logo-heading

ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ “ฟุตบอลอายุไม่เกิน 23 ปีชิงแชมป์เอเชีย 2020” ในเดือนมกราคมปีหน้าเพื่อลุ้นตั๋วไป “กีฬาโอลิมปิก 2020” นี่คือเป้าหมายที่วางกันไว้สุดหรู

แรกเริ่มเดิมทีใครต่อใครต่างปรบมือชื่นชม สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่คิดมองไกล วางแผนระยะยาวเพื่อเตรียมทีมสู่ฝันโอลิมปิกเกมส์ ยุทธศาสตร์ถูกวางไว้อย่างดี ทั้งแผนการเตรียมทีมและการเสนอตัวเป็น “เจ้าภาพ” จัดแข่งขันในรอบสุดท้ายของการชิงตั๋ว “โตเกียวเกมส์” แผนการต่่างๆ เหมือนจะเป็นไปด้วยดี แต่ไปๆ มาๆ ชักเริ่มเสียกระบวน สถานการณ์ล่าสุดถึงตรงนี้กลายเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง !!! ไล่มาตั้งแต่ประเด็นการเป็น “เจ้าภาพ” ความพร้อมต่างๆยังไม่มีอะไรให้สบายใจ การมาตรวจครั้งล่าสุดของ “เอเอฟซี” มีหลายสิ่งที่ต้องปรับปรุง สนามที่ถูกเลือกให้เป็นสังเวียนจัดแข่งขันต้องแก้ไขใหม่ในหลายจุด มากบ้าง น้อยบ้างว่ากันไป แต่ระยะเวลาเหลือเพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้นที่ต้องพร้อม “กาม่า” ไม่มีใจ...แล้วจะเหนี่ยวรั้งไว้ทำไม ? “เอเอฟซี” มีคิวมาตรวบสอบความพร้อมครั้งสุดท้ายในเดือนตุลาคมนี้ ถึงตรงนั้นสนามที่ถูกเลือกให้จัดแข่งขันต้องอยู่ในระดับผ่านมาตรฐาน หากสนามไหนไม่ผ่าน “เอเอฟซี” มีสิทธิ์เลือกสนามแข่งขันใหม่ในเมืองไทยแทนได้ แต่ถ้าไม่มีสนามไหนพร้อมเลย สิทธิ์การเป็น “เจ้าภาพ” จะถูกริบคืนเพื่อให้ชาติอื่นจัดแทน !!! อย่างไรก็ดีเชื่อว่าระดับประเทศไทยที่ผ่านการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาทัวนาเมนต์ต่างๆ มามากมายจะไม่ถึงขั้นตกม้าตายโดนริบสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพคืนแน่ แต่จะเป็น “เจ้าภาพ” ด้วยความพร้อมและดีแค่ไหนคงต้องลุ้นกันต่อไป นี่คือ “สไตล์ไทยแลนด์” ที่เห็นกันบ่อยครั้งมากเวลาได้เป็นเจ้าภาพจัดกีฬาใดๆ ดังนั้นที่มีข่าวว่าไทยจับมือ เมียนมาร์ เสนอตัวเจ้าภาพ “ฟุตบอลยู 20 ปีชิงแชมป์โลก 2021” จึงไม่มีอะไรให้น่าหลงไหลได้ปลื้ม เพราะแค่ทัวนาเมนต์ใกล้ๆ ต้องลุ้นจัดให้ดีอยู่เลย ที่ต้องลุ้นยิ่งกว่าคือทิศทางอนาคตของทีมชาติไทยชุด “ยู-23” ว่าจะเอาอย่างไรต่อ ข่าวลือหนาหูเหลือเกินว่า อเลกซานเดอร์ กาม่า จะชิ่งทีมชาติไทยไปรับงานระดับสโมสร !!! “กาม่า” ไม่มีใจ...แล้วจะเหนี่ยวรั้งไว้ทำไม ? ถึงตรงนี้ยังไม่มีการยืนยันใดๆ ทั้งสิ้น แต่การให้สัมภาษณ์ของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯในเรื่องนี้หลายๆ ครั้งแทบจะตีความได้ว่า เตรียมแยกทาง อ่านจากข่าวแล้วยิ่งไม่สบายใจเมื่อ “บิ๊กอ๊อด” ถึงขั้นต้อง “วอน” ให้ “กาม่า” คุมทีมชาติไทยไปแข่งขัน “เมอร์ไลออนส์คัพ” ที่สิงคโปร์ก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันถึงอนาคต นี่มันคืออะไรกัน ทีมชาติไทยสิ้นไร้หนทางแล้วหรืออย่างไรจึงต้องอ้อนวอนขนาดนี้ แล้วคำว่า “มืออาชีพ” หายไปไหน ข้อผูกมัด “สัญญา” ไม่มีหรืออย่างไรถึงจำเป็นต้อง "ง้อ"? เท่าที่ได้ข้อมูลและวิเคราะห์จากสถานการณ์เป็นอยู่ กรณีนี้สมาคมฯน่าจะพลาด สัญญาไม่มีความรัดกุม โดยเฉพาะการยกเลิกหรือ “ฉีกสัญญา” ที่มีช่องโหว่ให้ทำได้ ไม่มีใครยืนยันว่ารายละเอียดในสัญญาเป็นอย่างไร แต่ถ้าเขียนไม่รัดกุม หรือพลาดจริงๆ สมาคมฯคงโทษใครไม่ได้และสมควรต้องรับผิดชอบกับความเสียหายหากทีมยู-23 ล้มเหลว จริงๆ แล้ว สมาคมฯ พลาดมาตลอดในเรื่องการเดินตามแผนล่าฝัน“โตเกียวเกมส์” ทั้งที่วางเป้าหมายเป็นแผนระยะยาว แต่กลับเป็น “ไม้หลักปักขี้เลน” เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา “กาม่า” ไม่มีใจ...แล้วจะเหนี่ยวรั้งไว้ทำไม ? จากจุดเริ่มที่วาง “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ เป็นกุนซือ มอบนโยบายใช้ผู้เล่นอายุน้อยลุย “ซีเกมส์” ครั้งที่ 29 ที่มาเลเชียเมื่อปี 2017 เพื่อสร้างทีมระยะยาวให้เด็กบางส่วนเกาะกลุ่มกันไว้ ตอนนั้นแม้ทีมชาติไทยจะได้แชมป์ซีเกมส์ตามเป้าหมาย แต่กระแสไม่ปลื้ม “โค้ชโย่ง” มีเยอะ สมาคมฯยุค “ตามกระแส” ก็ไม่นิ่งพอจึงจัดการเปลี่ยนโค้ชใหม่ แผนการต่างๆ เริ่มเสียกระบวนตรงนั้น คือการไม่ได้เดินตามแผนก็ไม่เป็นไร หากเปลี่ยนแปลงแล้วดีกว่าเดิม หรือคิดว่ามันต้องดีขึ้นแบบมีเหตุผลที่เพียงพอ แต่การให้ โซรัน ยานโควิช ขึ้นเป็นโค้ชทีมชาติไทยยู-23 คนใหม่เพียงเพราะเป็นผู้ช่วย มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมชาติไทยในตอนนั้นไม่น่าใช่แนวทางที่ถูกต้องนัก “กาม่า” ไม่มีใจ...แล้วจะเหนี่ยวรั้งไว้ทำไม ? ทีมยู-23 ภายใต้การคุมทีมของ “โซรัน” จึงล้มเหลวไม่เป็นท่าในเวลาต่อมา ทำให้สมาคมฯต้องไปเรียก “โค้ชโย่ง” กลับมาทำทีมอีกครั้ง พอ “โค้ชโย่ง” ไปล้มเหลวที่ “เอเชียนเกมส์” สมาคมฯเจอกดดันหนัก สุดท้ายอยู่ไม่ได้อีก การเปลี่ยนโค้ชใหม่จึงเกิดขึ้นอีกอีกครั้ง ว่ากันว่าเวลานั้นมีตัวเลือก 2 ราย คนหนึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นมีดีกรีดีหรู ส่วนอีกคนคือ “กาม่า” ที่พิสูจน์ผลงานในเมืองไทยกับ บุรีรัมย์ และ เชียงราย จนเป็นที่ประจักษ์และกำลังจะว่างงาน สมาคมฯตัดสินใจเลือก “กาม่า” เป็นกุนซือใหม่ท่ามกลางเสียงเชียร์จากแฟนๆมากมาย ทุกคนหวังว่ากุนซือเลือดแซมบ้จะทำความฝันฟุตบอลไทยไปโอลิมปิกอีกครั้งให้เป็นจริง แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใดดันมีข่าวว่า “กาม่า” จะชิ่งทีมชาติไทยไปเสียดื้อๆ แถมสมาคมฯยังต้องวอนว่าอย่าเพิ่งทิ้งกันไป ขอให้คุมทีมไปแข่งที่สิงคโปร์ก่อนอีก คนไม่มีใจแล้วจะเหนียวรั้งไว้ทำไม สมาคมฯต้องมองถึงอนาคตและเวลาที่เหลืออยู่ ทีมยู-23 เอาไงต่อต้องรีบเคลียร์ ไม่ว่าใครจะอยู่หรือจะไปแต่ทีมชาติไทยต้องสู้ต่อไป ที่สำคัญบทเรียนจาก “กาม่า” ต้องศึกษาให้รอบคอบ ไม่รู้ว่าเซ็นสัญญากันแบบไหน หรือมีนอกมีในอะไรหรือเปล่าถึงทำให้ทีมชาติไทยถูกทิ้งไว้กลางทางง่ายๆแบบนี้ !!!  

“บับเบิ้ล”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline