logo-heading

ฟุตบอล “ไทยลีก 2019” ที่ออกสตาร์ทตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.ปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้ว นี่คืออีก 1 ฤดูกาลที่ต้องถูกบันทึกไว้ว่าเป็นการแข่งขันที่เข้มข้นและเต็มไปด้วย “ดราม่า”

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด คือ “แชมป์หน้าใหม่” ทีมแรกในรอบกว่า 11 ปีที่โค่น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่แย่งแชมป์กันแค่ 2 ทีมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาได้สำเร็จ ถ้าย้อนกลับไปช่วงก่อนเปิดฤดูกาลคงไม่มีใครกล้าฟันธงสักเท่าใดว่า “กว่างโซ้ง” จะเข้าป้ายซิวแชมป์ในท้ายที่สุด เพราะทีมดูจะมีเหตุที่ทำให้ไม่มั่นใจพอสมควร ตั้งแต่ปัญหา “เงินทุน” ที่ต่อเนื่องมาเป็นฤดูกาลที่สองจนต้องปล่อยนักเตะดีๆหลายคน รวมถึงการปลด โจเซ่ อัลเวส บอร์จีส ออกจากตำแหน่งกุนซือก่อนเปิดฤดูกาลแค่สัปดาห์เศษ บ๊ายบาย “ไทยลีก 2019” ฤดูกาลของ “แชมป์หน้าใหม่” ไอล์ตัน ซิลวา ถูกดันขึ้นมาคุมทีมแทนแบบไม่ค่อยมีคนรู้ข้อมูลนักว่าเป็นใคร มาจากไหน แต่กุนซือบราซิลพิสูจน์ผลงานจากการคุมทีมด้วยตำแหน่งแชมป์ไทยลีก ความสำเร็จของ “กว่างโซ้ง” เกิดจากหลายสาเหตุปัจจัย แน่นอนว่าคนทำทีมอย่าง “บิ๊กฮั่น” มิตติ ติยะไพรัช ต้องได้รับเครดิตไปเต็มๆ แม้ฤดูกาลนี้ “บิ๊กฮั่น” จะขยับไปเป็น “ประธานที่ปรึกษาสโมสร” เพราะไปลงการเมือง แต่ในทางปฏิบัติยังคงลงมาลุยกับทีมเป็นภาพให้ได้เห็นอยู่ตลอดทุกเกม ระบบการเล่นของทีมที่ถูกวางไว้ตั้งแต่สมัย อเล็กซานเดอร์ กาม่า แล้วสานต่อโดย ไอล์ตัน ซิลวา ยังประสิทธิ์ภาพเต็มเปี่ยมจนหลายทีมออกปากว่าชมไม่ธรรมดา จากทีมที่มักมีปัญหา “นอกบ้าน” แต่ปีนี้จากผลงาน 30 นัดที่ชนะ 16 เสมอ 10 แพ้ 4  แบ่งเป็นชนะทั้งในและนอกบ้านเท่ากันที่ชนะ 8 เสมอ 5 แพ้ 2 สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมที่ “เก่งนอกบ้าน” ชนะมากที่สุด 8 นัดและเก็บแต้มได้มากที่สุด 29 คะแนน ที่สำคัญคือการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างนักเตะไทยและต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น “ดาวรุ่ง” หรือ “ตัวเก๋า” ที่ถือว่ากลมกล่อมลงตัว บ๊ายบาย “ไทยลีก 2019” ฤดูกาลของ “แชมป์หน้าใหม่” เด่นสุดๆ คือ พิธิวัต สุขจิตรธรรมกุล ที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวแบบสมควรได้รางวัล “นักเตะยอดเยี่ยม” ของฤดูกาล การดึงเอา เอกนิษฐ์ ปัญญา กลับจากมา เชียงใหม่ ในเลกสองถือเป็นการเลือกที่ถูกต้อง นี่คือ “ดาวซัลโวคนไทย” ซัดไป 10 ประตู และสมควรได้ “ดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี” ด้วย นักเตะรายอื่นๆอย่าง ศิวกรณ์ เตียตระกูล กลับมาฮอตจนติดทีมชาติไทย เช่นเดียวกับ อภิรักษ์​ วรวงษ์ ที่เซฟจนถูกทีมชาติไทยเรียกตลอด และล่าสุด ศราวุธ อินทร์แป้น มีชื่อไปอีกคน บ๊ายบาย “ไทยลีก 2019” ฤดูกาลของ “แชมป์หน้าใหม่” ส่วนต่างชาติทีมไม่ใช้โควตาอาเซียน แนวรับได้ บรินเนอร์ เอนริเก มาบัญชาการ ตรงกลางยังมี อี ยอง แร ส่วนแนวรุก บิล โรซิมาร์ กับ วิลเลียม เอ็นริเก ยิงรวมกัน 25 ประตู ศักยภาพของ “กว่างโซ้ง” ถือว่าลงตัวมากๆและโชคดีที่ไม่มีตัวหลักเจ็บจนหายไปนานๆ ที่สุดแล้วจึงสร้างประวัติศาตร์คว้าแชมป์ “ไทยลีก” เป็นครั้งแรกของสโมสร นี่คือทีมจังหวัดทีมที่ 3 ต่อจาก ชลบุรี และ บุรีรัมย์​ ยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์ “ไทยลีก” และถือเป็น “แชมป์หน้าใหม่” สมใจตามที่หลายๆ คนลุ้นกัน ส่วน “แชมป์หน้าเก่า” ที่อกหักแบบเจ็บปวดพลาดในนัดสุดท้ายอย่าง “ปราสาทสายฟ้า” จริงๆแล้วต้องบอกว่ากระท่อนกระแท่นมาตลอดฤดูกาลอยู่แล้ว การไม่มี ดิโอโก หลุยส์ ซานโต คือปัจจัยสำคัญจริงๆที่ทำให้พลาดทุกถ้วยเมเจอร์ในปีนี้ เพราะตัวใหม่ทดแทนไม่ได้เลย ถือเป็นปีที่การเลือกตัวผู้เล่นต่างชาติ “ล้มเหลว” อย่างแท้จริง แต่ในความผิดหวังของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลายเป็นสิ่งที่วงการฟุตบอลไทยได้รับอานิสงค์ ดาวรุ่งหลายคนมีโอกาสลงเล่นมากขึ้นและทำผลงานได้ดีจนต่อยอดไปถึงทีมชาติไทย บ๊ายบาย “ไทยลีก 2019” ฤดูกาลของ “แชมป์หน้าใหม่” ไม่ว่าจะเป็น สุภโชค สารชาติ หรือ ศุภณัฎฐ์ เหมือนตา ยิ่งเล่นยิ่งเก่ง ยิงกันไปคนละ 9 และ 8 ประตูตามลำดับ รวมถึง ศุภชัย ใจเด็ด, ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทีมใหญ่อย่าง “ปราสาทสายฟ้า” แม้ปีนี้จะผิดหวังสุดๆ แต่เชื่อเถอะว่าปีหน้ายังคงเป็น “เต็ง” ในการกลับมาลุ้นแชมป์แน่ เช่นเดียวกับ “กิเลนผยอง” ที่ฝันร้ายในฤดูกาลนี้ผ่านไปแล้ว ส่วน 3 ทีมตกชั้นที่ต้องไปสู้มาใหม่ใน “ไทยลีก 2” ถือว่าไม่เกินความคาดหมาย เชียงใหม่ เพิ่งเลื่อนชั้นมาปีแรก แถมเจอปัญหาไม่ได้เตะในบ้านหลายเกม เลยไม่รอด แต่ “พยัคฆ์ล้านนา” สู้แบบสมศักดิ์ศรีจนถึงเกมสุดท้ายที่ต้องถูกจารึกให้เป็น “ตัวแสบ” ที่ทำให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พลาดแชมป์แบบ “ดราม่า” สุดๆ ขณะที่ ชัยนาท ฮอร์นบิล เลื่อนชั้นกลับมาลีกสูงสุดได้ 2 ปีก็ต้องหล่นกลับไปใหม่ ฤดูกาลนี้ทีมมีปัญหาความไม่แน่นอน บางนัดดีเหลือเชื่อ แต่หลายเกมไม่ดีแบบผิดคาดเช่นกัน ด้าน สุพรรณบุรี ที่จบเลกแรกด้วยอันดับ “บ๊วย” เกือบลบอาถรรพ์อยู่รอดได้ในตอนจบ แต่ด้วยปัญหาการบริหารจัดการที่ดูสวนทางกับการลงทุนและคาดหวังจึงไม่รอดในที่สุด นี่คือภาพรวมของ “ไทยลีก 2019” ที่ต้องถูกจดจำว่าเป็นปีที่เข้มข้น ดราม่า และเป็นฤดูกาลของ “หน้าใหม่” ทั้งแชมป์และนักเตะที่แจ้งเกิดได้หลายต่อหลายคน ดีใจกับคนที่สมหวัง ส่งกำลังใจให้ต่อไปกับผู้ที่ผิดหวัง แล้วกลับมาพบกันใหม่ใน “ไทยลีก 2020” ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป

“บับเบิ้ล”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline