logo-heading

สัปดาห์นี้กระแสข่าวการเปลี่ยนแปลงโค้ชของเมืองทอง ยูไนเต็ด รุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง หลังผลงานกุนซือยุน จุง ฮวาน โค้ชมือโปรระดับเอเชีย กลับล้มเหลวสอบตกอย่างสิ้นเชิง

6 เกมของโค้ชโสมขาวกลับคว้าชัยชนะได้แค่เกมเดียว จากบอลถ้วยเอฟเอ คัพ ส่วนผลงานลีก 4 เกม ทำได้แค่ผลเสมอ 2 และแพ้ 2 นัด เมื่อผลงานไม่กระเตื้อง บทสรุปสุดท้ายคือมีข่าวหลุดออกมาว่าทีมมีเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้ฝึกสอน ซึ่งคราวนี้มาลงเอยที่อเล็กซานเดร กาม่า เวลานี้มีแนวโน้มที่เป็นจริง โค้ชบราซิเลี่ยน พร้อมที่จะสละงานทีมชาติ 23 ปี มารับเผือกร้อนทำทีมกิเลนผยองเอาซะด้วย ขอบสนามบอลไทยจึงพร้อมชำแหละปัจจัยที่ทำให้โค้ชโสมขาวและซามูไร ถึงสอบตกในการทำทีมบอลในลีกไทย บทสรุปที่เราคัดกรองมานั้นคัดถ้วยด้วยเหตุและผล เนื้อหาพร้อมแล้วเชิญอ่านได้เลยจ้า กำแพงภาษา ทำไม! โค้ชเกาหลี-ญี่ปุ่นถึงไม่เหมาะกับบอลไทย อันนี้คือปัญหาของกุนซือต่างชาติคือเรื่องภาษา เพียงแต่ชนชาติซามูไรและโสมขาว ดันไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในการพูดคุยหรือสื่อสารเป็นทางการเหมือนชาวบ้านเขาด้วยนั้นจึงเป็นอุปสรรคที่ขวางกั้น ความเป็นชาตินิยมของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ค่อนข้างสูง จึงไม่ค่อยเปิดใจเรื่องรู้ภาษาที่ 2 สักเท่าไหร่ เอาง่ายๆขนาดมาโกโตะ เทกูราโมริ อดีตโค้ชญี่ปุ่นชุด23 ปี เมื่อปี 2016 ที่ตกเป็นข่าวกับทีมชุดปรีโอลิมปิกเมื่อปีกลาย เข้าใจฟังออกและพูดภาษาอังกฤษได้ เวลาตอบคำถามสื่อพี่แกยังไม่พูดเลย และมักจะหลีกเลี่ยงด้วยการตอบคำถามด้วยภาษาญี่ปุ่นแทน ซึ่งดูแล้วก็คงไม่ต่างจากราเยวัช ต้องมีล่ามส่วนตัวมาแปลเป็นภาษาอังกฤษ ส่งต่อให้ล่ามคนไทยแล้วถ่ายทอดไปสู่นักเตะ 3 ทอดเลยนะ เห็นแล้วก็ปวดหัวแทนเหมือนกัน ระเบียบวินัย ทำไม! โค้ชเกาหลี-ญี่ปุ่นถึงไม่เหมาะกับบอลไทย เป็นที่ทราบกันดีว่าชั้นชาติญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ถูกปลูกฝังในเรื่องระเบียบวินัย ความตรงต่อเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญ นัดเป็นนัด สมมุตินัดซ้อม 4 โมงเย็น ทีมในเจลีกหรือเคลีก จะมาถึงสนามซ้อมก่อนอย่างน้อย 1-2 ชม. เพื่อเตรียมความพร้อมล่วงหน้า สวนทางกับบ้านเราที่ส่วนใหญ่นักบอลมาซ้อมใกล้เวลานัด บางคนมาสายไม่ตรงเวลา หรือบางคนมาไม่ทันแล้วขอลาซ้อมไปเลย ตรงนี้เป็นสิ่งที่คนสัญชาติเจแปนหรือโคเรีย ไม่โอเคกับนักเตะที่ไม่มีความกระตือรือร้น พวกเขายึดกฏเป็นสิ่งสำคัญ วินัยต้องมาเป็นอันดับแรกถึงจะไปด้วยกันได้ ถ้าไม่ก็โละนักเตะคนนั้นออกถึงแม้ว่านักเตะคนนั้นจะเป็นฟอร์มดีในลีกก็ตาม ทัศนคติ ทำไม! โค้ชเกาหลี-ญี่ปุ่นถึงไม่เหมาะกับบอลไทย นอกจากวินัยที่ค่อนแป๊ะ สิ่งที่ตามมาของลูกหลานซามูไรและกิมจิ คือเรื่องทัศนคติที่ถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กว่า ไม่มีอะไรที่ชีวิตคุณทำไม่ได้ วางเป้าหมายแล้วต้องทำลงมือ เพียงแต่คำว่าลงมือทำของผู้คนในชาติของพวกเขาเป็นการทำงานแบบแผนที่เป็นรูปธรรม ด้วยทัศนคติที่มุ่งมั่น เราจึงเห็นได้ว่าเศรษฐกิจของ 2 ชาติพัฒนาขึ้นมาอยู่แถวหน้าของโลก เฉกเช่นเดียวกับฟุตบอลที่ใช้เวลาเขียนโครงสร้างและพัฒนาแบบลองผิดลองถูกรวมๆ 30 ปี จนกลายเป็นขาประจำของฟุตบอลโลก ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ เน้นการสร้างคน หาคนที่มีความรู้จากต่างประเทศมาถ่ายทอดความรู้เรื่องการเล่นฟุตบอลแบบถูกวิธีแล้วกระจายองค์ความรู้ให้ทั่วประเทศ จากระดับประถม,มัธยม,มหาวิทยาลัย, ลีกอาชีพ ที่สำคัญผู้เล่นทั้ง 2 ชาติมีเป้าหมายเดียวคือเล่นบอลอาชีพเพื่อไปค้าแข้งในยุโรป สิ่งเหล่านี้แตกต่างกับผู้เล่นไทยที่ส่วนใหญ่พอใจที่จะเล่นในไทยลีก ไร้เป้าหมาย ไม่มีความทะเย่อทะยาน รักความสบาย วัฒนธรรม อุปสรรคต่อมาคงหนีไม่พ้นเรื่องวัฒนธรรมเป็นที่รู้กันดีว่า ขนบธรรมเนียบบอลไทย นั้นไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเขา รุ่นพี่รุ่นน้องมาก่อน ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ก็มีเพียงแต่ เขาให้ความสำคัญความเป็นทีมเวิร์กมากที่สุด ซึ่งตรงนี้เรายังต่างกับคนบูชิโดและอารีดังพอควร ซึ่งเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะมาเข้าใจความเป็นไทย โดยเฉพาะกับบอลบ้านเรา ไม่มีอะไรการันตีความสำเร็จ แม้จะประสบความสำเร็จในด้านการพัฒนานักเตะจนสู่ออกไปสู่ระดับโลกอยู่บ่อยครั้ง แต่ต้องยอมรับความจริงว่า ทั้งโค้ชญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มักจะเน้นการทำงานลีกในประเทศซะส่วนใหญ่ เพราะมันก็เสี่ยงเกินไปที่จะโยกออกไปรับงานยังต่างแดน ยกตัวอย่าง ชอย ยัง ซู โค้ชตัวท็อปของเกาหลีใต้ ผู้มีดีกรีมากมายทั้งโค้ชยอดเยี่ยมเอเชียปี 2013, รองแชมป์เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก, แชมป์เคลีกปี 2012 พอไปทำทีมเจียงซู ซูหนิงในจีน 1 ปี กลับล้มเหลวไม่เป็นท่าและต้องมาดิ้นรนหนีตาย ไม่แคร์นักบอลดังมีชื่อเสียง ทำไม! โค้ชเกาหลี-ญี่ปุ่นถึงไม่เหมาะกับบอลไทย ข้อนี้มีตัวอย่างชัดเจนและใกล้ตัวเรามาก ในเอเชียน คัพ 2019 ฮาจิเมะ โมริยาสุ โค้ชทีมซามูไรตัดชื่อชินจิ คางาวะ, ชินจิ โอกาซากิ 2 สตาร์ตัวท็อปของทีมออก เนื่องจากไม่มีเกมลงเล่นอย่างต่อเนื่องกับต้นสังกัดและฟอร์มตก แล้วเลือกผลักดันเด็กดาวรุ่งฟอร์มดีในเจลีกขึ้นมาแทนที่ ซึ่งถ้าหากเป็นทีมชาติไทยเรื่องแบบนี้เราคงเห็นอยู่บ่อยครั้งจากการประกาศตัวทีมชาติของอดีตกุนซือทั้ง โค้ชซิโก้ และราเยวัช พร้อมเสียงก่นด่าจากแฟนบอล อีโก้ไม่แพ้ใคร ด้วยความเป็นชาตินิยมของคนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ พวกเขาย่อมเชื่อมั่นในแนวทางของตัวเองสูง ว่าฟุตบอลของข้าเจ๋ง ซึ่งแนวคิดดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรือถูก แต่บางครั้งมุมมองแบบนี้ก็ย้อนกลับมาทำลายพวกเขาด้วยเช่นกัน ในอดีต เคยมีโค้ชจากญี่ปุ่นมาทำทีมไทยลีก มาซาฮิโระ วาดะ เคยมาทำหน้าที่กุนซือชลบุรี เมื่อปี 2014 แต่ก็ทำได้แค่เกือบเป็นแชมป์ไทยลีก และเอฟเอ คัพ เพราะมุมมองแบบฉบับตัวเองที่มากเกินไปไม่ฟังใคร สุดท้ายก็ไปไม่รอดในการทำทีมในแดนสยาม โดยเฉพาะที่การท่าเรือ ตัวผู้เล่นดีๆทั้งนั้นแต่ใช้งานไม่ถูกวิธี

เอ็มเร่

[email protected]

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline