ผลงานระดับมาสเตอร์พีคของ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่กำลังถูกพูดถึงอยู่ในตอนนี้ก็คือการกรุยทางผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ จากการบุกไปเอาชนะ ยูเวนตุส ถึงเมืองตูริน 1-2 ทำให้แฟนบอลต่างจับตามองว่านี่อาจจะเป็นม้ามืดที่ไปไกลถึงคำว่า 'แชมป์เปี้ยน'
ซึ่งนอกจากงานผลงานล่าสุด ย้อนกลับไปในรอบ 16 ทีมสุด ทีมพลังหนุ่มแห่งนี้ก็บุกไปยัดเยียดและบรรจงถีบ เรอัล มาดริด ตกรอบมาแล้ว ว่าแล้ววันนี้ทาง
ขอบสนาม เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับสโมสร อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ว่าพวกเขามีดีขนาดไหนที่ถึงขั้นบุกมาปราบแชมป์เก่า 3 สมัยซ้อน รวมไปถึงตัวเต็งอย่าง ยูเวนตุส ได้อย่างเฉียบขาดขนาดนี้ ไปติดตามชมกันได้เลย
อาแจ๊กซ์ ทีมนี้มีดีอะไร
ถ้าเราพูดถึงชื่อของสโมสร อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม แน่นอนว่าแฟนบอลหลายคนจะมองไปที่การปั้นเด็กดาวรุ่งขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ก่อนที่จะถ่ายทอดออกไปประดับวงการฟุตบอลซึ่งที่ผ่านๆ มาทางสโมสรก็ทำได้ยอดเยี่ยมอยู่ตลอดมาจนกระทั่งเข้าสู่ยุคปัจจุบันที่เหล่าทีมสต๊าฟฟ์ผู้ฝึกสอนก็ยังคงทำหน้าที่กันอย่างยอดเยี่ยมต่อไป จนสามารถดันเด็กหลายคนสู่ทีมชุดใหญ่ได้ไม่ว่าจะเป็น มัทไธจ์ส เด ลิกต์, เฟรงกี้ เดอ ยอง หรือว่าดอนนี่ ฟาน เด เบค
ซึ่งนี้เป็นจุดเด่นและจุดดีของสโมสรแห่งนี้ที่ไม่เคยขาดของดีวัยเด็กเลย ซึ่งเมื่อเด็กๆ เหล่านี้ไปบวกกับแข้งระดับประสบการร์ที่ผ่านร้อนในเวทีบอลยุโรปมาแล้วทั้ง ดูซาน ทาดิซ, ดาเล่ย์ บลินด์, ลาสเซ่ เชิน หรือนิโกลัส ตาญาฟิโก้ มันก็เลยทำให้เป็นส่วนผสมที่รสชาติกลมกล่อม สังเกตุได้จากผลงานในฤดูกาลนี้ ทั้งในบอลถ้วยยุโรปที่บุกปราบ เรอัล มาดริด แบบเหนือความคาดหมาย ไหนจะบุกไปเขี่ย ยูเวนตุส ตกรอบคาถิ่น หรือถ้ามองไปในลีกฮอลแลนด์ พวกเขารั้งตำแหน่งจ่าฝูง มีคะแนนเท่า พีเอสวี ที่ 74 คะแนน หลังผ่านการแข่งขันไป 30 นัด ซึ่งทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้กับส่วนผสมทั้งหมดที่กล่าวมา ซึ่งเปรียบเสมือนวัตถุดิบดีๆ ที่มีอยู่ในมือ เอริค เทน ฮาก กุนซือของทีมในขณะนี้
กุนซือ สมองเพชร
ปัจจุบัน อาแจ๊กซ์ กุมบังเหียนโดยโค้ชที่มีนามว่า เอริค เทน ฮาก วัย 49 ปี โดยจุดเริ่มต้นงานด้านกุนซือคือการคุมทีม เอฟซี ทเวนตี้ ชุดอายุ 17 ปี ก่อนที่จะไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้ช่วยโค้ชในทีมชุดใหญ่ ซึ่งเมื่อวันเวลาผ่านไปบางครั้งการเป็นแค่ผู้ช่วยอาจไม่เพียงพอ อาการคันไม้คันมือจึงเกิดขึ้น ว่าแล้วงานแรกในฐานะผู้จัดการทีมคือการคุม โก เฮด อีเกิ้ล เมื่อฤดูกาล 2012-13 ซึ่งก็คุมทีมได้อยู่ 1 ฤดูกาล ก็ออกไปคุมทีม บาเยิร์น มิวนิค ชุดสำรอง ซึ่งเจ้าตัวฝึกปรือฝีมือได้อยู่ 2 ปี ก่อนจะกลับมารับงานคุมทีม อูเทร็ค ในลีกฮอลแลนด์อีกครั้ง ในช่วงฤดุกาล 2015 ถึง 2017
ก่อนที่ในเดือนธันวาคม 2017 เจ้าตัวจะตบปากรับงานคุม อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ก่อนที่จะค่อยๆ ปลูกฝังระบบการเล่นของเขากับเด็กๆ ในชุดนี้ ซึ่งสัญญาของเขามีกับทีมไปจนถึงปี 2020 ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะอยู่ครบสัญญาหรือไม่เพราะผลงานในตอนนี้น่าจะไปเข้าตาสโมสรที่ใหญ่กว่า อาแจ๊กซ์ เข้าให้แล้ว
จุดแข็ง
แน่นอนว่าอย่างที่บอกไป อาแจ๊กซ์ ทีมนี้เต็มไปด้วยดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ซึ่งสิ่งที่ได้จากเหล่าเด็กน้อยกลุ่มนี้นั้นก็คือแรงพลังหนุ่มที่พร้อมวิ่งสุดชีวิต เชื่อฟังคำสั่งของผู้เป็นกุนซือ สั่งแบบไหนรับใช้แบบนั้น ไม่มีการงัดข้อให้เห็น และที่สำคัญพวกเขายังไม่มีอีโก้ของความเป็นซุเปอร์สตาร์ในตัว นี้จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ อาแจ๊กซ์ เล่นเข้าขากันได้อย่างที่สุด นอกจากนั้นการเล่นเป็นทีมที่ว่าคือสิ่งสำคัญแล้ว หัวใจของนักสู้พวกเขามีอยู่กันอย่างเต็มเปี่ยม พร้อมสู้แบบถวายหัวจนวินาทีสุดท้าย ซึ่งมันส่งผลออกมาให้เห็นได้ชัด ใครจะคิดว่าในรอบที่ผ่านมาพวกเขาแพ้คาบ้านต่อทีมอย่าง เรอัล มาดริด และจะกลับมาพลิกชนะและยิงได้ถึง 4 ประตู ที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว นี่แหละจุดเด่นและของดีที่อยู่ภายในตัวของพวกเขา
จุดอ่อน
เมื่อในทีมมีนักเตะที่อายุน้อยแน่นอนข้อเสียที่จะตามมานั้นก็คือเรื่องของประสบการณ์ นักเตะในทีมชุดนี้ของ อาแจ๊กซ์ ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่อายุเพียง 20 ต้นๆ เท่านั้น อย่างเช่นในเกมนัดล่าสุดกับ ยูเวนตุส 11 ตัวจริงของพวกเขามีอายุเฉลี่ยอยู่เพียงแค่ 24 ปีเท่านั้น ซึงถ้าพูดในเรื่องของความเจนจัดในบอลถ้วยยุโรปนักเตะบางคนอาจจะเป็นฤดูกาลแรกด้วยซ้ำ และแน่นอว่าการผ่านเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย ด่านต่อไปของพวกเขาไม่เจอ สเปอร์ส ก็แมนฯ ซิตี้ สิ่งที่ต้องพบเจอก็คือความกัดดันที่เริ่มถาโถมมากขึ้น จากทั้งแสงสปอตไลท์จะสาดส่องมา ไหนจะต้องเจอกับสไตล์ฟุตบอลที่เขี้ยวลากดิน บางครั้งแค่คำว่า หัวใจ ในการวิ่งสู้ฝัดอย่างเดียว อาจจะยังไม่เพียงพอก็เป็นได้
สตาร์เด่น
มัตไตจ์ส เดอ ลิกท์
ปราการหลังวัย 19 ปี เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุด ที่ลงสนามให้อาแจ็กซ์ แตะหลัก 100 เกม และกำลังต้องเป็นที่จ้องมองของหลายทีมในยุโรป ด้วยรูปร่างที่ปราดเปรียว แข็งแกร่ง และอายุยังน้อย และสามารถขึ้นมาแบกทีมในแนวรับ อาแจ๊กซ์ ได้ตั้งแต่อายุ 18 ปี ชี้ชัดได้เลยว่าไอ้หนุ่มนี้ยังมีของอีกเยอะที่รอวันเวลาปล่อยออกมา
เฟรงกี้ เดอ ยอง
มิดฟิลด์ความหวังใหม่ของทีมชาติฮอนแลนด์ ในยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง จากผลงานที่ผ่านมาสามารถโชว์ฟอร์มได้สะเด่าเหลือเกินน้องเอย จนถูกนำไปเปรียบเทียบว่านี่คือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และริคาร์โด้ กาก้า เพราะเจ้าตัวสามารถเล่นได้ทั้งมิดฟิลด์ตัวรับ และรุก แน่นอนฤดูกาลเขาจะไปโชว์ลีลาที่ คัมป์ นู หลังจากถูก บาร์เซโลน่า เซ็นสัญญาล่วงหน้าไปแล้วที่ราคา 75 ล้านยูโร
ดอนนี่ ฟาน เด เบค
อาจจะไม่โดดเด่นเท่า 2 คนแรก แต่เจ้าตัวคือกองกลางกำลังสำคัญของทีมอย่างแท้จริง จุดเด่นคือในแผลกองกลางเจ้าตัวสามรถโยกไปเล่นได้ทั้งหมด นอกจากนั้นทีเด็ดก็คือลูกยิงไกลจากแถว 2 ที่มีความอันตรายและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
นุสซาอีร์ มาซราอุย
แบ็คขวาจอมพลังวัย 21 ปี เป็นกำลังสำคัยในแนวรับของทีมจุดเด่นคือการเติมเกมรุกที่ดุดันและการจบสกอร์ที่ค่อนข้างเฉียบขาด ซึ่งจากสถิติในฤดกาลนี้ นุสซาอีร์ มาซราอุย ซัดไปแล้วถึง 4 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 43 นัดทุกรายการ นอกจากรับจะแน่น รุกยังยอดเยี่ยมอีกต่างหาก