logo-heading

นับตั้งแต่ที่ ลุค ชอว์ ได้รับบาดเจ็บไป ทำให้ตำแหน่งแบ็กซ้ายของ แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือตัวเลือกเพียงคนเดียวนั้นก็คือ แอชลี่ย์ ยัง จนกระทั่ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เริ่มที่จะให้โอกาสกับดาวรุ่งอย่าง แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ในการลงสนามมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเกมบอลถ้วยกลางสัปดาห์

ซึ่งเจ้าหนูวัย 19 ปี รายนี้ก็ไม่ได้ทำให้นายใหญ่ผิดหวัง หลังโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเหลือเกินยามที่ได้รับโอกาส  ว่าแล้ววันนี้ ขอบสนาม ของเราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ดาวรุ่งที่รอวันจรัสแสงของ แมนฯ ยูไนเต็ด ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ไปติดตามกันได้เลย แบรนดอน วิลเลี่ยมส์... คลื่นลูกใหม่แห่งค่าย 'ปีศาจแดง' เส้นทางเริ่มต้น แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2000 และเติบโตมาในเมือง แมนเชสเตอร์ ก่อนที่จะเข้าสู่อคาเดมี่ของทีมตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ เท่านั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆ ไต่เต้าพัฒนาฝีเท้ามาเรื่อยๆ  จนกระทั่งอายุครบ 18 ปี วิลเลี่ยมส์ ก็ได้สัญญาอาชีพฉบับแรกกับ "ปีศาจแดง" ที่เซ็นยาวไปจนถึงปี 2022 ซึ่งนั้นไม่ต่างอะไรจากจุดเริ่มต้นที่เขาฝันเอาไว้ตลอดว่าสักวันจะก้าวขึ้นไปยื่นเคียงข้างรุ่นพี่ที่เคยเฝ้าติดตามมาตลอด "ผมเติบโตมาพร้อมกับ ยูไนเต็ด พวกเขาให้การสนับสนุนผมมาโดยตลอด ผมที่นี่ตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ ผมมีความทะเยอทะยานที่จะอยู่กับสโมสรแห่งนี้ไปให้ยาวนานที่สุด สักวันผมหวังว่าจะสามารถยึด 11 ตัวจริง และได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่แบบสม่ำเสมอ"  วิลเลี่ยมส์ เปิดใจหลังได้รับสัญญาอาชีพฉบับแรกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ตำแหน่งการเล่น ถ้าใครได้พอติดตามเจ้าหนู วิลเลี่ยมส์ ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด คงสังเกตุเห็นว่าเจ้าตัวสามารถลงเล่นได้ทั้งตำแหน่งแบ็กซ้าย และขวา  ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ วิลเลี่ยมส์ จัดอยู่ในประเภท ‘นักเตะที่ลงเล่นทางฝั่งซ้ายแต่ถนัดเล่นเท้าขวา’ ซึ่งมันคือข้อเปรียบอย่างนึงที่เจ้าหนูคนนึงสามารถหยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม และสถานการณ์ของทีมในตอนนั้น แต่ไม่ว่าจะ ซ้ายหรือขวา เจ้าเด็กคนนี้ก็ยังคงสามารถลากเลื้อยไปเปิดบอล และหลอกล่อคู่ต่อสู้ ได้อย่างไม่เคอะเขิน และอีกหนึ่งตำแหน่งที่เจ้าหนูวัย 19 สามารถเล่นได้ยามที่ทีมต้องการนั้นก็คือ เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ เพราะกับทีมชุดเล็กของ "ปีศาจแดง" วิลเลี่ยมส์ เคยถูกหุบเข้าไปยืนในตำแหน่งดังกล่าวมาแล้ว และด้วยรูปร่างที่สูงพอได้เรื่องที่ 176 เซนติเมตร บวกกับสปีดความเร็วของฝีเท้า ทำให้เป็นสิ่งที่เจ้าตัวทำได้ยอดเยี่ยมเหมือนกัน สไตล์การเล่น แน่นอนด้วยตำแหน่งที่เล่นอย่างแบ็คซ้าย วิลเลี่ยมจึงเป็นพวกสายควบตะลุยไปข้างหน้า บุกทะลุทะลวงเติมเกมรุกจนสุดเส้น ส่วนเกมรับก็เป็นพวกกัดไม่ปล่อย ดุดันแบบสุดๆ เข้าบอลหนัก, สกัดบอลขาด เรียกได้ว่าเป็นสไตล์แข้งอังกฤษขนานแท้  และด้วยสไตล์การเล่นในแบบนี้ ขึ้น-ลง ตลอด 90 นาที บางครั้งอาจมีหมดมียุบให้เห็นบ้าง แต่นั้นคือช่องโหว่ที่สามารถพัฒนากันต่อไปได้ นอกจากนั้นในเรื่องของสกิลการจ่ายบอลเจ้าหนูคนนี้ยังยอดเยี่ยมอีกด้วย โดยเฉพาะการจ่ายบอลทะลุช่องให้แนวรุกสอดขึ้นไปทำประตู เรียกได้ว่าโดดเด่นกว่าลูกเปิดครอสจากด้านข้างเสียอีก  แบรนดอน วิลเลี่ยมส์... คลื่นลูกใหม่แห่งค่าย 'ปีศาจแดง' ทีมชุดใหญ่ 'ปีศาจแดง' โอกาสในทีมชุดใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นัดแรกของ แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2019 ในศึกคาราบาว คัพ ที่ "ปีศาจแดง" พบกับ รอชเดล  ซึ่งเจ้าตัวได้โอกาสลงสนามมาเป็นตัวสำรองแทนที่ของ ฟิล โจนส์ ในช่วง 45 นาทีของครึ่งหลัง ซึ่งนั้นไม่ต่างอะไรจากจุดเริ่มต้นที่ โซลชา และทีมงานมองเห็นความสามารถของเด็กคนนี้ และต่อจากนั้นเขาก็มีชื่ออยู่บนม้านั่งสำรองของทีมชุดใหญ่อยู่เรื่อยๆ  ก่อนที่มีโอกาสลงสนามแบบเต็มเกม 90 นาที ถึง 2 นัด ในศึกยูโรปา ลีก กับทั้ง อาแซด อัลมาร์ค และปาติซาน เบลเกรด รวมแล้วถึงตรงนี้ วิลเลี่ยมส์ ลงเล่นทีมชุดใหญ่ของ ยูไนเต็ด ไปแล้วทั้งสิ้น 4 นัด ทำไป 1 แอสซิสต์ และยังไม่เคยพ่ายแพ้ในฐานะแข้ง "ปีศาจแดง" ชุดใหญ่เลยสักนัดเดียว ทีมชาติอังกฤษ แน่นอนว่าด้วยอายุ และฝีเท้าอาจจะยังไม่ถึงขั้นก้าวขึ้นไปติดทัพทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ แต่ตอนนี้ วิลเลี่ยมส์ กำลังเริ่มต้นชุด "ทรีไลอ้อนท์" ด้วยการติดทีมชุดยู-20 ปี ไปแล้วทั้งสิ้น 4 นัด  โดยติดทีมครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมา และจำนวน 4 นัดดังกล่าวที่ลงสนามเจ้าตัวได้รับโอกาสลงเบ่นเป็นตัวจริงทั้งหมด เรียกได้ว่าอนาคตข้างหน้าค่อยข้างสดใสเลยทีเดียวถ้ายังคงพัฒนา และรักษาสภาพร่างกายอยู่ในลู่ทางที่ควรจะเดินสำหรับเจ้าหนุ่มผมทองที่มีนามว่า แบรนดอน วิลเลี่ยมส์
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline