logo-heading
 

ตั้งใจอยากเขียนรีวิวเจมส์ บอนด์ สักภาคหนึ่ง อันที่จริง ความคิดอยากเขียน 007 เกิดขึ้นตอนที่ No time to die เลื่อนฉาย ในห้วงเวลานั้นอารมณ์เหมือนคนอกหักที่อุตส่าห์กำลังจะได้ดูหนังแฟรนไชส์ที่เราเติบโตมาตลอดช่วงชีวิตใกล้เตะวัยหลัก 30 ปี แต่ด้วยวิกฤติโควิด พาหนังที่เรารู้สึกผูกพันเรื่องแรกในชีวิตปิ่วไปไกลถึงเดือนพฤศจิกายน มองในแง่ดีคือเลื่อนเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย ไม่งั้นมันคงไม่สมกับการปิดฉากบทบาทของดาเนียล เคร็กแน่ๆ

  จะว่าไปแล้วคนรุ่นราวคราวเดียวกับผมนอกจากจะคุ้นเคยกับ ดาเนียล เคร็ก แล้ว ชื่อว่า เพียรซ์ บรอสแน่น ก็เป็น 1 ในนั้นด้วย รอยต่อที่เขาสวมบทบาท สายลับเจ้าเสน่ห์ 4 ภาค ระหว่างปี 1995-2002 น่าเสียดายที่อายุอานามและการเตรียมงานที่นานเกินไปทำให้ เทพบุตรหล่ออมตะชาวไอริช มีบทบาทไม่มาก ตลอดการรับบทบอนด์ทั้ง 4 ตอน บทที่เล่นเน้นแอ็คชั่น ผสมผสานกับเอกลักษณ์ที่เจ้าชู้ทำให้คนมากมาย จดจำบอสแน่นได้จากการเป็น 007 มากกว่าหนังเรื่องอื่น แต่คงปฏิเสธไม่ได้หลอกว่า มีแค่บอนด์ ตอนเดียวที่เขาเล่นแล้วประสบความสำเร็จในเรื่องของรายได้และคำวิจารณ์ ซึ่งมันเกิดขึ้นในปี 1995 ตอน Golden Eye การแสดงภาคแรกของเขา เหตุผลที่มันโดดเด่น คือหนังไม่ได้เน้นโทนแอ็คชั่นเพียงอย่างเดียว แต่มันมีบทดราม่าเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งความรู้สึกคือบอนด์ในแบบรสชาติเก่าสายลับแบบเก่าๆ ที่แฝงความจริงจังและเรื่องคอขาดบาดตายไว้ ซึ่งมันแตกต่างจากหนังที่บรอสแน่นเล่นไว้อีก 3 ภาคที่เสน่ห์แบบนี้มันหายไป ภารกิจบอนด์ในเรื่องนี้คือการแกะรอย ดาวเทียม โกลเด้นอาย ที่หายไป โดยที่เขามีความหลังเพื่อนสายลับเสียชีวิตในระหว่างทำภารกิจเก่าในโซเวียต สืบเสาะหาความจริงไปมาเขากลับรู้ความจริงว่าเบื้องหลังที่แท้จริงมันคือการจัดฉากของ 006 อเล็กซ์ เทรเวรยัน เพื่อนตัวเองที่ต้องการแก้แค้นอังกฤษ โดยใช้ดาวเทียมที่ขโมยมาถล่มเมืองผู้ดี หนังพยายามทำให้ตัวร้ายมีความเหนือชั้น ในวางแผนยึดครองโลกแบบเป็นขั้นเป็นตอน หนังเรื่องนี้มันคือการรีบูตหนัง เปลี่ยนพระเอกใหม่ เปลี่ยนหัวหน้าบอนด์คนใหม่, เปลี่ยนหลายอย่างความลงตัวจึงขาดๆเกินในช่วงกลางเรื่องที่หนังไม่แข็งแรง ส่วนในพาร์ทตัวละครในภาคนี้นอกจาก เพียร์ซ บรอสแน่น, ณอห์น บีน ที่ห่ำหั่นชิงไหวชิงพริบกันแล้ว ก็มี แฟมเก้ เจนเซ่นหรือจีน เกรย์ จากเอ็กซ์แมน ของไบรอัน ซิงเกอร์ ที่มาเล่นเป็นนักฆ่าโคตรจิต โหดเหี้ยม แต่คาแรกเตอร์มีเสน่ห์น่าจดจำกว่านางเอกของเรื่อง อย่างอิซาเบลลา สคอรัพโค เสียอีก สรุป : ความเห็นส่วนตัวหนังเปิดตัวบรอสแน่นให้หล่อสมาร์ท เท่ห์ มาช่วยผลักดันให้หนังหาความพอดีจนเจอ เพียงแต่โทนหนังช่วงกลางเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อ เข้าใจว่าระยะห่างของหนัง goldeneye ที่หายหน้าหายตาไปจากจอเงินร่วมๆ 6 ปี ทำให้บางจุดบางมุมมันเหมือนมุกตัน โชคดีที่บทดราม่าและฉากแอ็คชั่นที่มีกลิ่นอายรสชาติบอนด์แบบยุคเก่า มาช่วยผลักดันให้หนังหาความพอดีจนเจอ แจกคะแนนรีวิว 7.5/10
logoline