logo-heading

ชั่วโมงนี้จู่ๆ เปาโล ดีบาล่า ก็มีแสงสปอร์ตไลท์ฉายส่องมาแบบไม่รู้ตัว เมื่อมีกระแสข่าวอย่างหนักว่าอาจจะย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นดีลสลับขั้วกับ โรเมลู ลูกากู กองหน้าจาก "ปีศาจแดง" ซึ่งไม่ใช่ข่าวที่ลือกันแบบธรรมดา แต่เป็นแบบข้ามคืนกันเลยทีเดียว

ไม่รู้ว่าดีลอันลือลั่นครั้งนี้ จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่มันสร้างความตื่นเต้นเหลือเกินให้กับสาวก "ปีศาจแดง" มากเหลือเกิน ฉะนั้นก็เลยอยากจะให้ทุกคนได้รู้จักตัวตนของ ดีบาล่า มากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มอรรถรสให้มากกว่านี้ขึ้นไปอีก

1. ฉายาของ ดีบาล่า ถ้าพูดถึง เปาโล ดีบาล่า เชื่อว่าหลายๆคนอาจจะไม่รู้จัก นิกเนมส์ของนักเตะรายนี้มากนัก โดยดาวเตะเท้าซ้ายชาวอาร์เจนไตน์ มีฉายาที่น่าสนใจ ที่สื่อบ้านเกิดตั้งให้นั่นก็คือ "ลา โรย่า" หรือแปลเป็นไทยว่า "อัญมนี" เพราะ ดีบาล่า ฉายแววมาตั้งแต่อายุยังไม่ 18 ปีเต็ม กับทีมในลีกบ้านเกิด เนื่องด้วยซีซั่นแรกกับทีม อินสติตูโต้ ลีกรองอาร์เจนติน่า ก็ซัดไปถึง 17 ประตู จากการลงสนาม 40 นัด อย่างไรก็ตาม เมื่อ ดีบาล่า โด่งดังไปทั่วสารทิศ กับการย้ายมาเล่นให้กับ ยูเวนตุส ด้วยผลงานทั้งถล่มประตูและแอสซิสต์ให้กับเพื่อนร่วมทีม ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส อดีตเพื่อนร่วมทีม "ไอ้ม้าลาย" ก็เคยให้สมญานามกับนักเตะรายนี้ไว้ว่า "ปุ่ม R2" เพราะ ป็อกบา ยกย่องว่า ดีบาล่า เป็นเหมือนปุ่มกด R2 ในเกม เพลย์ สเตชั่น ที่มีความสามารถทำได้ทั้งยิงและเปิดในคนๆเดียว 2. จริงๆแล้ว ดีบาล่า ไม่เลือกเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่า ก็ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักเตะคนๆหนึ่งจะมีหลายสัญชาติ และ สามารถเลือกเล่นให้ทีมชาติไหนก็ได้ แต่ในรายของ เปาโล ดีบาล่า มีใครทราบมาก่อนไหมว่า จริงๆแล้วดาวยิงรายนี้ จะไม่เลือกเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่า แบบในปัจจุบัน ก็ย่อมได้ เพราะเขายังมีอีก 2 ชาติให้เลือก ประกอบด้วย โปแลนด์ และ อิตาลี มาเริ่มกันที่ว่าทำไม ดีบาล่า ถึงเล่นให้กับ โปแลนด์ ได้ล่ะ ? ย้อนกลับไปช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คุณปู่ของ ดีบาล่า เป็นชาวโปแลนด์ แต่ด้วยสงครามที่มันรุนแรงและมีแต่การสูญเสีย คุณปู่ของเขาเลยอพยพ มาตั้งรกรากอยู่ที่ประเทศอาร์เจนติน่า ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุทำให้ ดีบาล่า มีสายเลือด โปแลนด์ อยู่ในตัว ส่วนกับทีมชาติอิตาลี ? ต้องบอกว่า สายเลือด "มะกะโรนี" ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ดีบาล่า เต็มไปหมด เพราะรากเหง้าทางฝั่งคุณแม่อาศัยกันอยู่ที่ประเทศอิตาลี เต็มไปหมด อย่างเช่น เด เมสซ่า คุณยายของนักเตะรายนี้ ก็เป็นคนแห่งเมืองเนเปิ้ลส์ ทำให้เจ้าตัวได้รับสัญชาติอิตาลี มาตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้มาอยู่กับ ปาแลร์โม่ หลังย้ายออกจาก อินสติตูโต้ 3. ไอดอลของ ดีบาล่า ทุกวงการ ทุกอาชีพ ต่างก็มีผู้เป็นแรงบันดาลใจของตัวเองอยู่แล้ว เพื่อเป็นแรงผลักดันให้กับตัวเองได้พัฒนาฝีมือและก้าวขึ้นมา ไม่ผิดอะไรกับ เปาโล ดีบาล่า ที่ก็มีไอดอลในดวงใจเช่นกัน แต่กระนั้นมันแปลกตรงที่ ดีบาล่า ซึ่งเลือกเล่นให้กับ อาร์เจนติน่า และ สังกัดอยู่กับค่าย ยูเวนตุส ที่มีกองหน้าระดับตำนานมากมายทั้งยุคดึกดำบรรพ์ หรือ ราวๆยุค 90 ยุคที่้เขาลืมตาดูโลกขึ้นมา กลับไม่ใช่ไอดอลของเขา เพราะสารคดีของเจ้าตัวที่มีชื่อว่า "ลา โรย่า" ดีบาล่า ได้เปิดเผยไว้ว่า อันเดรีย ปีร์โล่ เป็นนักฟุตบอลที่เขาชื่นชอบอย่างมาก และ เฝ้าติดตามผลงานมาตลอด ในช่วงที่เขาตั้งไข่ เพื่อก้าวขึ้นมาสู่นักฟุตบอลอาชีพ แต่กระนั้น ปีร์โล่ ไม่ใช่แรงบันดาลใจคนเดียวของเขา เพราะยังมีอีก 2 คนในตำแหน่งมิดฟิลด์ ที่เขายกย่องให้เป็นไอดอลตัวจริงเสียงจริง คนแรก ฮวน โรมัน ริเกวเม่ ตำนานกองกลางอาร์เจนติน่า และ โรนัลดินโญ่ อดีตจอมทัพทีมชาติบราซิล 4. ที่มาของท่าดีใจ "Dybalamask" ในโลกของฟุตบอล มีท่าดีใจมากมาย เกิดขึ้นในช่วงทุกยุค ทุกสมัย และ หลายๆท่าก็กลายเป็นเอกลักษณ์ของนักเตะคนนั้นๆ ซึ่งกับ เปาโล ดีบาล่า ก็มีท่าดีใจประจำตัวเช่นกัน ที่เรียกกันว่า "Dybalamask" หรือ ถ้าให้อธิบายเป็นตัวอักษร ก็เหมือนท่าเก็กหล่อ แต่เปลี่ยนเอา 2 นิ้ว นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ มาคาดไว้ใต้จมูก แน่นอนว่าท่าดีใจ "Dybalamask" กลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลก จนหลายๆคนก็เอามาใช้เป็นท่าถ่ายรูปในชีวิตประจำวัน และ เมื่อ ดีบาล่า ทำประตูบ่อยเข้า ก็เลยมีผู้คนสงสัยว่าอะไรคือแรงบันดาลใจหรือเป็นความหมายสำหรับท่าเอกลักษณ์ประจำตัว ดีบาล่า อธิบายถึงท่าดีใจ "Dybalamask" มันมีความหมายว่า "เป็นเหมือนหน้ากากนักรบ และ ได้แรงบันดาลใจมากจากภาพยนตร์เรื่อง Gldiator เพื่อเป็นการปกปิดเรื่องความผิดหวัง และ แสดงความเป็นนักสู้ เพราะตนเองเคยเสียใจมากๆ ที่ซัดจุดโทษพลาด เกมที่เคยพลาดจุดโทษ นัดเจอกับ เอซี มิลาน ในศึก อิตาเลีย ซูเปอร์ คัพ 2016" 5. ก่อนที่ ดีบาล่า จะเลือกเบอร์ 10 กับ ยูเวนตุส เขาเคยใส่เบอร์ 21 และ มันมีที่มา ตอนที่ เปาโล ดีบาล่า ย้ายจาก ปาแลร์โม่ มาอยู่กับ ยูเวนตุส เมื่อปี 2015 เขาเคยชินกับการสวมใส่เบอร์ 9 มาก่อน แต่ ณ ตอนนั้น อัลบาโร่ โมราต้า เป็นเจ้าของสัมปทานอยู่ ทำให้สุดท้ายแล้วนักเตะรายนี้ ตัดสินใจเลือกใส่เบอร์ 21 ให้กับ "ไอ้ม้าลาย" และ ไม่ใช่ว่าเลือกแบบซั่วๆ เพราะทุกอย่างมันที่มา สาเหตุที่ ดีบาล่า ตัดสินใจมาสวมใส่เบอร์ 21 ก็เป็นการเจริญรอยตาม เหล่าตำนานแห่ง "ไอ้ม้าลาย" ไม่ว่าจะเป็น อันเดรีย ปีร์โล่ ซึ่งเป็นไอดอลของเขา ที่ก็เลือกใส่เบอร์ 1 รวมไปถึง ซีเนอดีน ซีดาน ตำนานมิดฟิลด์ตัวเทพ ก็เลือกใช้หมายเลขนี้ สมัยค้าแข้งให้กับ "ยูเว่" เช่นกัน ดีบาล่า ขยายเพิ่มเติมไว้ว่า "สมัยที่ผมเล่นให้กับ อินสติตูโต้ ก็สวมเบอร์ 9 ที่ ปาแลร์โม่ ก็เช่นกัน และ ตอนที่ผมย้ายมาอยู่กับ ยูเวนตุส ก็มี โมราต้า จับจองหมายเลขนี้อยู่แล้ว และ เขาก็ต้องการครอบครองมัน ซึ่งมันพอดีกับช่วงที่ ปีร์โล่ ตัดสินใจย้ายทีม เขาเป็นไอดอลของผม ผมก็เลยขอสานต่อด้วยการใช้เบอร์ 21 ซึ่งเบอร์ 21 ก็เหมือนเบอร์ 10 ของ ยูเว่ มันเป็นเบอร์สำคัญเช่นกัน" 6. อาภัพทีมชาติ ทุกคนต่างทราบดีว่า เปาโล ดีบาล่า มีศักยภาพแค่ไหน และ มีผลงานการทำประตูเป็นอย่างไร เพราะนับตั้งแต่มาอยู่กับ ยูเวนตุส เขามีสถิติทำประตูแตะเลข 2 หลักอยู่ตลอด รวมทุกรายการ คว้าแชมป์ "สคูเด็ตโต้" รวมถึง "โคปปา อิตาเลีย" มาครองตั้งหลายสมัย ติดทีมยอดเยี่ยม กัลโช่ เซเรีย อา แบบ 3 ปีซ้อน (ยกเว้นซีซั่นก่อน) และ เคยเป็นเจ้าพ่อแอสซิสต์เมื่อฤดูกาล 2014-15 มาแล้ว อย่างไรก็ตาม กับทีมชาติอาร์เจนติน่า เปาโล ดีบาล่า กลายเป็นเหมือนนักเตะส่วนเกิน ด้วยคำพูดที่ถูกปรามาสไว้ว่า "ทับตำแหน่งกับ ลิโอเนล เมสซี่" ส่งผลให้เจ้าตัวต้องนั่งก้นด้านอยู่ที่ม้านั่งสำรอง ทั้งทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก และ โคปา อเมริกา ต่อให้จะมีแฟนบอลเรียกร้องมากเท่าไหร่ แต่เหล่ากุนซือ "ฟ้า-ขาว" ก็เลือกดรอปอยู่ดี และ มักส่งลงสนามในตอนที่สายไปเสียแล้ว กระนั้นอย่างน้อยๆ โคปา อเมริกา 2019 เปาโล ดีบาล่า ก็มีส่วนสำคัญช่วยให้ อาร์เจนติน่า คว้าอันดับ 3 ด้วยการพาทีมชาติอาร์เจนติน่า เฉือนเอาชนะ ชิลี 2-1 ในเกมที่ ลิโอเนล เมสซี่ โดนใบแดงไล่ออก ซึ่งแมตช์ดังกล่าว เปาโล ดีบาล่า ก็สามารถคว้ารางวัล "แมน ออฟ เดอะ แมตช์" มาครองได้สำเร็จ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline