logo-heading

ในที่สุดวันที่แฟนบอลทุกคนรอคอยก็มาถึงเมื่อศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้วางกำหนดการคืนสนามเป็นที่แน่นอนแล้วนั่นคือวันที่ 17 มิถุนายน นี้

วันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือ "การรวบรวมสิ่งที่คุณรอและสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการคืนสังเวียนของเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในครั้งนี้" จะมีอะไรบ้างไปดูกัน ?

แฟนบอลจะไม่เหงาอีกต่อไป

ไม่ใช่แค่นักฟุตบอลที่คิดถึงการกลับมาวาดลวดลายบนสังเวียนฟลอร์หญ้าอีกครั้ง แต่ในส่วนของแฟนบอลเองก็คิดถึงบรรยากาศการโม่แข้งของเกมลูกหนังไม่แพ้กัน ถึงแม้จะไม่สามารถเข้าไปซึมซับบรรยากาศในตัวสนามได้แบบเมื่อก่อน แต่สำหรับแฟนบอลแล้วตอนนี้ขอแค่เพียงฟุตบอลกลับมาเตะกันก็พอแล้ว อารมณ์เหมือนเวลาหิวหรือกระหายอะไรมากๆ ขอแค่ได้อะไรมาประทังชีวิตเพื่อความอยู่รอดก็เพียงพอแล้ว ดูได้จากการแข่งขัน บุนเดสลีกา เยอรมัน ที่คืนสังเวียนมาเป็นที่แรก คิดดูสิว่าพวกเขาได้รับความนิยม ได้กระแสตอบรับมากมายขนาดไหน ? มันแสดงให้เห็นถึงอาการของผู้คนที่คิดถึงกีฬาฟุตบอลแบบจับใจ ขาดฟุตบอลไปฉันจะลงแดงตายอะไรประมาณนั้น ทั้งที่ เยอรมัน ไม่ใช่ลีกที่คนตามดูมากที่สุด ดังนั้นลองมาคิดดูสิ! พรีเมียร์ลีก ที่ได้ชื่อว่าเป็นลีกที่ผู้คนติดตามมากที่สุดในโลก ตอนนี้พวกเขากำลังจะกลับมาแล้ว ลองคิดดูสิว่าความอัดอั้นของแฟนบอลมันจะมีมากมายขนาดไหน ? >>> ลั่นกลองรบ! พรีเมียร์ลีก รีสตาร์ทซีซั่น 17 มิ.ย. ประเดิมคู่ใหญ่ฟัดกัน

โปรแกรมสัปดาห์แรก

เผื่อว่าใครยังไม่รู้ว่าการกลับมาครั้งนี้ของศึก พรีเมียร์ลีก การลงสนามครั้งแรกจะเกิดขึ้นในวันพุธที่ 17 มิถุนายน หรือช่วงกลางสัปดาห์ เริ่มจากการเก็บคู่ตกค้างระหว่าง แอสตัน วิลล่า เจอกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจอกับ อาร์เซน่อล จากนั้นพอเริ่มเข้าสู่วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน เป็นต้นไปจะเริ่มรันโปรแรกตามปกติ และในสัปดาห์แรกของ พรีเมียร์ลีก หลังหมดเบรก โควิด-19 มีคิวดังนี้ แอสตัน วิลล่า ปะทะ เชลซี บอร์นมัธ ปะทะ คริสตัล พาเลซ ไบรท์ตัน ปะทะ อาร์เซน่อล เอฟเวอร์ตัน ปะทะ ลิเวอร์พูล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปะทะ เบิร์นลี่ย์ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ปะทะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด นอริช ซิตี้ ปะทะ เซาธ์แฮมป์ตัน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ปะทะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วัตฟอร์ด ปะทะ เลสเตอร์ ซิตี้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ปะทะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส

เปลี่ยนเวลาใหม่

การกลับมาครั้งนี้แน่นอนว่า พรีเมียร์ลีก มีเป้าหมายคือการแข่งให้จบฤดูกาลช่วงปลายเดือนกรกฏาคม ตามความต้องการของ "สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป" หรือ "ยูฟ่า" ดังนั้นเรื่องของเวลาและวันแข่งจะไม่เหมือนช่วงฤดูกาลปกติ โดยแจกแจงได้ดังนี้ 

สุดสัปดาห์

วันศุกร์ : แข่ง 1 คู่ เวลา 20.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันเสาร์ : แข่ง 4 คู่ เวลา 12.30 น. 15.00 น., 17.30 น. และ 20.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันอาทิตย์ : แข่ง 4 คู่ เวลา 12.00 น., 14.00 น., 16.30 น. และ 19.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันจันทร์ : แข่ง 1 คู่ เวลา 20.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น)

กลางสัปดาห์

วันอังคาร : แข่ง 2 คู่ เวลา 18.00 น. และ 20.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันพุธ : แข่ง 2 คู่ เวลา 18.00 น. และ 20.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันพฤหัสบดี : แข่ง 2 คู่ เวลา 18.00 น. และ 20.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น)

***ตามเวลาประเทศไทย บวกไปอีก 6 ชั่วโมง***

ส่วนวันสุดท้ายของฤดูกาลยังไม่มีการระบุว่าคือวันไหน ? แต่ฤดูกาล 2019-20 ของ พรีเมียร์ลีก จะปิดฉากก่อน 1 สิงหาคม แน่นอน

รูปแบบการแข่งขัน

ตามมาตรการของรัฐบาลและทางการแพทย์แน่นอนว่าการแข่งขันฟุตบอลทุกระดับและทุกประเทศยังใช้ การแข่งแบบสนามปิด หรือ ห้ามแฟนบอลเข้ามาชมเกมในสนามนั่นเอง เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงและลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ส่วนการแข่งขันยังคงยึด 90 นาทีตามเดิม และอาจเปลี่ยนตัวสำรองได้ 5 คน เพื่อลดปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะ เพราะเตะกันถี่จัดๆ อย่างไรก็ตามทีมจะเปลี่ยนตัวได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้นในช่วงเกมหยุดหรือพักครึ่งเวลา และไม่สามารถทยอยเปลี่ยนทีละคนจนครบ 5 คนได้ซึ่งมองเป็นการถ่วงเวลา (ข้อนี้ยังต้องรอการยืนยันอีกที) 

ลิเวอร์พูล ชูถ้วยแชมป์

กลุ่มแฟนบอลที่ดีใจที่สุดเมื่อ พรีเมียร์ลีก กลับคืนสู่สังเวียนน่าจะเป็นพลพรรค "เดอะ ค็อป" นี่แหละ เพราะการกลับมาครั้งนี้เท่ากับว่า ฤดูกาล 2019-20 จะไม่มีการโมฆะหรือยกเลิกใดๆ ทั้งสิ้น เท่ากับว่าพวกเขาจะได้เห็น ลิเวอร์พูล ชูถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร และจะเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีอีกด้วย ถึงแม้การฉลองแชมป์มันจะดูกร่อยๆ หน่อย เพราะห้ามแฟนบอลเข้าชมเกมในสนาม และจะไม่มีพาเหรดการฉลองแชมป์รอบเมืองแบบทุกๆ ปีที่เขาทำกัน แต่เชื่อว่าแค่การได้เห็น ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว และด้วยระยะห่างตอนนี้ 25 คะแนน ถึงแม้ ลิเวอร์พูล จะแข่งมากกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1 นัดก็ไม่ต้องสนใจ พวกเขาขอแค่ชนะอีก 2 นัดทุกอย่างก็จบ

ลุ้นท็อปโฟร์

นอกจากเรื่องการรอเถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกของ ลิเวอร์พูล แล้วอีกหนึ่งไฮไลท์ที่แฟนๆ รอติดตามก็คือการลุ้น ท็อปโฟร์ และมันก็ไม่ได้มีเพียงแค่ทีมใหญ่ๆ เท่านั้นที่ได้ลุ้นเพราะมันยังมีทีมเล็กๆ อย่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่ได้ลุ้นอยู่ด้วย เพราะตอนนี้ เชลซี อันดับ 4 มี 48 คะแนน และเหลือการแข่งขันอีก 9 นัด มีทีมที่ไล่จี้มาดังนี้ อันดับ 5 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - 45 คะแนน อันดับ 6 วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส - 43 คะแนน อันดับ 7 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด - 43 คะแนน (ถ้าเก็บ 3 แต้มจากนัดตกค้างจะแซงขึ้นที่ 5) อันดับ 8 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ -41 คะแนน อันดับ 9 อาร์เซน่อล - 40 คะแนน (ถ้าเก็บ 3 แต้มจากนัดตกค้างมีสิทธิ์ขึ้นที่ 6 แต่ต้องวัดลูกได้เสียกับอีก 2 ทีม)

HaMu Dos Santos (หมู ขอบสนาม)

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline