ฟุตบอล “ไทยลีก” เดินทางเข้าสู่ช่วง 10 นัดสุดท้ายของฤดูกาล 2019 แล้ว สถานการณ์ถึงตรงนี้ต้องบอกว่าลุ้นสนุกทั้งบนและล่างตารางคะแนนเลยทีเดียว
ดูไปดูมา “ไทยลีก” ฤดูกาลนี้เหมือนไม่มีทีมพวก
“กลางตาราง” เพราะแต้มแบ่งเป็น 2 กลุ่มค่อนข้างชัดระหว่าง
“ลุ้นแชมป์” และ
“หนีตาย”
อันดับ 1-5 ลุ้นแชมป์ข้างบน ส่วนตั้งแต่อันดับ 6 ไล่ลงไปจนถึงอันดับ 16 ไม่น่าไว้วางใจในการหนีตกชั้น แต้มห่างกันไม่เยอะ แค่ 1-2 เกมพลิกสถานการณ์ได้เลย
ว่ากันว่านี่คือความมันส์ของ “ไทยลีก” ที่ลดจำนวนเหลือแค่ 16 ทีมในฤดูกาลนี้ แต่ละทีมมาตรฐานไม่แตกต่างกันมากนัก ความสนุกเลยไปตกที่คนดู
แต่ถามว่าถูกใจคนทำทีมหรือไม่ เท่าที่ลองสอบถามโค้ชดูหลายๆ คนไม่สนุกด้วย เพราะแต่ละเกมคือความกดดันชนิดพลาดไม่ได้ สถานการณ์ของทีมพร้อมเปลี่ยนแปลงทุกเวลา
ดูจากแต้มในตารางคะแนนแล้วคงต้องเห็นด้วยตามนั้น เพราะการต่อสู้เข้มข้นจริงๆ เดาลำบากว่าบทสรุปสุดท้ายของฤดูกาลจะลงเอยอย่างไร
ไล่ตั้งแต่การลุ้นแชมป์ที่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมามีแชมป์แค่ 2 ทีมคือ
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ
เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เท่านั้น
แต่ปีนี้มีโอกาสได้เห็น
“แชมป์หน้าใหม่” ไม่น้อยเหมือนกัน เพราะยังมีถึง 4 ทีมที่อยู่ในเส้นทางไล่ล่าบัลลังค์จาก “แชมป์เก่า”
นี่คือฤดูกาลที่ “ปราสาทสายฟ้า” สะดุดหลายหนและมาตรฐานตกไปเยอะแล้ว ดังนั้นหากยังไม่มีทีมไหนโค่นลงได้ต้องถือว่ามาตรฐานทีมอื่นๆพัฒนาขึ้นมาแบบไม่ไหวจริงๆ
แม้อันดับตอนนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะมี 38 แต้มนำ
“จ่าฝูง” แต่แต้มไม่ห่างเลย
สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด จี้หลังมาห่างแค่ 2 แต้ม ส่วน
สมุทรปราการ ซิตี้ ตามอยู่ 3 แต้ม
ขณะที่
ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่อกหักในปีที่แล้วตาม 4 แต้ม และ
การท่าเรือ ไล่หลังมาห่างๆ 5 แต้ม ถือว่าทุกทีมยังได้ลุ้นและอันดับสามารถเปลี่ยนได้ทุกสัปดาห์
การลุ้นแชมป์ฤดูกาลนี้จึงน่าจะสนุกกว่าหลายๆปีที่ผ่านมา ม้าไม่ได้มีแค่ 2-3 ตัวอย่างที่ผ่านๆมา แต่ปีนี้มีหลายตัวให้ลุ้นว่าใครจะเข้าเส้นชัย
ด้านการหนีตกชั้น
เชียงใหม่ สถานการณ์ลำบากที่สุดมีแค่ 17 แต้มอยู่บ๊วยของตาราง แถมเกมเหย้าต้องไปเล่นที่เชียงรายเพราะสนามตัวเองปิดซ่อมแซมจึงดูเหนื่อยสุดๆ
แต่แต้มยังพอลุ้นได้ ตัวเลขตัดที่โซนปลอดภัยตอนนี้คือ
“23 แต้ม” โดยมี 2 ทีมที่ 23 แต้มเท่ากันคือ
ชัยนาท ฮอร์นบิล อันดับ 12 และ
พีที ประจวบ อันดับ 13
ขณะที่ 2 ทีมในโซนตกชั้น
สุโขทัย อันดับ 14 และ
สุพรรณบุรี อันดับ 15 มี 20 แต้มเท่ากัน นั่นหมายความว่าแค่เกมเดียวสามารถเปลียนตำแหน่งของทีมในโซนแดงได้เลย
รวมถึงอันดับที่ไล่ขึ้นไปข้างบนอย่าได้ไว้วางใจเด็ดขาด แค่ 1-2 นัดมีสิทธิ์ชีวิตเปลี่ยน
ราชบุรี มิตรผล และ
นครราชสีมา มาสด้า ทีมอันดับ 10-11 มี 24 แต้มเท่ากัน
ตราด กับ
ชลบุรี อันดับ 8-9 ที่มี 26 แต้มเท่ากันใช่จะไว้วางใจได้ สะดุดแค่ 2-3 เกมเป็นเรื่องได้เหมือนกัน เช่นเดียวกับ
เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อันดับ 7 ที่มี 27 แต้ม
แม้กระทั่ง
พีทีที ระยอง อันดับ 6 ที่เกือบจะลอยตัวแล้ว แต่นัดล่าสุดดันแพ้เลยหยุดอยู่ที่ 28 แต้ม หากสะดุดหัวทิ่มบ่อยๆอาจได้ลงมาลุ้นใหม่แถวๆใกล้โซนสีแดง
สถานการณ์หนีตกชั้นตอนนี้จึงกล้าบอกได้เลยว่า “ไทยลีก” ในระบบ 16 ทีมตกชั้น 3 ทีม เข้มข้นไม่ต่างจากฤดูกาลที่แล้วที่ 18 ทีมตกชั้น 5 ทีมแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าคนดูลุ้นกันสนุก แต่คนทำทีมไม่สนุกแน่ๆ เพราะไม่มี
“พื้นที่ปลอดภัย” ให้พักหายใจแบบยาวๆเลย
กระแสที่ว่า “ไทยลีก” ควรมี
“18 ทีม” เหมือนเดิมจึงมีการถูกพูดถึงอยู่บ้างเป็นระยะๆ กรณีนี้มีหลายมุมมองและหลากความคิดเห็น ดีหรือแย่อยู่ที่จะมอง
แต่สิ่งสำคัญที่สุดต้องนึกถึงผลประโยชน์ของวงการฟุตบอลไทยในภาพรวมเป็นหลัก จำนวนทีมที่เหมาะสมและการบริหารจัดการที่ดีจะทำให้พัฒนาได้ทั้งระบบ
ตรงนี้หมายถึงว่า
“ไทยลีก” ต้องสอดคล้องและสนับสนุน
“ทีมชาติไทย” อย่างเต็มที่ นี่คือวัตถุประสงค์สำคัญในการลดจำนวนทีมจาก 18 เหลือ 16 ทีม
มุมมองส่วนตัวเชื่อว่า “ไทยลีก” เหลือ 16 ทีมตอบโจทย์เรื่อง
“คุณภาพทีม” ได้ดีแล้ว เพราะจากที่เห็นการต่อสู้บนตารางคะแนนคือคำตอบที่ชัดเจน
แต่การสนับสนุนทีมชาติไทยยังถือว่าทำได้ไม่ดีนัก
“โปรแกรมการแข่งขัน” คือปัญหา ทั้งที่เหลือ 16 ทีมแล้วแต่ยังไม่ค่อยมีช่องว่างให้พักหายใจ คิวเตะในช่วงนี้ยิ่งเห็นปัญหาชัดเจน
เกมกลางสัปดาห์ของ “ไทยลีก” ลดลง แต่คงลืมไปว่าฟุตบอลถ้วยทั้ง
“เอฟเอคัพ” และ
“ลีกคัพ” เมื่อเข้ารอบลึกๆแล้วส่วนใหญ่จะเหลือแค่ทีมหัวตารางที่เข้ารอบ
ทีมเหล่านี้ล้วนมีนักเตะทีมชาติไทยทั้งนั้น แล้วต้องเตะสัปดาห์ละ 2 นัดทั้ง “ไทยลีก” สุดสัปดาห์และฟุตบอลถ้วยกลางสัปดาห์ สภาพจะเหลือไปถึงทีมชาติไทยสักกี่เปอร์เซนต์ ?
โปรแกรมวางไว้แบบนี้ยังยากที่จะโยกคิว “ไทยลีก” ในกรณีที่จำเป็นจริงๆด้วย เพราะฟุตบอลถ้วยล็อกคิวไว้กลางสัปดาห์สลับกับ “ไทยลีก” ทุกสัปดาห์
นี่ยังดีว่าพอมีวันว่างอยู่บ้างจึงสามารถเลื่อนเกม “ไทยลีก” นัดวันที่ 21 ส.ค.ไปเตะวันที่ 2 ต.ค.ตามความต้องการของ
อากิระ นิชิโนะ กุนซือใหม่ทีมชาติไทยได้
“นิชิโนะ” ไม่ได้ต้องการเวลาที่มากไปกว่าช่วงหยุด
“ฟีฟ่าเดย์” ในการเตรียมทีมชาติไทย แต่แค่ต้องการให้นักเตะได้ลดความถี่ในการลงเล่นติดๆกันลงบ้างเท่านั้น
การเตะถี่ๆสัปดาห์ละ 2 นัดหากบ่อยๆคงไม่ดี นี่คือปัญหาที่พูดถึงกันมานานและเป็น 1 ในเหตุผลที่ “ไทยลีก” ลดเหลือ 16 ทีม แต่เมื่อลดทีมลงแล้วทำไมถึงยังแก้ปัญหาตรงนี้ไม่ได้
นั่นหมายความว่าปัญหาไม่ได้อยูที่จำนวนทีมแล้ว แต่อยู่ที่ “การบริหารจัดการ” มากกว่า หากยังแก้ตรงนี้ไม่ได้เห็นทีจะไม่ถูกใจคนทำทีมทั้งสโมสรและทีมชาติไทยด้วยแน่ๆ !!!
“บับเบิ้ล”