logo-heading

เตรียมตัวจะดูหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่ช่วงมิถุนายน เนื่องจากเห็นโปรแกรมว่าจะเข้าฉายสัปดาห์ที่ 2 เดือนกรกฎาคม แต่ด้วยวิกฤติโควิด 19 ทำให้หนังฟีลกู้ดต้องถูกโยกไปเดือนกันยายน ผมชอบงานหนังจากค่าย Focus Features เป็นการส่วนตัวมาก เพราะแต่ละเรื่องมีจุดเด่นมีเอกลักษณ์ชัดเจน The High Note คือหนังที่บอกเล่าเรื่องราวผู้หญิง 2 คนที่กำลังมาถึงจุดเปลี่ยนในชีวิต คนหนึ่งเป็นนักร้อง DIva ที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ถูกเบรกเรื่องการออกอัลบั้มและเวลานี้ต้องมาหากินกับเพลงเก่าๆร้องโชว์ในคอนเสิร์ต ส่วนอีกคนคือผู้ช่วยส่วนตัวของนักร้องดังผู้มีฝันอยากเป็นโปรดิวเซอร์ แต่ในความจริง ทำหน้าที่โน่นหานี่มาให้นักร้องดัง

.
ข้อดี
ชอบความฟีลกู๊ดในตัวหนัง ที่นำชีวิตผู้หญิง 2 คนที่เหมือนสนิทกัน ร่วมงานกันในฐานะเจ้านายและผู้ช่วย คน 1 คือนักร้อง อีกคนคือผู้ช่วยศิลปินดัง แต่จริงๆแล้ว ทั้งคู่เหมือนคนที่ไม่รู้จักกันจริงๆเลย นักร้องดังหมดไฟมัวแต่ฟังคนรอบข้าง แต่ไม่นึกถึงผู้ช่วยตัวเองที่จ้างมา และใช้ให้ไปทำโน่นทำนี่ให้ หนำซ้ำความหวังดีของผู้ช่วยที่พยายามผลักดันให้เจ้านายตัวเอง กลับมาผงาดในวงการเพลง กลับโดนคัดค้านจากโปรดิวเซอร์ โทษฐานที่เธอเป็นแค่ผู้ช่วย อ่อนหัดไร้ประสบการณ์ในวงการเพลง
.
จากนั้นหนังจึงเล่าชีวิตอีกพาร์ทตัวละคร Maggie ที่แสดงโดย Dakota Johnson ที่ไม่อยากเป็นแค่ผู้ช่วย แต่อยากผลักดันนักดนตรีหนุ่มที่พบเจอระหว่างทาง เพื่อให้เขามีผลงานเพลง ในเมื่อฝันและแรงจูงใจที่มีคนใกล้ตัวไม่เห็นคุณค่า เธอจึงยอมโกหกและเดิมพันด้วยชื่อเสียงที่เธอทำงานกับนักร้องดัง เพื่อเติมเต็มอีกคนแทน ขอแค่ได้ฝันแล้วลงมือทำก็เพียงพอแล้ว ชอบประเด็นนี้มากๆและคิดว่ามันคือส่วนที่ดีงามของเรื่องเลยละ ผมเข้าอกเข้าใจเรื่องราวในวงการเพลง และมีโอกาสได้สัมผัสศิลปินร็อค โปรดิวเซอร์ จึงค่อนข้างเข้าใจหัวอก ดีว่าการทำเพลงการเป็นศิลปิน การผลิตงานให้ใครสักคนมันคือเรื่องใหญ่ และเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจมาก
.
นักแสดง
กล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า Dakota Johnson มีพัฒนาการทางการแสดงที่ดีขึ้น หลายๆคนคงติดภาพเดิมๆที่ต้องถอดเสื้อผ้า จาก Fifty Shades Trilogy แต่มาเรื่องนี้เปลี่ยนไปกลายเป็นลุคที่ดูสดใสน่ารัก แตกต่างจากหนังดังเรื่องก่อนๆของเธอ ได้เห็นบทบาทใหม่ๆ เป็นผู้หญิงที่มีความฝันและความหวังในคราวเดียวกัน อยากอยู่ในวงการเพลง ทำงานกกับไอดอลนักร้องที่ตัวเองชื่นชม ยอมทำทุกอย่าง ทั้งซื้อของ เติมน้ำมัน หาของกินให้ ดูแลเรื่องเสื้อผ้าการแต่งกาย ซึ่งแน่นอนว่ามันคือความสุข และลึกๆแล้วก็อยากจะผลักดันตัวเองมาเป็นโปรดิวเซอร์ ไม่ใช่แค่เป็นผู้ช่วย รู้สึกหลงรักเธอมากขึ้นจากบทบาทในเรื่อง และอยากเห็นเธอเล่นหนังสไตล์ฟีลกู๊ดแบบนี้เยอะๆในอนาคต
.
ข้อเสีย
แม้ว่าหนังจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับวงการเพลง แต่หนังเล่าเรื่องไม่ได้อยู่ในเชิงลึกเลยสักนิด หนำซ้ำการนำเสนอเบื้องหลังการทำเพลงในห้องอัดมีค่อนข้างน้อย เหมือนเราดูบทสนทนานักแสดงมากกว่าจะได้ยินเสียงเพลงที่ไพเราะในตัวหนัง ซึ่งค่อนข้างทำให้ผมผิดหวัง เพราะเหมือนตัวหนังจะวางโครงเรื่องไว้ที่ Dakota Johnson ซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนท้ายเรื่องหนังพยายามจะหาบทสรุปให้หนังลงตัว แต่สุดท้ายดันจบง่ายดายซะอย่างนั้น
.
สรุป
หากอยากหาหนังใหม่ดีๆ ได้อารมณ์ที่ฟีลกู๊ดต้องเรื่องนี้ น่ารักสดใส ดูแล้วอมยิ้มได้ ผูกเรื่องราวชีวิตการเป็นศิลปินและความจริงได้ลงตัว Dakota Johnson ฝีมือการแสดงดีขึ้น เสน่ห์เหลือล้น ลบภาพจำจากหนังเรื่องเก่าไปเลย
แจกคะแนนรีวิว 7.5/10
หนังเข้าฉายแล้วนะครับ
logoline