logo-heading

ในสุดสัปดาห์นี้ศึกฟุตบอลโตโยต้าไทยลีกกำลังจะมี "ซูเปอร์บิ๊กแมตช์" ที่ขึ้นชื่อทุกครั้งว่าความมันส์ระดับ 5 ดาวแน่นอน โดยในวีคนี้จะไปเตะกันที่ ช้าง อารีน่า โดยเป็นการพบกันระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เอสซีจี เมืองทอง

ถึงแม้ว่าสถานะตอนนี้ของทั้ง 2 ทีมจะต่างกันสุดขั้วทีมนึง "ลุ้นแชมป์" กับอีกทีมนึง "หนีตกชั้น" และมีแต้มห่างกันถึง 11 แต้ม แต่เมื่อทั้งสองทีมโคจรมาเจอกัน ศักดิ์ศรีจึงเป็นสิ่งที่ทั้งสองทีมยอมกันไม่ได้ เพราะพวกเขามีประวัติศาสตร์เจอกันมามากมาย

เพื่อเป็นการโหมโรงก่อนวันอาทิตย์นี้ ผมจะพามาดูแมตช์แห่งความทรงจำของทั้งสองทีมกัน

  ย้อนรอย 5 เกมในความทรงจำ “สายฟ้า vs กิเลน” 1. ชัยชนะที่คาดไม่ถึงของ บุรีรัมย์  บุรีรัมย์ พีอีเอ 1 - 0 เมืองทองยูไนเต็ด (22-08-2553 ) เรียกได้ว่าเป็นชัยชนะที่คาดไม่ถึงกันเลยทีเดียวสำหรับแมตช์นี้ ซึ่งในขณะนั้น เนวิน ชิดชอบ เพิ่งซื้อสิทธิ์เข้ามาบริหารสโมสรเป็นปีแรก และต้องโคจรมาเจอกับโคตรทีมอย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด ในขณะนนั้น ซึ่งนอกจากจะเป็นแชมป์เก่าที่เต็มไปด้วยนักเตะซูเปอร์สตาร์มากมายทั้ง กวินทร์, ธีรศิลป์, ดักโน่ เซียก้า, โคเน่ โมฮาเหม็ด ซึ่งเมื่อเทียบกับ บุรีรัมย์ ถือว่าเป็นรองพอสมควร แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า บุรีรัมย์ ที่สามารถพลิกชนะ เมืองทอง ไปด้วยสกอร์ 1 - 0 โดยได้ประตูจาก ดักลาส คาร์โดโซ่ แบบชนิดที่แฟนๆ กิเลนผยอง ไม่เชื่อสายตาตัวเอง   ย้อนรอย 5 เกมในความทรงจำ “สายฟ้า vs กิเลน” 2. เกมเสมอแต่มีดราม่า เอสซีจี เมืองทองยูไนเต็ด 1 - 1 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (18-08-2555) โดยในเกมนี้เป็นเกมในเลกที่ 2 ของฤดูกาลนั้น โดยเลกแรกเสมอกันด้วยสกอร์ 1 - 1 ดังนั้นการกลับมาพบกันอีกครั้งในเกมนี้ถือได้ว่าเป็นเกมที่ทั้งสองฝ่ายอยากแก้มือด้วยกันทั้งคู่ โดยเป็น บุรีรัมย์ ที่ได้สกอร์ขึ้นนำไปก่อนจากลูกโหม่งของ แฟรงค์ อาเชียมปง ก่อนที่ เมืองทอง จะมาตีเสมอได้ในช่วงต้นครึ่งหลังจากจังหวะที่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน จับบอลพลาดแล้วไปรั้ง พิชิตพงษ์ เฉยฉิว เป็นจุดโทษและก็เป็น มาริโอ ยูรอฟกี้ ยิงเข้าไป และในช่วงท้ายเกมบุรีรัมย์ได้จุดโทษบ้าง จากจังหวะที่ ปิยพล ผาณิชกุล ไปดึง แฟรงค์ อาเชียมปง ล้มลงในเขตโทษพร้อมกับรับใบเหลืองใบที่ 2 เป็นใบแดง แต่ สุเชาว์ นุชนุ่ม ยิงไปติดเซฟ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ และความดราม่าอย่างที่สุดของเกมนี้ คือในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ บุรีรัมย์ ได้ลูกฟรีคิก "เจ้าตอง" ออกมาชกพลาด และจังหวะสุดท้ายเป็น พอล เอคโคล่า โหม่งเข้าไปแต่ไลน์แมนยกให้เป็นลูกล้ำหน้า ทำให้เกิดเป็นประเด็นถกเถียงกันมากมายในช่วงเวลานั้น   ย้อนรอย 5 เกมในความทรงจำ “สายฟ้า vs กิเลน” 3. ชัยชนะครั้งแรกสุดขาดลอยของเมืองทอง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 0 - 3 เมืองทองยูไนเต็ด (27-04-2559) เกมนี้ถือได้ว่าเป็นเกมที่ทำลายสถิติ และ ลบประวัติศาสตร์อันฝันร้ายของเหล่า "กิเลนผยอง" ได้อย่างแท้จริง โดยตอนนั้น เอสซีจี เมืองทอง กำลังฟอร์มพุ่งขึ้นมาด้วยทีมที่ลงตัวอย่างที่สุด และเกมนี้พวกเขาเริ่มต้นด้วยการเดินหน้ากระทุ้งประตู สายฟ้า ไปแบบขาดลอย 3 ลูกรวด เรียกว่ายิงใส่แชมป์เก่าแบบไม่ไว้หน้าตั้งแต่ในครึ่งเวลาแรกเลบ โดยได้ประตูจาก เคลตัน ซิลวา เหมา 2 ลูกและจากเด็กเก่าของบุรีรัมย์อย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร สมทบอีก 1 เม็ด พร้อมกับหยุดสถิติไร้พ่ายของบุรีรัมย์ในขณะนั้นลงได้ที่ 44 นัด และเป็นการชนะ บุรีรัมย์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทั้งคู่พบกันด้วย และที่สำคัญเป็นการบุกไปชนะที่บ้านของ บุรีรัมย์ อีกด้วย   ย้อนรอย 5 เกมในความทรงจำ “สายฟ้า vs กิเลน” 4. "สะใจครับ สะใจ" ธีราทรเจอทีมเก่า เอสซีจี เมืองทอง 3 - 2 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (24-07-2559) เกมนี้เป็นเกมเดียวกันกับปีที่ เมืองทอง ปลดล็อคชนะ บุรีรัมย์ ได้ ก่อนเกมทั้งสองทีมทำสงครามจิตวิทยาใส่กันอย่างหนักหน่วง ซึ่งสิ่งที่สื่อจับตามองมากที่สุดในตอนนั้นคือ ธีราทร บุญมาทัน ที่ย้ายข้ามฟากมาอยู่กับ เมืองทอง โดยแน่นอนว่ามีจังหวะที่ ธีราทร มีปัญหากับแฟนบอลและ ดิโอโก้ ด้วย ซึ่งเกมนี้ บุรีรัมย์ ได้ประตูขึ้นนำก่อน 1 - 0 จาก ดิโอโก้ ก่อนที่ เอสซีจี สเตเดี้ยม จะสั่นสะเทือนจากการยิงตีเสมอก่อนจบครึ่งแรกของ ชนาธิป สรงกระสินธิ์ และเจ้าบ้านก็มาได้ประตูพลิกแซง 2 ลูกรวดในครึ่งหลังจาก สารัช อยู่เย็น และ เคลตัน ซิลวา ก่อนที่ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ จะยิงไล่ขึ้นมาแต่ก็ไล่ไม่ทัน ก่อนจบเกมไปแบบสุดมันส์ด้วยความสะใจของเหล่ากิเลน ผยองอีกครั้ง พร้อมกับอาการแสดงความสะใจของ ธีราทร บุญมาทัน อดีตเด็กเก่าของ บุรีรัมย์ ที่ลั่นวลีเด็ดออกมาว่า“สะใจครับ คำเดียว สะใจ”   ย้อนรอย 5 เกมในความทรงจำ “สายฟ้า vs กิเลน” 5. ยำคาบ้านตามสัญญาพร้อมทะยานสู่แชมป์ เอสซีจี เมืองทอง 0 - 3 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (16-09-2561) เป็นเกม โตโยต้า ไทยลีก เมื่อปีที่แล้วนี่เอง ซึ่งก่อนเกม เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ได้ประกาศกร้าวเอาไว้ว่า “ได้เตรียมอาหารเย็นหลังเกมวันที่ 16 ไว้แล้วนั่นก็คือ ยำคาบ้าน” ทำให้ความเดือด ความระอุของเกมนี้มันพุ่งพล่านขึ้นไปกว่าเดิม ส่วนเรื่องของรูปเกมถือว่าสูสีและสู้กันได้สนุก แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า บุรีรัมย์ ได้ประตูขึ้นนำก่อนในช่วงท้ายครึ่งแรกจาก กรกช วิริยอุดมศิริ แปเน้นๆ ไม่เหลือ 1 - 0 ก่อนที่ช่วงท้ายเกมมาได้ประตูเพิ่มอีก 2 ลูกจาก ออสวัลโด้ ฟิลโญ่ และ ยู จุน ซู อีกคนละประตู ทำให้จบเกม บุรีรัมย์ ทำได้กับการยำ เมืองทอง คาบ้าน 3 - 0 ตามคำสัญญาของ "บิ๊กเน" พร้อมกับจบฤดูกาลนั้นด้วยการเป็นแชมป์ของพวกเขาด้วย  
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline