logo-heading

เป็นเวลา 16 ปีแล้ว ที่เราไม่ได้เห็น ลีดส์ ยูไนเต็ด อดีตทีมยักษ์ใหญ่แห่งลีกผู้ดี โผล่ขึ้นมาเล่นบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ. .. ช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ถึงต้นปี 2000 ถือเป็นยุคที่เฟื่องฟูที่สุดในประวัติศาสตร์ของทัพ "ยูงทอง" เลยก็ว่าได้

พวกเขาเป็นทีมสุดท้ายที่คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 มาครองได้สำเร็จในฤดูกาล 1991/92 ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และในปี 2001 ก็ทำเซอร์ไพร้ส์หักปากกาเซียนฝ่าด่านอรหันต์เข้าไปได้ถึงรอบรองชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากนั้นอีก 3 ปี พวกเขาจะต้องกระเด็นตกชั้นด้วยการจบเป็นรองบ๊วย และไม่เคยกลับขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดได้อีกเลย อย่างไรก็ตามฤดูกาลหน้า 16 ปีแห่งความหลัง 16 ปีแห่งความฝันที่จะกลับมาเล่นบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้งของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ก็อาจจะเป็นจริงก็ได้ เพราะตอนนี้พวกเขากำลังนำเป็นจ่าฝูงในศึก แชมเปี้ยนชิพ มีแต้มทิ้งห่าง ฟูแล่ม อันดับ 3 ที่ต้องหล่นไปเพลย์ออฟอยู่ 7 คะแนน เรียกได้ว่าโอกาสค่อนข้างสดใส ไม่แน่ถ้าไม่ติดโควิดป่านนี้อาจจะฉลองไปแล้วก็ได้ ถึงตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ว่าจะแข่งต่อจนจบมั้ย หรือจะโมฆะเริ่มใหม่ แล้ว ลีดส์ จะได้กลับมา พรีเมียร์ลีก สมใจหรือไม่ เรายังไม่ทราบได้ แต่เชื่อเลยว่าหากคุณเป็นแฟนบอลพันธ์แท้ คุณน่าจะอยากให้ ลีดส์ ยูไนเต็ดทีมนี้กลัยมาสร้างสีสันในลีกสูงสุดอีกครั้ง และนี่คือ 5 เหตุผลที่ควรจะลุ้นให้ ลีดส์ กลับมา    1.ฐานแฟนบอล ลีดส์ ยูไนเต็ด ถือเป็นหนึ่งในทีมที่มีฐานแฟนบอลเยอะมากทีมนึงในแดนผู้ดี แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นแฟนพันธ์แท้แบบเข้าเส้น บ้าระห่ำซะด้วย เวลาเล่นในบ้านที่สนาม เอลแลนด์ โร้ด นี่ไม่ต้องพูดถึงผู้ชมเตะความจุเกือบทุกนัด เวลาออกไปเป็นทีมเยือนก็ไม่หวั่นยกโขยงตามไปเชียร์ทีมรักกันเพียบ และพวกเขาก็ไม่ได้ตามเชียร์แค่ทีมชุดใหญ่เท่านั้น แต่ยังตามไปดูทีมสำรอง ทีมเยาวชน ว่ากันว่าขนาดทีมชุด U-18 ของ ลีดส์ แข่งค่ำวันพุธ ยังมีแฟนบอลเข้ามาให้กำลังใจมากถึง 1,400 คนเลยทีเดียว   2.ประวัติศาสตร์ สโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด ถือเป็นหนึ่งในทีมเก่าทีมแก่ของประเทศอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1919 หรือ 100 กว่าปีมาแล้ว และมีประวัติศาสตร์เคียงคู่กับวงการลูกหนังแดนผู้ดีมาไม่น้อย พวกเขาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ 3 สมัย ครั้งสุดท้ายคือในฤดูกาล 1991/92 ที่มี ฮาเวิร์ด วิลกินสัน เป็นผู้จัดการทีม  นอกจากนี้ทัพ "ยูงทอง" ยังสร้างสตาร์มาประดับวงการไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงต้นยุค 2000 ที่มีทั้ง โมินิค มัตเตโอ, ริโอ เฟอร์ดินานด์, อลัน สมิธ, แฮร์รี่ คีเวลล์ และ มาร์ค วิดูก้า เป็นต้น ช่วงนั้นพวกเขาไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เลยทีเดียว ถือได้ว่า ลีดส์ เป็นอีกทีมที่เคยมีอดีตที่ยิ่งใหญ่ และรอวันกลับมาผงาดอีกครั้ง   3.กุนซือ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ตอนที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด ประกาศตั้ง บิเอลซ่า เเข้ามาคุมทีมเมื่อปี 2018 ก็ถือเป็นข่าวที่เซอร์ไพร้ส์วงการลูกหนังเล็กๆ เหมือนกันนะครับ เพราะกุนซือมากฝีมืออย่าง บิเอลซ่า ที่เคยผ่านการคุมทีมอย่าง แอธเลติก บิลเบา, มาร์กเซย, ลาซิโอ, ลีลล์, ทีมชาติอาร์เจนติน่า และ ทีมชาติชิลี ไม่น่ามาตอบรับคุมทีมในระดับแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ แต่พอเข้ามาแล้วก็เห็นได้ชัดว่า บิเอลซ่า ไม่ได้มาเล่นๆ เขาประกาศจะพา "ยูงทอง" กลับลีกสูงสุดให้ได้ภายใน 3 ปี ผลงานของ ลีดส์ ก็ดูดีขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การคุมทีมของเขา กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ มาพร้อมกับระบบการเล่นที่แทบไม่เคยเห็นมีโค้ชคนไหนใช้นั่นคือ 3-3-1-3 เน้นเกมรุกดุดัน พร้อมกับสั่งลูกทีมให้วิ่งเพรสซิ่งกดดันขึ้นสูง และนี่แหละคือแผนเด็ดที่ทำให้ ลีดส์ บินสูงได้ในเวที แชมเปี้ยนชิพ อยู่ทุกวันนี้ และสไตล์การเล่นเกมรุกบุกดุดันแบบนี้นี่แหละที่แฟนบอลอยากจะเห็น   4.สนาม เอลแลนด์ โร้ด รังเหย้าของทัพ "ยูงทอง" ถูกยกให้เป็นหนึ่งในสนามที่มีบรรยากาศที่สุดยอดที่สุดสนามนึงเลยทีเดียว แม้ความจุจะแค่ 3 หมื่นกว่าคน ไม่ได้เยอะแยะสู้กับสนามของพวกทีมใหญ่ๆ แต่ไม่ใช่งานง่ายของผู้มาเยือนแน่ สแตนด์เชียร์ถูกออกแบบให้อยู่ใกล้ชิดกับนักเตะในสนาม ยิ่งบวกกับเสียงเชียร์เสียงโห่ร้องของแฟนบอลเจ้าถิ่นที่สุดแสนจะบ้าคลั่งด้วยแล้วหละก็ บอกเลยว่าเป็นนรกของทีมเยือนที่แท้ทรู   5.คู่ปรับเก่าของ แมนฯ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะสนุกขึ้นแค่ไหน ถ้ามีทีมคู่อริคู่กัดคู่แค้นของ แมนฯ ยู เพิ่มขึ้นมาอีกทีมนึง แน่นอนแหละว่าบิ๊กแมตซ์ก็จะเพิ่มขึ้น ความระอุ ความน่าติดตาม ความสนุกก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่บางท่านอาจจะงง หรือยังไม่ทราบว่า เอ๊ะ ลีดส์ นี่มันมาเป็นคู่แค้นกับ "ผีแดง" ตั้งแต่เมื่อไหร่ เอางี้เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง บอกเลยว่าแค้นกัยพอๆ กับ แมนฯ ยู - ลิเวอร์พูล เลยหละ เรื่องราวนี่ต้องย้อนกันไปไกลถึง 500 กว่าปีก่อน มันมีสงครามแย่งชิงราชบัลลังก์กันระหว่าง แคว้นแลงคาสเตอร์ (ฝั่ง แมนเชสเตอร์) และ แคว้นยอร์คเชียร์ (ฝั่งลีดส์) โดยเราเรียกสงครามนี้ว่า "สงครามกุหลาบ" ซึ่งสุดท้ายฝั่งกุหลาบแดง คือ แมนเชสเตอร์ เป็นฝ่ายชนะ กุหลาบขาว ฝั่งลีดส์ สรุปง่ายๆ คือมันเกี่ยวกับเรื่องราชวงศ์ การเมือง ต่างๆ นาๆ ที่ขัดแย้งกัน ชิงดีชิงเด่นกัน ทีนี้เรื่องไม่จบแค่นั้นเพราะต่อมา มีการปฏิวัติอุตสาหกรรมในเมือง แมนเชสเตอร์ ด้วยการทำอุตสาหกรรมผ้าฝ้าย และเจริญแซงหน้า ลีดส์ ที่ยังทำอุตสาหกรรมขนสัตว์อยู่ ทำให้คนเมืองลีดส์ เจ็บแค้นใจแข่งอะไรก็แพ้ไปซะหมด ทีนี้ก็พาลมาถึงเรื่องฟุตบอล ลีดส์ ในช่วงยุค 1990 ถือว่าเป็นคู่ต่อกรตัวฉกาจของ "ปีศาจแดง" แต่ก็ยืนระยะไม่ได้ยาว แถมยังมักจะโดน แมนฯ ยู กระชากตัวดาวดังจากทัพ "ยูงทอง" ไปร่วมทีมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น เอริค คันโตน่า, ริโอ เฟอร์ดินานด์ หรือ อลัน สมิธ ฉะนั้นหาก ลีดส์ ได้กลับมาลีกสูงสุดอีกครั้ง คงจะสู้กับ ผีแดง ในยุคนี้ได้สนุกแน่นอน

ชิน ชินพัฒน์

logoline