logo-heading

การลุ้นแชมป์ไทยลีกในหลายๆ ฤดูกาล แน่นอนว่าทุกคนอาจสนใจแค่การขับเคี่ยวกันของทีมยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ,การท่าเรือ เอฟซี ,ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ,สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด หรือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

ที่บรรดาสื่อทั้งหลาย ต่างยกย่องให้เป็นทีมเต็งลุ้นแชมป์ก่อนเริ่มฤดูกาลในทุกๆ ซีซั่น อาจจะเนื่องด้วยขุมกำลังที่มีศักยภาพดีกว่าหลายๆ ทีมที่อยู่ร่วมลีก หรือประสบการ์ณที่มากกว่า จึงทำให้ทีมเหล่านี้ถูกยกขึ้นมาเป็นตัวเต็ง แต่ในปีนี้มันแตกต่างออกไป สมุทรปราการ ซิตี้ จากที่ไม่เคยถูกจับตามองมาก่อน ได้ก้าวขึ้นมาเป็นทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์อย่างเต็มตัวเลยก็ว่าได้ หลังเพิ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างเยือกเย็น เฉือนชนะ ชลบุรี เอฟซี ไป 1 - 0 เมื่อเกมล่าสุดที่ผ่านมา และหากลองมองดีๆ ชลบุรี เอฟซี ไม่มีโอกาสได้ง้างเท้ายิงเลยซักครั้ง ส่วน สมุทรปราการ ซิตี้ มีโอกาสมากถึง 17 ครั้ง “สมุทรปราการ ซิตี้” จากม้านอกสายตา สู่ทีมลุ้นแชมป์ไทยลีก ซึ่งพอนัดนี้ได้ผ่านพ้นไป ตารางคะแนนก็ไม่เคยโกหกใคร “เขี้ยวสมุทร” ม้านอกสายตาทีมนี้ได้ทำคะแนนแซงยักษ์ใหญ่หลายๆ ทีมขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ตามหลังทีมจ่าฝูงอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพียงแค่ 1 คะแนนเท่านั้น ทำให้กลายเป็นทีมที่น่าสนใจ และถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในช่วงนี้ ก่อนเริ่มฤดูกาลก็คงไม่มีใครคาดคิดมาก่อนใช่มั้ยล่ะครับ ว่าทีมอย่าง สมุทรปราการ ซิตี้ จะทำผลงานออกมาได้น่าเซอร์ไพรส์มากๆแบบนี้ ถึงขนาดขึ้นมาเป็นรองจ่าฝูงได้ ทั้งๆ ที่ชื่อชั้นนักเตะก็ถือว่าอยู่ระดับกลางๆ ในไทยลีก แต่ด้วยระบบ และรูปแบบการเล่น ที่ช่วยกันบีบกดดันคู่แข่งและโต้กลับ ก็สามารถพาทีมมาอยู่ในจุดนี้ได้ แม้พวกเขาจะเปลี่ยนโค้ชไปแล้ว 1 ครั้ง แต่นั่นก็ไม่ทำให้กระทบกับฟอร์มการเล่นของทีมได้เลย หนำซ้ำเหมือนกลับกลายเป็นการมาต่อยอด เติมเต็มให้กับทีม จนกลายเป็นทีมน่ากลัวสำหรับบรรดาทีมอื่นๆ ในไทยลีกไปเสียแล้ว แถมผู้เล่นหนุ่มไฟแรงหลายคน ก็สามารถงัดฟอร์มขึ้นมาเป็นตัวความหวังให้กับทีมได้ และด้วยวิธีการเล่นที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องหลายปีอย่างมีระบบแบบนี้ของ สมุทรปราการ ซิตี้ ก็ได้กลายเป็นของแสลงนักเตะไทยหลายๆ คนด้วยกัน ที่ชอบมีเวลาคิด มีเวลาแต่งบอล แต่พอโดนบีบกดดัน ก็กลายเป็นเสียบอลทำให้ทีมถูกสวนกลับได้อย่างง่ายดาย “สมุทรปราการ ซิตี้” จากม้านอกสายตา สู่ทีมลุ้นแชมป์ไทยลีก จุดนึงต้องชื่นชน “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ ด้วย ที่วางระบบรากฐานแบบนี้ไว้ได้ดี และอดทนพอในการค่อยๆ ใช้เวลาในแต่ละปี ต่อเติมอย่างละนิดอย่างละหน่อย จนมาถึงในปีนี้นักเตะหนุ่มหลายๆ ราย ที่คอยบ่มเพาะไว้ ก็เริ่มโชว์ผลงาน ผลิดอกออกผลให้เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น แล้วพอ เท็ตซึยะ มุรายามะ เข้ามาทำทีมต่อก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนเดิม และเหมือนเป็นการพัฒนาทีมให้ดูเป็นเอกลักษณ์มากขึ้นกว่าเดิมอีก การติวแบบคนต่อคนของเจ้าตัวเหมือนเป็นการกำจัดจุดอ่อนของลูกทีมแต่ละคนไปในตัวด้วย นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ปราการบินสูงในปีนี้ด้วย จากที่ได้เห็นการเล่นของ สมุทรปราการ ซิตี้ ในปีนี้แล้ว ถ้าถามผมว่า นักเตะไทยสามารถเล่นด้วยระบบบอลของโค้ชญี่ปุ่นได้มั้ย ผมบอกได้เลยว่า สมุทรปราการ ซิตี้ นี่แหละคือคำตอบที่ดีที่สุดในการที่จะยกตัวอย่างขึ้นมาพูด ซึ่งผมก็เคยคิดเล่นๆ เหมือนกันนะว่า ถ้ามีทีมกลางๆ ตารางซักทีม กล้าเล่นระบบบีบกดดันคู่ต่อสู้ และโต้กลับแบบนี้ น่าจะสามารถก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน เพราะผมมองว่านักบอลไทยไม่ค่อยชอบเจอกับทีมที่เล่นกดดันคู่ต่อสู้มากซักเท่าไหร่ และตอนนี้พอได้เห็น สมุทรปราการ ซิตี้ เล่นแบบนี้ผมบอกได้เลยว่า มาถูกทางแล้ว ส่วนจะคว้าแชมป์ได้มั้ยผมมองว่าอาจจะยากหน่อย เนื่องจากมันยังมีอีกหลายๆ ปัจจัยที่มีผลต่อการลุ้นแชมป์พอสมควร และปัจจัยหลักๆ สำหรับ สมุทรปราการ ซิตี้ เลยก็คือประสบการณ์ในการลุ้นแชมป์นั่นเอง เพราะตั้งแต่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาบนลีกสูงสุด พวกเขายังไม่เคยทำคะแนนลุ้นแชมป์ขนาดนี้มาก่อนเลย รวมถึงตอนนี้ผู้เล่นตัวหลักของพวกเขาก็เริ่มได้รับบาดกันมากขึ้น อาจมีผลต่อการลุ้นแชมป์ของพวกเขาในช่วงท้ายได้เหมือนกัน

มาร์ค ศุภวิชญ์

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline