logo-heading

ต้องยอมรับตามตรงว่า 2 ปีที่ผ่านมานี้ โคตรทีมอย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า มันไม่ได้น่ากลัวถึงขนาดที่ทีมไหนก็ขยาดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว โอเค ใช่ ยังเก่ง ยังแข็งแกร่งอยู่แหละ แต่มันก็ตกลงไปบ้าง โดยเฉพาะในเวทียุโรป ปีที่แล้ว บาร์เซโลน่า ควรผ่านเข้าชิงแบบสบายๆ หลังชนะ ลิเวอร์พูล มาก่อน 3-0 แต่ก็ดันไปแพ้ 4-0 ในนัดที่ 2 ซะงั้น

ส่วน เรอัล มาดริด นี่หนักเลยพ่าย อาแจ็กซ์ ตกตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้าย คำถามคือแล้วทำอย่างไร บาร์ซ่า และ มาดริด ที่ดรอปลงไปอย่างชัดเจนจะผงาดกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในถ้วยยุโรปได้อีกครั้ง วันนี้ขอบสนามจัดให้ลองวิเคราะห์ไว้ 5 สิ่งที่ต้องทำ

1.ต้องซื้อนักเตะบิ๊กเนมที่ใช้ได้จริง

หากมองเผินๆ ต้องยอมรับว่าตลาดซื้อ-ขายช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาของทั้ง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ดูน่าจะดี เพราะทาง "ราชันชุดขาว" ระเบิดคลังใช้เงินไปมากกว่า 300 ล้านยูโร สอยแข้งใหม่เข้ามาร่วมทีมเพียบ เด็ดสุดก็คือ เอแด็น อาซาร์ จาก เชลซี ส่วนทาง "บาร์ซ่า" ก็ไม่ยอมน้อยหน้าควักไป 255 ล้านยูโร ตัวเด่นสุดก็คงหนีไม่พ้น อ็องตวน กรีซมันน์ จาก แอต.มาดริด ทว่าแม้จะได้ดาวดังเข้ามาเพียบทั้ง 2 ทีม และถลุงเงินยับเยินจนแฟนๆ ยิ้มกริ่ม แต่หากมองดูให้ลึกลงไปแล้วกับผลงานของบิ๊กเนมที่สอยเข้ามา มันไม่ได้ดีเลย อาซาร์ ทำตัวน่าผิดหวังตั้งแต่ช่วงปรี-ซีซั่น น้ำหนักขึ้นมาจากเดิมเกือบ 10 โล จนตอนนี้ก็ยังลดให้กลับไปหุ่นผอมเพียวเฟรี้ยวเงาะเหมือนเดิมไม่ได้ พออ้วนขึ้น ฟอร์มก็หดหายไหนจะความกดดันต่างๆ นาๆ อีกก็ยิ่งทำให้ตอนนี้ยังเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมาไม่ได้ นอกจาก อาซาร์ แล้ว ลูก้า โยวิช ที่ทุ่มซื้อมาจาก แฟรงค์เฟิร์ต ก็เล่นได้บัดซบ ตอนนี้ลงไป 17 นัด ยิงได้แค่ลูกเดียว จนมีข่าวว่าจะถูกขายทิ้งอยู่แล้ว ส่วนพวก แฟร์กล็องด์ เมนดี้, เอแดร์ มิลิเตา และ โรดรีโก้ พวกนี้ก็ซื้อมาแพง แต่ก็ยังดูไม่คุ้มค่าเงินสักเท่าไหร่ ตัดสลับมาที่ บาร์เซโลน่า ตัวเป้งอย่าง กรีซมันน์ ก็ดูจะยังไม่ดีอย่างที่เคย อาจจะเพราะด้วยเรื่องระบบการเล่น ตำแหน่งการยืนหรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้กองหน้าดีกรีแชมป์โลกรายนี้แผลงฤทธิ์ได้ไม่แจ่มเท่าที่ใครหลายคนคาดหวัง ที่เห็นว่าจะคุ้มค่าเงินหน่อยก็น่าจะเป็น เฟรงกี้ เดอ ยอง มิดฟิลด์ทีมชาติฮอลแลดน์ ที่ย้ายมาแล้วไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวมาก เล่นได้ดีในทันที แต่หลังๆ ก็เริ่มมีบ้างที่ฟอร์มหลุด ฉะนั้นสรุปง่ายๆ ว่า เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ต้องอย่าหยุดสอยนักเตะบิ๊กเนมเข้ามาร่วมทีม แต่ควรให้ทีมแมวมองหรือทีมวิเคราะห์ดูให้ชัดซะก่อนว่าถ้าเอามาแล้วจะเข้ากับระบบทีมหรือไม่ เล่นแผนนี้ได้รึป่าว ไม่ใช่เห็นว่ามึงดังก็เอาๆ มาก่อนเดี๋ยวก็ปรับตัวได้เองนั่นแหละ

2.พัฒนาดาวรุ่งให้พุ่งขึ้นมามากกว่านี้

ทั้ง 2 ทีมเคยขึ้นชื่อลือชาเรื่องการปั้นนักเตะดาวรุ่ง โดยเฉพาะ บาร์เซโลน่า ที่มีศูนย์ฝึกเยาวชน "ลา มาเซีย" อันโด่งดัง ทว่าระยะหลังมานี้ เราเห็นการเติบโตหรือการก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่จนได้เป็นสตาร์ดังจากทีมเยาวชนของทั้ง 2 ทีมน้อยมากๆ อย่าว่าแต่เด็กปั้นเลย ไอพวกเด็กอายุน้อยๆ ที่ซื้อมาก็ได้โอกาสลงเล่นน้อยเหลือเกิน หรือว่ากันง่ายๆ คือดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยไว้ใจเด็กรุ่นใหม่มากนัก ยกตัวอย่างในทัพ "ราชันชุดขาว" แฟร์กล็องด์ เมนดี้ กับ เอแดร์ มิลิเตา จะได้ลงเล่นก็ต่อเมื่อ มาร์เซโล่ หรือ เซร์คิโอ รามอส เจ็บ แม้ว่าบางทีไอ้ดาวรุ่ง 2 ตัวนี้จะทำผลงานได้ดีกว่ารุ่นใหญ่ 2 รายที่ว่า แต่พอหายเจ็บกลับมาก็จองสัมปทานเหมือนเดิม ส่วน โยวิช อาจจะเล่นห่วยเล่นเหี้ยก็จริง แต่ถามว่าเด็กมันได้โอกาสลงเล่นเยอะหรือมั้ย หรือต่อเนื่องมั้ย ก็ไม่ โอเค ผมไม่ได้หมายความว่าให้ดรอป เบนเซม่า แล้วตะบี้ตะบันเอา โยวิช หรือ เวเนซิอุส ลง แต่สิ่งที่ต้องการจะสื่อคือ ควรต้องไปพัฒนาดาวรุ่งที่มีในทีมให้มันดีกว่านี้ ให้มันเก่งกว่านี้ และให้โอกาสเด็กมันได้โชว์ของมากกว่านี้ด้วย

3.อย่าให้ใครแบกทีมมากจนเกินไป

เกริ่นหัวข้อมาแบบนี้ไม่ต้องไปนึกถึงคนอื่นเลย หน้าของ ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีม บาร์เซโลน่า ลอยมาแต่ไกล เมสซี่ คือหัวใจและเป็นทุกอย่างของทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" ชนิดที่เรียกเดอะแบกเฉยๆ ไม่ได้ต้องเรียกว่า โคตรพ่อโคตรแม่เดอะแบก แต่ตอนนี้ด้วยอายุที่ปาเข้าไป 32 ขวบแล้ว สภาพร่างกายมันก็ไม่ได้ฟิตปึ๋งปั๋งดึ๋งดั๊งเหมือนเก่า อาการบาดเจ็บเริ่มถามหาพี่แกมากขึ้น ฤดูกาลนี้ กองหน้าทีมชาติอาร์เจนติน่า ลงสนามสลับเข้าโรงหมออยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งที่เขาหายไป บาร์ซ่า จะมีปัญหาทันที เกมรุกจะฝืดเคือง และมักจะสะดุดทำแต้มหกอยู่บ่อยๆ ฉะนั้นสิ่งที่ควรทำ และเตรียมใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ คือเลิกให้ เมสซี่ เป็นเดอะแบกของทีมมากขนาดนี้ และก็ควรหาทางที่จะรักษาฟอร์มเก่งเอาไว้ให้ได้ในวันที่ เมสซี่ ไม่ได้ลงสนาม

4.เลิกยึดติดกับคนที่ย้ายออกไปแล้ว

แม้ว่า บาร์เซโลน่า จะคว้าแชมป์ลีกมาได้ 2 ปีติด นับตั้งแต่เสีย เนย์มาร์ ไปให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อปี 2017 แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไอที่ได้แชมป์ 2 ปีติดเนี่ย มันไม่ได้เก่งและแข็งแกร่งเหมือนเดิม ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ไม่สามารถทดแทนการขาดหายไปของ เนย์มาร์ ได้ เช่นเดียวกับ อุสมาน เดมเบเล่ ที่เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็แย่ หนำซ้ำยังเจ็บบ่อยอีก ส่วน กรีซมันน์ ก็ยังมึนๆ งงๆ กับตำแหน่งของตัวเอง ยังดูมีปัญหาเรื่องการปรับตัว ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ดูเหมือนว่าเหล่าแข้ง "บาร์ซ่า" ยังคงยึดติดอยู่กับ 3 ประสาน "MSN" จนไม่สามารถมูฟออนได้ เฉกเช่นเดียวกับ เรอัล มาดริด ที่ก็แย่ลงไปอย่างเห็นได้ชัดหลังขาย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปให้กับ ยูเวนตุส สิ่งที่ควรทำคือนักเตะทั้งหมดรวมถึงแฟนบอลต้องเลิกยึดติดกับคนที่ย้ายออกไปแล้ว และพยายามปรับประสานกับเพื่อนร่วมทีมที่ย้ายเข้ามาใหม่ให้ได้ดีที่สุด จนเทียบเท่าหรือดีกว่าของเดิม

5.สภาพจิตใจและสไตล์การเล่น

เรื่องนี้ขอเริ่มจาก บาร์เซโลน่า ก่อนละกัน การอำลาทีมไปของ 2 ตัวเก๋ารุ่นใหญ่ในทีมอย่าง ชาบี เอร์นานเดส และ อันเดรส อิเนียสต้า ดูเหมือนจะทำให้ขุนพลทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" ขาดที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ โอเค เมสซี่ ขึ้นมาเป็นกัปตันทีมแทน เมสซี่ เก่ง ทุกคนยอมรับ แต่ก็ต้องยอมรับด้วยว่าภาวะผู้นำของ เมสซี่ ไม่ได้มีมากเท่า ชาบี และ อิเนียสต้า การปลุกใจ การกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม ก็ไม่ได้มีมากนัก มันก็เลยทำให้สภาพจิตใจของทั้งทีมดูไม่ค่อยฮึกเหิมเท่าที่ควร ส่วนเรื่องสไตล์การเล่น บอลสไตล์ ติกี้ ตาก้า ที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ติดตั้งให้ บาร์ซ่า นั้นเริ่มหายไป โดยเฉพาะในยุคของ เออร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ แต่ตอนนี้โดนปลดไปแล้ว ซึ่งคิดว่าพอ กีเก้ เซเตียน เข้ามาอะไรๆ ก็คงจะดีขึ้น ตัดสลับมาดูที่ เรอัล มาดริด กันบ้าง เรื่องสภาพจิตใจภายในทีมของ ซีดาน ดูจะไม่มีปัญหาอะไรสักเท่าไหร่ เพราะมีรุ่นใหญ่อยู่กันหลายคน นำโดย เซร์คิโอ รามอส, มาร์เซโล่, ลูก้า โมดริช และ คาริม เบนเซม่า เป็นต้น หนำซ้ำการขาย โรนัลโด้ ออกไป ก็ดูจะทำให้นักเตะเล่นเป็นทีมกันมากขึ้น ไม่ได้ฝากความหวังไว้ที่ "ซีอาร์ 7" เพียงคนเดียว แต่ก็นั่นแหละการเสีย พี่โด้ ไปมันทำให้เล่นเป็นทีมมากขึ้นก็จริง แต่ผลงานมันดันไม่ดี เพราะที่ผ่านมาพึ่ง โรนัลโด้ ซะเยอะ พอผลงานไม่ดี ซีดาน ก็เริ่มงงกับแผน ฤดูกาลนี้ มาดริด เปลี่ยนแผนการเล่นไปแล้ว 3-4 แผนได้ ซึ่งท้ายสุดก็ดูเหมือนจะยังไม่รู้ว่าแผนไหนคือแผนที่ใช่ในวันที่ไร้ โรนัลโด้ และนี่คือสิ่งที่ ซีดาน ควรรีบปรับให้เร็วที่สุด

ชิน ชินพัฒน์

logoline