logo-heading

นับตั้งแต่ 'เสี่ยหมี' โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร เชลซี เมื่อปี 2003 ทางพลพรรค 'สิงโตน้ำเงินคราม' ก็เริ่มกลายเป็นทีมระดับบิ๊กเนม มีโทรฟี่ถ้วยแชมป์ประดับในตู้โชว์มากขึ้น ตลอดจนเหล่าบรรดาแข้งซูเปอร์สตาร์มากมาย

นั่นก็เป็นเพราะว่า เชลซี ในยุคของ 'เสี่ยหมี' ใช้เงินซื้อความสำเร็จนั่นเอง อย่างไรก็ตามเรื่องของเงินมันก็ซื้อไม่ได้ทุกอย่างเสมอไปซึ่งวันนี้สิ่งที่ 'ขอบสนาม' อยากนำเสนอก็คือการเปิดเผยชื่อของ 11 แข้งซูเปอร์สตาร์ที่ เชลซี เกือบจะได้ตัวมาร่วมทีมอยู่แล้ว แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดขึ้น โดยจัดมาในรูปแบบการจัดทีม 11 ผู้เล่นตัวจริงพร้อมกับเรื่องราวต่างๆ

ผู้รักษาประตู : อลิสซอน เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล)

ได้ชื่อว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ค่าตัวแพงเบอร์ต้นๆ ของโลกสำหรับ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ที่ 66.8 ล้านปอนด์ แต่มันดันดูถูกไปเลยเมื่อเห็นสิ่งที่เขาตอบแทนให้ ลิเวอร์พูล ทั้งความเหนียวหนึบในป้องกันไม่ให้ลูกบอลซุกก้นตาข่าย และทักษะอันดีเลิศจนพา 'หงส์แดง' คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 6 มาได้ และล่าสุดตอนนี้กำลังจะพาต้นสังกัดเถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกในรอบ 30 ปีด้วย แต่หารู้ไม่ว่าช่วงก่อนที่ อลิสซอน จะย้ายจาก โรม่า มาใช้ชีวิตใน แอนฟิลด์ เชลซี ก็เป็นอีกหนึ่งทีมที่จ้องจะกระชาก อลิสซอน มาให้ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องอดไปเพราะไอ้หมอนี่เขาเลือก ลิเวอร์พูล โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของสโมสรล้วนๆ

แบ็กขวา : ดานี อัลเวส (เซา เปาโล)

ที่ ดานี่ อัลเวส ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับตำนานก็คงเป็นผลงานกับโปรไฟล์ที่ฝากกับ บาร์เซโลน่า เพราะเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยพาทีมกวาดถึง 23 โทรฟี่ตั้งแต่ปี 2008-16 แต่ถึงกระนั้น บาร์ซ่า ก็ต้องขอบคุณ เซบีย่า เหมือนกันที่ทำให้ดีลการย้ายไป เชลซี ไม่เกิดขึ้น เพราะ 2 ปีที่แล้ว ดานี่ อัลเวส ออกมาสารภาพว่า เขาเกือบได้ย้ายไป เชลซี เมื่อปี 2007 ตามความต้องการที่จะได้ร่วมงานกับ โชเซ่ มูรินโญ่ และกระแสช่วงนั้นก็เหมือนกับทาง เซบีย่า จะให้ไฟเขียวด้วย แต่ไม่รู้เป็นอะไรสุดท้ายดีลดังกล่าวไม่เกิดขึ้นซึ่งตัวของ อัลเวส รู้สึกว่าเหตุผลน่าจะเป็นเพราะการสื่อสารและข้อตกลงระหว่าง 2 สโมสรที่ลงเอยกันไม่ดี

เซ็นเตอร์แบ็ก 1 : จอห์น สโตนส์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

ตอน โชเซ่ มูรินโญ่ กลับมาคุม เชลซี คำรบที่ 2 เฮียแกก็สามารถเสกแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จในปี 2015 และตามแท็คติกของแกก็คือการเน้นเกมรับเป็นหลักอยู่แล้ว ดังนั้นในช่วงที่ จอห์น เทอร์รี่ เริ่มโรยราเจ้าตัวก็ได้สั่งการให้ต้นสังกัดพยายามเดินเรื่องเอาตัว จอห์น สโตนส์ มาเสริมแกร่งให้จงได้ เพราะอายุยังน้อยแถมยังโชว์ฟอร์มได้ดีด้วยกับ เอฟเวอร์ตัน มีคุณบัติเด่นๆ มากมาย แต่ เอฟเวอร์ตัน ก็ปฏิเสธไปเพราะตัวนักเตะเองก็ยังไม่อยากไปไหนด้วย เล่นทำเอา 'น้ามู' ของเราอกหักไม่พอยังโดนไล่ออกอีกด้วยในช่วงสิ้นปี 2015 ก่อนที่ฤดูกาลถัดมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายได้ตัว จอห์น สโตนส์ ไปครอบครอง และก็เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 สมัยด้วย

เซ็นเตอร์แบ็ก 2 : เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล)

เหมาะสมแล้วที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เป็นกองหลังที่มีค่าตัวที่แพงที่สุดในโลกที่ 75 ล้านปอนด์ เพราะสิ่งที่เขาตอบแทนให้ ลิเวอร์พูล มันช่างคุ้มยิ่งกว่าคุ้มเล่นทำเอาตัวเลขมูลค่านั้นมันถูกไปเลย เพราะทั้งการอ่านเกม, ความแข็งแกร่ง, วิธีรับมือการโจมตีในรูปแบบต่างมันพิสูจน์แล้วว่าคู่ควรกับตำแหน่งกองหลังที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้จริงๆ และในช่วงที่พี่แกเริ่มปล่อยของออกมาเรื่อยๆ สมัยอยู่ เซาธ์แฮมป์ตัน ทาง อันโตนิโอ คอนเต้ อยากได้ตัวมาเสริมแกร่งแนวรับมากๆ ที่ เชลซี ถึงขั้นพูดออกมาตรงๆ เลยว่า 'นี่คือฟุตบอล นี่คือชีวิต แน่นอนว่า ฟาน ไดค์ คือเป้าหมายของเรา แต่มันก็เป็นธรรมดาของโลกฟุตบอล และในแวดวงของตลาดซื้อขายมันไม่ก็ง่ายเลยจริงๆ'

แบ็กซ้าย : โรแบร์โต้ คาร์ลอส

ปัจจุบัน โรแบร์โต้ คาร์ลอส เลิกเล่นไปแล้วแต่ในความทรงจำสำหรับแฟนบอลทุกคนเขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์โลกลูกหนังโดยมีจุดเด่นที่เท้าซ้ายอันหนักหน่วงที่สามารถล้มว้วล้มช้างได้เลย ช่วงปี 1996-2007 โรแบร์โต้ คาร์ลอส เป็นกุญแจสำคัญของ เรอัล มาดริด ในยุค 'กาลัคติกอส' ก่อนจะสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการย้ายไปเล่นต่อในตุรกี แต่หารู้ไม่ว่าตัวของ โรแบร์โต้ คาร์ลอส ออกมาสารภาพว่า ก่อนจะย้ายไป เฟเนร์บาห์เช่ เขาเกือบมีโอกาสได้ย้ายไปอยู่กับ เชลซี แล้วตอนอายุราวๆ 34 ปี โดยพี่แกกล่าวไว้ว่า 'ผมได้คุยกับ โรมัน อบราโมวิช ถึงเรื่องนี้ เราทั้งคู่ได้เจอกันที่ ปารีส แต่ที่มันไม่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะปัจจัยเล็กๆ น้อยๆ'

มิดฟิลด์ตัวกลาง 1 : สตีเว่น เจอร์ราร์ด

สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้ชื่อว่าเป็นไอคอนและเป็นตำนานผู้ยิ่งใหญ่ของ ลิเวอร์พูล และก็อยู่กับทีมมานานถึง 17 ปี แต่หารู้ไหมว่าหลังคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2005 มันมีข่าวออกมาว่า เจอร์ราร์ด อยากย้ายไปอยู่กับ เชลซี แต่นั่นคือเรื่องจริงเพราะตัวของ 'สตีวี่จี' ออกมาสารภาพเองว่า ณ ตอนนั้นเขารู้สึกว่าไม่ได้รับความเคารพจาก ราฟาเอล เบนิเตซ และพยายามกดดันให้ย้ายออกจากทีม และทาง โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ชื่นชอบในตัว เจอร์ราร์ด มากๆ อยากได้ตัวไปช่วยที่ เชลซี ก่อนจะมีการยื่นข้อเสนอมาที่ 32 ล้านปอนด์ แต่สุดท้ายเขาว่ากันว่าที่การย้ายทีมมันไม่เกิดขึ้นเป็นเพราะแรงสนับสนุนจากแฟนบอลล้วนๆ ส่วนเรื่องของ 'เอล ราฟา' ทาง เจอร์ราร์ด ก็ไม่ได้เรียกร้องให้ออกมาขอโทษตนแต่อย่างใด

มิดฟิลด์ตัวกลาง 2 : ปอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

ปอล ป็อกบา ย้ายจาก ยูเวนตุส กลับมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2016 ด้วยค่าตัวสถิติโลกที่ 89 ล้านปอนด์ ส่วนเรื่องของฝีเท้ามันก็ค่อนข้างชัดเจนว่าการขาดเขาไปมันส่งผลกับรูปเกมมากน้อยขนาดไหน แต่หนึ่งในปัญหาที่ชีวิตของ ป็อกบา ไม่ค่อยรุ่งที่ โอลด์ แทร็ฟฟร์ด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการมีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับ โชเซ่ มูรินโญ่ แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวของกุนซือ 'เดอะ เวิร์ส วัน' ไม่ใช่แฟนตัวยงของ ป็อกบา เพราะถ้าย้อนกลับไปตอนปี 2015 สมัยกุมบังเหียน เชลซี รอบที่ 2 มูรินโญ่ ก็จะเอา ป็อกบา มาร่วมทีมให้ได้เหมือนกัน แต่สาเหตุที่การย้ายมา เชลซี ไม่เกิดขึ้นก็เพราะซูเปอร์เอเยนต์อย่าง มิโน โรโอล่า โดยแกเคยพูดเอาไว้ว่า 'ปอล ป็อกบา เกือบย้ายออกจาก ยูเวนตุส เมื่อปีที่แล้ว เพราะ มูรินโญ่ ต้องการตัวเขามากๆ แต่ความจริงคือ ยูเวนตุส และผมได้ทำข้อตกลงกันไว้ว่า การคว้าแชมป์ลีกและ แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้ามันเกิดขึ้นเขาถึงสามารถย้ายทีมได้' ไม่รู้ว่านี่เป็นแค่ข้ออ้างรึเปล่า เพราะอีกปีถัดมาก็ย้ายกลับมา แมนฯ ยู เฉยเลย

ปีกขวา : โรบินโญ่ (อิสตันบูล บาซัคเซเอียร์)

จากแข้งดีกรีซูเปอร์สตาร์และว่าที่ตัวความหวังของทีมชาติบราซิลในอนาคต แต่จู่ๆ เส้นทางของ โรบินโญ่ ก็ไม่ไปถึงไหนปัจจุบันต้องมาโลดแล่นอยู่ในตุรกีกับ อิสตันบูล บาซัคเซเอียร์ สำหรับช่วงเวลาที่น่าจดจำของ โรบินโญ่ ถ้าไม่นับสมัยฟอร์มพีคๆ กับ ซานโต้ส ก็น่าจะเป็นสมัยเล่นให้ เรอัล มาดริด ในยุค 'กาลัคติกอส' ที่แข้งซูเปอร์สตาร์ล้นทีม แต่มันก็ถือเป็นปัญหาใหญ่ข้อหนึ่งเพราะ โรบินโญ่ ไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้แบบถาวรจนสุดท้ายต้องยอมยกธงขาวและย้ายไป แมนฯ ซิตี้ ในปี 2008 อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาเดียวกันนั้น โรบินโญ่ ก็เกือบได้ย้ายไป เชลซี เหมือนกัน แต่ที่มันไม่เกิดขึ้นตัวของ โรบินโญ่ ก็มีเหตุผลมาฝากซึ่งพี่แกเคยพูดไว้ว่า 'วันนั้นสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะ ที่ผมตกลงย้ายไป แมนฯ ซิตี้ ก็เพราะมีเพื่อนร่วมชาติอย่าง เอลาโน่ และ โช อยู่ที่นั่น และ 2 เดือนหลังจากนั้นผมก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ลุยซ์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ที่คุม เชลซี ตอนนั้น เขาบอกผมว่า ที่ เรอัล มาดริด ไม่ยอมปล่อยผมมา เชลซี ก็เพราะเป็นหนึ่งในคู่แข่งในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก'

มิดฟิลด์ตัวรุก : โรนัลดินโญ่

เราหลายคนอาจจะทราบว่าก่อน โรนัลดินโญ่ จะย้ายจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไป บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2003 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกือบได้ตัวเขาไปร่วมทีม แต่หารู้ไหมว่า ณ ช่วงเวลาเดียวกันนั้น เชลซี ก็อยากได้ตัวเช่นกัน เพราะมีการเปิดเผยว่า 'เสี่ยหมี' โรมัน อบราโมวิช วางตัว โรนัลดินโญ่ เป็นการเสริมทัพรายแรกเลยตอนปี 2003 แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็เลือกย้ายไปสร้างตำนานอันยิ่งใหญ่กับ บาร์เซโลน่า พร้อมได้รับคำสรรเสริญว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกยุคนั้นจากเทคนิคอันเหลือร้ายที่ชวนตื่นเต้น ตลอดจนสไตล์การเล่นที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ โดยตัวของ โรนัลดินโญ่ เคยกล่าวไว้ว่า 'เชลซี เคยพยายามจะคว้าตัวผมอยู่ครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับทีมอื่นๆ ก็อยากได้ตัวผมเช่นกัน สำหรับ พรีเมียร์ลีก เป็นที่ๆ เล่นบอลกันเร็วมากๆ และก็มีความเข้มข้นอยู่เสมอๆ มันดีมากๆ ที่ได้ดูรับชมเกมแบบนี้ ผมไม่รู้สึกเบื่อเลย แต่ผมก็ไม่ได้เจาะจงเฉพาะการดูเกมตลอด 90 นาทีใน พรีเมียร์ลีก นะ แต่ผมดูมากกว่านั้นทั้งเรื่องไฮไลท์และการยิงประตู และจากนั้นผมก็เริ่มสนใจลีกอื่นๆ ทั่วโลก'

ปีกซ้าย : เนย์มาร์ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง)

ชื่อของ เนย์มาร์ กลายเป็นจุดสนใจสำหรับทุกคนบอลโลกไม่ใช่แค่ในเกม FM แต่สิ่งที่เขาได้แสดงออกมาที่ ซานโต้ส มันสุดยอดมากๆ ทั้งลีลาสไตล์การเล่นที่ชวนว้าว มีความอันตรายรอบด้านในเรื่องของเทคนิค ตลอดจนสถิติการพังประตูที่ถล่มทลาย มันทำให้เขาได้รับการยกย่องว่านี่แหละตำนานบทใหม่ของ บราซิล ในอนาคตข้างหน้า และเขาก็ทำได้จริง เพราะจนถึงตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เนย์มาร์ อาจจะมีเรื่องฉาวๆ เกเรๆ เยอะ แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาไม่ใช่หนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลก หากย้อนเวลากลับไปตอนปี 2010 คุณหรือรึเปล่าว่า เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เป็นสโมสรแรกใน พรีเมียร์ลีก ที่ยื่นข้อเสนอราวๆ ขอทาบทามตัว เนย์มาร์ พอทราบเรื่อง เชลซี ก็ไม่ยอมเหมือนกันจึงปาดหน้าด้วยการยื่นข้อเสนอในราคา 27 ล้านปอนด์กับเด็กอายุ 18 ปี ณ ตอนนั้น แต่ ซานโต้ส ก็ยืนกรานเสียงแข็งว่ายังไงก็ไม่ขายให้ใครเด็ดขาด ก่อนที่อีก 3 ปีต่อมามันถึงเวลาที่เขาจะไปพิสูจน์ตัวในยุโรปแล้วและ เนย์มาร์ ก็เลือก บาร์เซโลน่า

กองหน้า : เวย์น รูนี่ย์

เวย์น รูนี่ย์ เป็นตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แฟนบอลคงจำได้ไปจนวันตาย เพราะนี่คือดาวซัลโวสูงสุดในหน้าประวัติศาสตร์ของ 'ปีศาจแดง' ที่ 253 ประตู โดยสถิตินี้ได้จารึกไว้ตอนปี 2017 ที่ซัดฟรีคิกใส่ สโต๊ค ซิตี้ แต่หากย้อนเวลากลับไป 4 ปีก่อนหน้านั้นมันก็มีช่วงที่ รูนี่ย์ เกือบย้ายออกจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เหมือนกันตามรอย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่วางมือไป โดยมี โชเซ่ มูรินโญ่ ที่อยากได้ตัวไปร่วมทีมสุดๆ หลังกลับมาบัญชาทัพเป็นรอบที่ 2 แต่สุดท้ายก็ต้องชวดตัวไปเพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด กันท่าทุกอย่างถึงแม้จะยื่นข้อเสนอไปตามตื้อถึง 3 รอบด้วยกัน หาก เชลซี ได้ตัว เวย์น รูนี่ย์ ไปร่วมทีมจริงๆ ในปีนั้นก็มีโอกาสเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก เหมือนกันซึ่งพวกเขาจบที่อันดับ 3 มี 82 คะแนนตามหลัง แมนฯ ซิตี้ ทีมแชมป์แค่ 4 คะแนนเท่านั้นซึ่งปัญหาของ เชลซี ในปีนั้นหลักๆ เลยก็คือการขาดแคลนกองหน้าที่หวังผลได้ ถ้าไม่นับ เอแด็น อาซาร์ ที่กดไป 14 ประตูก็มี ซามูเอล เอโต้ นี่แหละที่เป็นกองหน้าธรรมชาติและยิงได้มากสุดในตำแหน่งนี้ที่ 9 ประตู ส่วนตำแหน่งอื่นแน่นและลงตัวทั้งหมด ส่วน เวย์น รูนี่ย์ ถึงแม้จะพา แมนฯ ยูไนเต็ด จบแค่ที่ 7 แต่ผลงานส่วนตัวพี่แกเล่นซัดไปถึง 17 ประตูเลยทีเดียวในลีก
logoline