logo-heading

กระแสฟุตบอลทีมชาติไทย กลับมาคึกคักอีกระลอก หลังจากช้างศึกเอาชนะยูเออี เกาะทีมนำในการคัดเลือกบอลโลก 2022 กลุ่มเอฟ นอกจากนี้ผลพวงดันกล่าวส่งให้อันดับโลกขยับขึ้นมาอยู่ที่ 109 จากการจัดอันดับแรงกิ้งฟีฟ่า

แน่นอนว่าเครดิตต้องยกให้กับ อากิระ นิชิโนะ ที่เข้าใจขนบธรรมเนียมบอลไทยปล่อยให้แข้งช้างศึกเล่นแบบสไตล์ไทยๆ และใส่จิตวิทยาแบบญี่ปุ่นลงไป จนกลายเป็นการผสมผสานเคมีที่ลงตัว อย่างไรก็ดีไทยยังมีงานหนักรออยู่ในอีก 2 เกมคัดบอลโลก ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่จะต้องออกไปเยือนเวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งจากการประกาศรายชื่อทีมชาติไทย เที่ยวล่าสุด 32 แข้ง มีแข้งหน้าเก่าติดทีมเหมือนเช่นเดิม และกลุ่มหน้าใหม่ก็ได้รับโอกาสให้มาฝึกซ้อมในมินิแคมป์ ในระหว่างวันที่ 31 ตุลาคมถึง 4 พฤศจิกายนนี้ แน่นอนว่าอากิระ นิชิโนะ ต้องการเห็นฟอร์มผู้เล่นอย่างใกล้ชิด เพื่อเฟ้นหา 23 แข้งตีตั๋วไปมาเลเซีย และเวียดนาม ในช่วงกลางเดือนหน้า ซึ่งในกลุ่มหน้าใหม่ที่ไม่เคยได้รับโอกาสให้มาซ้อมทีมชาติ ขอบสนามขอแนะนำประวัติคราวๆของทั้ง 3 หนอมาให้แฟนบอลได้รู้จักกันครับ 1.ศราวุธ อินทร์แป้น รู้จัก3แข้งหน้าใหม่ช้างศึกชุดใหญ่ เด็กหนุ่มจากจังหวัดสุรินทร์ ผู้ชื่นชอบริโอ เฟอร์ดินานด์ และสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้หอบหิ้วความฝันในการเล่นบอลในเมืองกรุง จนได้มาเล่าเรียนในโควต้านักกีฬาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ในรุ่น 129 อยู่ในชุดแชมป์บอลนักเรียนกรมพละศึกษา ถ้วย ก. รุ่นอายุ 18 ปี ปี2553 ในยุคที่เนวิน ชิดชอบมาทำหน้าที่ผู้จัดการทีม แน่นอนว่า เขาได้ถูกเลือกให้ไปอยู่ในทีมเยาวชนบุรีรัมย์ พีอีเอ 2 ปีและอยู่ในทีมชุดรองแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ปี 2011 ชุดที่มีชิติพัทธ์ แทนกลาง และ แฟร้งค์ อาเชียมปง ส่วนโอกาสลงเล่นที่น้อยนิดแค่ 1 เกมในทีมชุดใหญ่ ทำให้ "เบียร์" ไม่ได้รับการต่อสัญญา และเขาตัดสินใจย้ายไปเล่นบอลในระดับดิวิชั่น 1 กับแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล ในปี 2012 พร้อมกับติดยศจ่าอากาศ เขาได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา 5 ปี ช่วยทีมเลื่อนชั้นไปเล่นไทยลีก 2 หนในปี 2013 และ 2017 อย่างไรก็ดีด้วยอายุอานามที่มากขึ้น บวกกับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มตามมา งานประจำยศข้าราชการ ไม่เพียงพอหล่อเลี้ยงเบียร์และครอบครัว ปี 2018 หลังแอร์ฟอร์ซ ได้สิทธิ์เลื่อนชั้น เขามุ่งหน้าขึ้นเหนือสุดแดนสยาม บอกลางานในรั้วกองทัพอากาศเดินหน้าสู่การเป็นนักบอลอาชีพเต็มตัวกับ"กว่างโซ้งมหาภัย" จากกองหลังโนเนมชื่อไม่ดัง เขาได้จับคู่กับวิคเตอร์ คาร์โดโซ่, ชินภัทร ลีเอ๊าะ ในปี 2018 พาทีมเป็นแชมป์บอลถ้วยลีก คัพ และเอฟเอ คัพ หลังเรียนรู้ความเชี่ยวกราดในเวทีลูกหนังไทยมาแล้ว 1 ปีเต็ม ในที่สุด ไอล์ตัน ดอส ซานโตส ซิลวา กุนซือคนใหม่ของเชียงราย ไว้วางใจให้ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองจากกองหลังที่ชอบทำฟาวส์แบบโฉ่งฉ่าง กลายเป็นคนที่เล่นบอลแล้วตัดเกมได้ฉลาดขึ้น จนในที่สุดฝันที่รอคอย 10 ปีเต็มนับตั้งแต่ออกจากบ้านเกิดที่สุรินทร์ ในการแสว่งหาโอกาสเล่นบอลอาชีพ เพื่อเป็นเวทีสู่ทีมชาติไทย ก็มาเยือนเบียร์เสียที เมื่ออากิระ นิชิโนะ ใส่เขาเป็น 32 นักเตะช้างศึกในการเข้าแคมป์ฝึกซ้อมคัดบอลโลก 2022 2.ธีระพล เยาะเย้ย รู้จัก3แข้งหน้าใหม่ช้างศึกชุดใหญ่ ไทยลีก 2019 เป็นปีที่มีนักเตะหน้าใหม่ในตำแหน่งกองกลางโผล่ขึ้นมาแจ้งเกิดมากมาย และชื่อของ "เอี้ยง" ธีระพล เยาะเย้ย ก็เป็นหนึ่งในนั้น เด็กจากร้อยเอ็ด ผู้ที่มีฝันอยากเตะบอลเพื่อหาเลี้ยงชีพให้ครอบครัวเพื่อตอบแทนพ่อแม่ เขารู้ดีว่าสิ่งเดียวในชีวิตที่ทำได้ดีสุดคือการเล่นฟุตบอล ธีระพล เยาะเย้ย ย้ายมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนกีฬานนท์ ได้รับการขัดเกลาฝีเท้าโดย”โค้ชต้น” สมฤทธิ์ อ่อนสมจิตร โค้ชบอลเด็กย่านนนทบุรี ที่เคยปั้น สุเชาว์ นุชนุ่ม จนก้าวไปติดทีมชาติชุดใหญ่เมื่อปี 2005 “เอี๊ยง” ได้รับการฝึกสอนเบสิคครบทุกอย่าง ตั้งแต่อายุ14 ปี จากนั้น 4 ปีต่อมาเขาถูกจับเล่นบอลดิวิชั่น 2 กับนนทบุรี เมื่อปี 2012 จากเด็กไร้ชื่อเสียงไม่ได้ผ่านสถาบันลูกหนังชื่อดังฝีเท้ากลับกลายเป็นว่า เขาถูกดึงตัวไปอยู่ในทีมบีซีซี ทีมน้องของบีอีซี เทโรศาสนในเวลานั้น ท่ามกลางเพื่อนร่วมทีมดีกรีทีมชาติมากมาย กระทั่งการเปลี่ยนแปลงของสโมสรกลางปี 2016 เขาขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของสโมสร ตามด้วยการถูกยืมตัวไปอยู่อาร์มี่ หลังติดเกณฑ์ทหาร 18 เดือนผ่านไป และเขารีเทิร์นสู่เทโรอีกคำรบ ทว่าด้วยโอกาสลงเล่นอันน้อยนิด “โค้ชอั่น” สุรพงษ์ คงเทพ โค้ชพัทยา หรือสมุทรปราการ ซิตี้ ชอบในฝีเท้าของหมอนี่จึงดึงตัวมาร่วมทีม ธีระพล เยาะเย้ย ยึดตัวหนักในพื้นที่แดนกลางให้สโมสรตั้งแต่ปลายปี 2018 จนมาถึงปี 2019 พัง 8 ประตูให้สโมสร ก่อนจะถูกอากิระ นิชิโนะ ใช้เวลาสแกนถึง 2 เดือน ก่อนจะถูกเชิญตัวมาซ้อมทีมชาติในที่สุด และเรื่องดังกล่าวทำให้พ่อแม่ของเอี๊ยง  ภาคภูมิใจ หลังจากบ้านเกิดมาล่าฝันในเมืองกรุงร่วมๆ 15 ปี 3.ชญาวัต ศรีนาวงษ์ รู้จัก3แข้งหน้าใหม่ช้างศึกชุดใหญ่ 3 ปีก่อนในการแข่งขันยู23 ชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้ายที่กาตาร์ ปี 2016 ระหว่างไทยพบซาอุดิอาระเบีย มีนักบอลทีมชาติไทย เกิดสตั๊ดฉีกขาด จนกลายเป็นที่ถูกพูดถึงในโลกโซเชียล เขาคนนั้นมีชื่อว่า ชญาวัต ศรีนาวงษ์ ไอ้หนุ่มจากโรงเรียนกีฬานครราชสีมา ผู้ที่เข้าสู่เมืองหลวงตอนที่อายุ 17 ปีย่าน 18 ปี จนได้มาเรียนหนังสือและเล่นบอลให้กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ซึ่งในเวลานั้นเด็กๆที่ไม่มีสโมสรในรั้วชงโคสีม่วง จะถูกส่งชื่อให้ไปเล่นกับบีซีซี ในระดับดิวิชั่น 2 จังหวะบังเอิญในการคัดตัวทีมชาติ19 ปี 2011 บี ชญาวัต หิ้วสตั๊ดและถูกน้าฉ่วย สมชาย ชวยบุญชุม กุนซือทีมในเวลานั้นติดทีมลงเล่นรอบคัดเลือก โดยลงเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย แน่นอนว่าเมื่อมีชื่อติดทีมชาติ เมืองทอง ยูไนเต็ด ดึงนักเตะไปร่วมทีมทันที ทว่าเขาก็เหมือนกับเยาวชนกิเลนผยองที่ได้แต่ฝันและรอโอกาสไปวันๆ เพราะสุดท้ายก็ถูกปล่อยยืมตัวให้ทีมระดับล่างยืมตัวไปใช้งาน นครราชสีมา, นครนายก, บางกอก เอฟซี, พีทีที ระยอง แถมยังมีประสบปัญหาบาดเจ็บที่ตามรังควานชีวิตฟุตบอลอีก เหมือนเขาคงไร้วี่แววที่จะได้ลงเล่นในไทยลีก กระทั่งปี 2016 ชญาวัต ถูกส่งไปอยู่กับพัทยา และโค้ชอั๋น สุรพงษ์ คงเทพ อดีตโค้ชเยาวชนกิเลนผยอง ก็ย้ายไปจับทีมโลมาสีน้ำเงิน พร้อมกับการเอาผู้เล่นดาวรุ่งเมืองทองติดสอยห้อยตามไปด้วย แน่นอนว่าการลงเล่นในไทยลีกอย่างสม่ำเสมอทำให้ "บี" มีความมั่นใจกล้าเลี้ยงกล้าเล่นมากขึ้น 3 ปีเต็มเขาทำไป 11 ประตูในลีกสูงสุดแดนสยาม เป็นกำลังสำคัญของพัทยา หรือในชื่อใหม่สมุทรปราการ ซิตี้ จนอากิระ นิชิโนะ กุนซือช้างศึกอยากลองมาทำความรู้จักไอ้หนุ่มหน้ามนคนโคราชในรั้วทีมชาติสักครั้ง 1

เอ็มเร่

[email protected]

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline