟ์ต่อไป ซึ่งควรจะเป็นเช่นนั้น โดยแนวโน้มกุนซือคนใหม่ของทีมชาติไทย น่าจะเป็นต่างชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ และก็น่าจะมาจากทางฝั่งยุโรปด้วย ตามที่ท่านนายกสมยศ ได้ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ แต่จากท่าทีของสมาคมฯ ตอนนี้ก็ดูเหมือนตัวเลือกที่เราติดต่อทาบทามไป ยังไม่ลงตัว และยังไม่มีความชัดเจนว่าใครจะเป็นเต็งหนึ่งที่จะมาคุมทีม ตามข่าวก็มีทั้งโค้ชชาวอังกฤษ,โครเอเชีย,เยอรมัน และ ฮอลแลนด์ ที่เป็นแคนนิเดตอยู่ตอนนี้ แต่ถ้าไม่ใช่โค้ชยุโรป หรือเจรจากันไม่ลงตัว ก็มีทางออกอยู่สองอย่างคือ ให้อเล็กซานเดร กาม่า กุนซือ ชุดยู23 คุมทีมทั้งสองชุด หรือไม่ก็ให้โค้ชโต่ย รักษาการต่อไป แต่ดูแล้วความเป็นไปได้ค่อนข้างอยากทั้งสองช้อยส์ เพราะ กาม่า เองก็คงอยากจะมีสมาธิกับชุดเล็กเต็มที่ ส่วนโค้ชโต่ยก็มีปัญหาเรื่องโปรไลเซนส์ ดังนั้นท้ายที่สุดสมาคมฯ ก็คงจะไปหาใครมาคุมทีมจนได้นั่นแหละ นั่นเป็นเรื่องของความน่าจะเป็น และสิ่งที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กำลังเร่งดำเนินการอยู่ แต่ถ้าถามความคิดส่วนตัว รวมถึงกระแสแฟนบอลไทยส่วนใหญ่ ก็ดูเหมือนว่าทุกคนยังแฮปปี้กับการทำทีมของ "โค้ชโต่ย" กับ "โค้ชโชค" อยู่ ซึ่งเอาจริงๆ ความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าถ้าจะให้ "โค้ชโต่ย" ทำต่อไปก็ไม่น่าเกลียด และก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรขนาดนั้นด้วย เรื่องโปรไลเซนส์ที่ยกขึ้นมาเป็นเงื่อนไขนั้น จริงๆ เราก็สามารถต่อรองกับเอเอฟซี ได้ เพราะก่อนหน้านี้ตอน "โค้ชซิโก้" คุมทีมชาติไทย ลงเตะบอลโลก รอบคัดเลือก ตอนนั้นกุนซือจอมตีลังกาก็ยังไม่จบโปรไลเซนส์ เหมือนกัน ซึ่งตอนนั้น โค้ชซิโก้ ก็เรียนโปรอยู่ เช่นเดียวกับ "โค้ชโต่ย" ที่สมาคมฯ ก็ส่งเรียนอยู่ตอนนี้ ดังนั้นเราสามารถที่จะพูดคุยกับทางเอเอฟซี ได้ไม่มีปัญหา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อาจมีความเป็นไปได้ว่า บางช่วงที่โค้ชโต่ย ไปอบรมมันอาจจะชนกับช่วงมีโปรแกรมแข่งพอดี แม้จะสามารถมาทำหน้าที่ได้ แต่ก็จะเสียเวลาในการอบรมโปรฯ ไปอีก ทำให้จบช้ากว่าเดิม ก็เป็นไปได้ว่าทางสมาคมฯ อยากจะให้โค้ชโต่ย มีสมาธิกับดารเรียนโปรให้เต็มที่ จบมาเมื่อไหร่ก็มีโอกาสกลับมาคุมทีมชาติไทยในอนาคตแน่นอน ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่รับได้ จากนี้ก็คงต้องลุ้นกันละครับว่าใครจะมาเป็นแม่ทัพคนใหม่ของช้างศึก ถ้าให้เลือกจาก 4 ชาติที่เป็นข่าว ส่วนตัวชอบโค้ชเยอรมัน เพราะเป็นโค้ชจอมเฮี๊ยบ เรื่องระเบียบวินัยมาอันดับหนึ่ง รวมทั้งระบบแผนการเล่นแท็คติกก็หลากหลาย น่าจะเหมาะกับทีมชาติไทย ของเรา ส่วนชาติอื่นๆ อังกฤษ เราก็มีตัวอย่างให้เห็นหลายคนแล้ว ฮอลแลนด์ ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับโครเอเชีย แต่เลือกได้ ผมก็ชอบโค้ชเยอรมันอยู่ดี จะอย่างไรก็ตามทางสมาคมก็คงต้องเร่งจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนเดือนมิถุนายน ที่เราจะมีโปรแกรมลงเตะฟุตบอลคิงส์ คัพ 2019 ซึ่งจะเป็นทัวร์นาเม้นท์ที่กุนซือช้างศึกคนใหม่ ได้ทดลองฝีมือ ก่อนจะไปเจอของจริงในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เดือนกันยายน

จากนี้ในฐานะแฟนบอลไทย ก็ทำได้อย่างเดียวแค่รอละครับ ว่ากุนซือคนใหม่จะเป็นใคร และจะทำผลงานสู้โค้ชคนไทยได้หรือเปล่า

มูซาชิ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline