logo-heading

อยากหาหนังไทยดีๆสักเรื่องที่ไม่ได้มาจากฝาก GDH จนกระทั่งมาลงเอยในเน็ตฟลิกซ์ 2538 อัลเทอร์มาจีบ ผลงานไอเดียโคตรเจ๋งจาก “พี่เสือ” ยรรยง คุรุอังกูร ผู้กำกับโฆษณา เอ็มวี แถวหน้าของบ้านเรา ก่อนอื่นบอกก่อนว่าผู้เขียนเคยมีโอกาสดูมาแล้วรอบสื่อเมื่อปี 2015 แต่ด้วยความที่จำแทบไม่ได้ว่าเหตุการณ์ในหนังมีอะไรบ้าง ผมก็เลยกลับมาดูอีกครั้งในรอบ 5 ปี

ยอมรับว่าชอบที่ตัวหนังนำวัฒนธรรมสิ่งที่วัยรุ่นในวัย 90 เอาออกมาใช้แทบทุกอย่าง มันทำให้เรากลับไปย้อนรำลึกถึงความทรงจำเก่าๆด้วยเช่นกัน

 
ข้อดี
ผมเชื่อว่ามีคนมากมายที่ชอบบอกว่าตัวเองเป็นวัยรุ่น 90 แต่บางทีเด็กที่เกิดหลังปี fพ.ศ.2531 อาจต้องเปลี่ยนความคิดว่าเราไม่ใช่วัยฮิตช่วงปี 2538 แน่ๆ เมื่อดูหนังเรื่องนี้จบ หนังคือการที่เด็กในยุคปัจจุบันไปหลุดไปในอดีตผ่านตัวโทรศัพท์สาธารณะ จนไปรับรู้เรื่องราวพ่อแม่ตัวเอง
 
ตัวหนังเหมือนนำพาคุณดูกลับไปสิ่งที่ผู้คนในเวลานั้นทำอะไรบ้างเวลาเรารักใครหรืออยากตามหาความฝัน ทั้ง การลิสต์เบอร์โทรศัพท์ใส่สมุด การใช้ตู้โทรศัพท์เพื่อเมสเซจบอกข้อความเพื่อให้อีกคนรับผ่านเพจเจอร์ , การโทรหาคนที่ชอบโดยต้องพยายามปลอมเสียงแอ๊บหญิงเพื่อให้ได้คุยกับผู้หญิง การฟังเพลงผ่านเทปคลาสเซ็ต ที่ราคาไม่แพง แต่มอบความสุขให้เรา เวลาเทปยานก็เอาไปแชร์ตัวเย็น, การถ่ายรูปผ่านสติ๊กเกอร์ หรือคำพูดที่มีหลากหลายคำที่เหมาะกับบริบทในยุคนั้น
มีประโยคหนึ่งของใบเฟิร์นที่ผมชอบมากระหว่างสนทนากับพระเอก ทำไมไม่ชอบใช้โทรศัพท์หรือส่งเพจเจอร์เหมือนคนอื่นเขาละ ข้อความมันอธิบายทุกอย่างไม่ได้หลอก ชอบคุยแบบเห็นหน้ามากกว่า ตัวหนังสือมันอาจะหลอกเราได้ แต่สายตามันหลอกกันไม่ได้ รู้สึกว่าพี่เสือแกใส่ใจพยายามสร้างให้หนังมีบรรยากาศให้เหมือนยุค 90 จริง คือมันแน่นเนียบมาก
 
นักแสดง
ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ เธอเล่นได้เปล่งปลั่ง เป็นผู้หญิงแก่นๆ ที่มีคาแรกเตอร์คนที่แอบรักพ่อพระเอก หวังว่าความผูกพันธ์ใกล้ชิดจะทำให้เธอถูกชายตามอง แต่สุดท้ายเธอคือน้องสาวแม้ว่าบทจะดูน่ารำคาญที่ทำให้พ่อแม่พระเอกไม่เข้าใจกันทะเลาะกันบ่อยๆ แต่ก็เป็นสีสันทำให้หนังมีชีวิตชีวา เพราะลึกๆแล้วบทที่เล่นก็แฝงไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวด โดยรวมแล้วรู้สึกชอบการตีบทแตกของนางเอกรายนี้มากๆ
 
เนตั้น แดนอรุณ รามณรงค์ พระเอกหนุ่มโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย แค่กลับหลุดไปเจอโลกอีกใบที่มันโคตรจะคลาสสิก รู้สึกหมอนี่เกิดมาเพื่อเล่นเป็นก้อง ดูซื่อๆจริงใจ พร้อมจะสู้เพื่อให้พ่อแม่รักกัน ชอบการแสดงที่เล่นคู่กับใบเฟิร์นทุกซีน เหมือนดูจะไม่ถูกกัน แต่ต่างฝ่ายมอบความรู้สึกดีๆให้แก่กันโดยที่ไม่รู้ตัวทั้งคู่
ส่วนแวน ชนินทร จิตปรีดา ชอบลุ๊คเซอร์ๆของพี่แกมาก คือคนที่โตมากับการฟังเพลงอัลเตอร์ยุคนั้น ถ้าอยากเท่ห์ให้หญิงมองต้องแต่งตัวแบบตั้มวัยหนุ่มละ พี่เขาเล่นได้ประทับใจผมมากเป็นผู้ชายที่เจอมารชีวิตรักและครอบครัวมาเล่นงาน จนพลาดหวังกับสิ่งที่ฝันในทางดนตรี
 
ข้อเสีย
เสียดายอยากให้มีฉากพิเศษแถมในดีวีดี พวกตัดออกจากหนังไปมาใส่อยู่ในตัวหนัง เชื่อว่า ถ้าเอามาร้อยเรียง ภาพทั้งหมดน่าจะทำให้หนังสมบูรณ์แบบมากกว่านี้ อีกเรื่องหนึ่งคือผมทราบมาว่าหนังพยายามนำเพลงอัลเตอร์เนทีฟดังๆยุค 90 มาใส่ในหนัง แต่ติดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์มันเลยทำให้เพลงดังไม่ได้มาปรากฏอยู่ในตัวหนัง คนที่เล่นดนตรีฟังเพลงร็อคนอกกระแสยุคนั้นอาจรู้สึกว่ากลิ่นอายมันหายไป
สรุป
หลงรักการนำความทรงจำดีๆยุค90 มาใช้ในหนังเพื่อรำลึกความหลัง ทั้งเพจเจอร์, การฝึกเพลงผ่าสนเทปคลาสเซ็ต การเพียรพยายามจีบใครสักคนที่ต้องใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะเวลาเราแอบรักแอบชอบ ส่วนบทหนังก็มีความแข็งแรง นักแสดงนำ 2 คน ทำให้ดูสนุก
ผมคิดว่ามีคนมากมายที่ตกสำรวจยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้อีกพอควร ยังไงในช่วงวิกฤติแบบนี้อยู่บ้านลองเปิดใจดูหนังเรื่องนี้ซึมซับบรรยากาศเก่าๆอีกครั้งครับ
 
แจกคะแนนรีวิว 8.5/10
 
หนังมีให้ชมแบบถูกลิขสิทธิ์ผ่าน Netflix thailand
logoline