logo-heading

แน่นอนว่าช่วงนี้กระแส ลิเวอร์พูล ฟีเวอร์กำลังมาแรงแซงทุกอณู เล่นเอา จอห์น วิณญู ต้องหลบซ้าย ฌอน บูรณะหิรัญ ต้องหลบขวาเลยทีเดียว ดราม่ามันไม่เฟี้ยวเท่า "หงส์แดง" ประกาศศักดาคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี 

ครึ่งชีวิตคนกว่าจะได้แชมป์ทีนึงมันก็ต้องฉลองกันยิ่งใหญ่เป็นธรรมดา ทว่าใน 30 ปีที่อดทนอดกลั้นมานี้ สาวก "หงส์แดง" ไม่ได้นอนชิวนั่งกระดกเบียร์ฟังเพลงรอวันฉลองแชมป์นะ แต่พวกเขาต้องลุ้นต้องโดนถากถาง ต้องผ่านอุปสรรคอะไรต่างๆ มามากมาย เรีกยได้ว่ามีเก็บกดเลยหละ ว่าแล้วไปดูกันคร่าวๆ หน่อยดีกว่าว่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับอะไรบ้างในช่วงที่ผ่านมา เมือง ลิเวอร์พูล นะครับถือว่าเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความบ้าคลั่งฟุตบอลเป็นเบอร์ต้นๆ ของ ประเทศอังกฤษ เพราะไม่ใช่มีแค่แฟน "หงส์แดง" เท่านั้นที่รักทีมเข้าเส้นปานจะกลืนกิน แต่แฟนบอล เอฟเวอร์ตัน ก็คลั่งไคล้ในทัพ "ทอฟฟี่บลูส์" ไม่แพ้กัน นั่นเลยทำให้ศึก "เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้แมตซ์" ที่ทั้ง 2 ทีมนี้ต้องเจอกันเป็นที่จับตามองของคนทั้งโลก และมักจะเล่นกันอย่างสนุกดุเดือดชนิดไม่มีใครยอมใคร  ว่ากันว่าคนในเมือง ลิเวอร์พูล นั้นรักกัน สามัคคีกลมเกลียวกันมากๆ ใครแต่ง ใครตาย เชิญกันไปทีนี่แทบล้นงาน สมกับวลีเด็ดอันโด่งดังที่ว่า "You Will Never Walk Alone" หรือ "คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย" จริงๆ แต่หากเจาะลึกลงไปในหน้าประวัติศาสตร์ เมืองลิเวอร์พูล ไม่ใช่เมืองที่โด่งดังอะไร และยังเป็นเมืองที่ถูกมองในด้านลบเสียซะมากกว่าอีกด้วย คำว่า "สเกาเซอร์" พวกเราเหล่าแฟนบอลคงรู้กันว่ามันเป็นคำเหยียดแฟนบอล ลิเวอร์พูล หรือคนในเมือง ลิเวอร์พูล ซึ่งจริงๆ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ ฉะนั้นวันนี้ขอหยิบยกมาเล่าให้ท่านที่ยังไม่ทราบได้ฟังต้นสายปลายเหตุกันหน่อยละกันนะครับ เรื่องของเรื่องก็เริ่มจากสมัยก่อน เมืองลิเวอร์พูล ตอนนู้นเป็นท่าเรือสำคัญแห่งนึงของประเทศอังกฤษ ดังนั้นมันจึงมีแรงงานที่เป็นคนไอร์แลนด์หลั่งไหลเข้ามาทำงานกันมากมาย จนตั้งถิ่นฐานสร้างครอบครัวอยู่ที่นั่นไปเลย ซึ่งเมื่อเวลาเปลี่ยนไปสำเนียงการพูดของคนเมือง ลิเวอร์พูล มันก็เลยเปลี่ยนตาม ไม่ชัดถ้อยชัดคำอังกฤษจ๋า จนถูกขนานนามว่าเอ็งมันเป็นพวก "สเกาเซอร์" พูดสำเนียง "สเกาเซอร์" บวกกับการที่เป็นชนชั้นแรงงาน พูดจาสำเนียงไม่เหมือนชาวบ้าน อาหารการกินก็ไม่ได้ดิบดี ตามมีตามเกิด ก็เลยทำให้คนเมือง ลิเวอร์พูล โดนดูถูกโดนแซวมาตั้งแต่ไหน จนมาถึงทุกวันนี้ ฉะนั้นการที่พวกเขาคนเมือง ลิเวอร์พูล เด็กยุคใหม่ที่อายุยังไม่ถึง 30 ปี ที่เกิดมาปุ๊ปยังไม่เคยได้เห็นทีมรักในเมืองเกิดคว้าแชมป์ลีก ได้แต่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาให้เสียดายเล่นๆ หนำซ้ำยังโดนกระหน่ำถากถางดูถูกสารพัดสารเพล เช่น มึงมันก็แค่พวกสเกาเซอร์, แชมป์ว่าว หรือ แชมป์เชื้อโรคโควิด จนกระทั่งมาวันนี้ 30 ปีที่รอคอยได้ยุติลงแล้ว ลิเวอร์พูล ประกาศศักดาต่อหน้าทุกทีมจนได้ว่ากูนี่แหละคือยอดทีมแห่งเกาะอังกฤษ ฉะนั้นไอสัส ควรสะใจมั้ยหละ หากย้อนกลับไปในช่วงยุค 1980 ซึ่งถือเป็นยุครุ่งเรื่องของ ลิเวอร์พูล แต่มันก็ดันมีโศกนาฏกรรมเฮย์เซลร้ายแรงอย่างยิ่งในโลกลูกหนังที่แฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะสาวก "เดอะ คอป" ไม่อยากให้เกิด เริ่มจากโศกนาฏกรรมเฮย์เซล ในนัดชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 1985 แฟนบอลทั้ง 2 ฝ่ายทะเลาะกันจนอัฒจันทร์พังลงมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 39 คน ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้ "หงส์แดง" โดนแบนจากถ้วยยุโรปไป 6 ปี เท่านั้นไม่พอทีมจากอังกฤษทีมอื่นก็ซวยด้วยโดนแบนไป 5 ปี ตอนนั้นก็โดนทีมอื่นตราหน้าว่าไอห่าทำซวยไปทั้งประเทศ อย่าว่าแต่ตอนนั้นเลยตอนนี้ก็ยังมีคนหยิบยกเอามาพูดถึงอยู่ แม้ว่าหากเจาะลึกกันจริงๆ แล้ว ทีมจากอังกฤษก็ทำแสบมาก่อนหน้านี้เยอะมาก โศกนาฏกรรมเฮย์เซล เปรียบเหมือนฟางเส้นสุดท้าย แต่พ้นจากเหตุการณ์เฮย์เซลได้ไม่นาน ปี 1989 ก็มาเจอ โศกนาฏกรรมฮิลส์โบโรห์อีก เกมนั้นมันเป็นเกมนัดรองชนะเลิศศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ น็อตติ้งแฮม ฟอร์เรสต์ โดยใช้สนามกลางเป็นสนาม ฮิลส์โบโรห์ ของ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ซึ่งมีแฟนบอลเข้ามาชมเกมนี้ในสนามอย่างล้มหลามเกินคาด บวกกับการจัดการต่างๆ นาๆ ที่ไม่ดีพอทำให้สุดท้ายมีผู้คนเบียดกันมากจนเกินไปจนทำให้แฟนบอลที่อยู่บริเวณด้านหน้าโดนอัดติดกับรั้วเหล็ก และเสียชีวิตลงเนื่องจากหายใจไม่ออก เหตุการณ์นี้ทำให้มีแฟนบอล ลิเวอร์พูล เสียชีวิตไปมากถึง 96 คน ซึ่งแม้ว่าปีถัดมา "หงส์แดง" จะคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะมาได้ในฤดูกาลนี้ แต่ก็เป็นการฉลองแชมป์ที่ไม่ค่อยเต็มที่นัก เพราะยังคงมีความเศร้าเสียใจให้กับแฟนบอล 96 รายที่ต้องจากโลกนี้ไป ฉะนั้นการกลับมาได้แชมป์อีกครั้งในฤดูกาลนี้ แน่นอนว่าถือเป็นการอุทิศให้เหล่าสาวก "หงส์แดง" พันธ์แท้ที่เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโรห์ด้วย หรืออย่าง 6 ปีที่แล้ว ลิเวอร์พูล เข้าใกล้กับการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก แบบสุดๆ ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงมาจนถึงช่วงท้ายฤดูกาล แต่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมผู้เป็นทุกสิ่งของ "หงส์แดง" ดันพลาดท่าสะดุดยอดหญ้าลื่นล้มโดนฉกบอลไปยิงสุดท้ายทีมแพ้ เชลซี จนเป็นเหตุให้โดน แมนฯ ซิตี้ แซงคว้าแชมป์ไปได้ ตอนนั้นสาวก "หงส์แดง" ก็ต้องทนทุกข์ทรมานกับการโดนล้อและนับปีรอคอยต่อไปอย่างอดทน เรื่อยมาจนถึงฤดูกาลที่แล้ว ภาพจำก็ย้อนมาอีกครั้งเมื่อพวกเขานำเป็นจ่าฝูงอยู่ดีๆ ช่วงท้ายก็ไปแผ่วปลายกันเองอีกแล้วปล่อยให้ "เรือใบสีฟ้า" เจ้าเดิมแล่นฉิวแซงหน้าคว้าแชมป์ไปซะงั้น แถมแพ้แค่คะแนนเดียวซะด้วย มันยิ่งน่าเจ็บใจหนักเข้าไปใหญ่ มาจนถึงฤดูกาลนี้ก็เล่นดีต่อเนื่อง เก็บเอาความผิดพลาดมาเป็นบทเรียนสอนตัวเองให้รักษาผลงานอันดีงามเอาไว้อย่าแผ่วปลายตายเองอีก ซึ่ง "หงส์แดง" ก็ทำได้ดีมาก กวาดชัยชนะมารัวๆ จนทำแต้มทิ้งห่าง แมนฯ ซิตี้ แชมป์เก่าไปเรื่อยๆ และทำท่าว่าจะคว้าแชมป์ได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว แต่สุดท้ายก็มาเจอพิษวิกฤติโควิด บอลลีกหยุดเตะไปซะอย่างงั้น หยุดเตะไม่พอต้องมาลุ้นว่าจะกลับมาเตะต่ออีกรึป่าว เพราะมีช่วงนึงที่กระแสโมฆะมาแรงเสียเหลือเกิน  แต่สุดท้ายสวรรค์ก็มีตา พรีเมียร์ลีก กลับมาลงแข่งขันต่อได้อีกครั้งหลังพักไปยาว 3 เดือน จนในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็สามารถประกาศศักดาทวงคืนความยิ่งใหญ่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดีได้อีกครั้งหลังจากรอคอยมานาน 30 ปี พร้อมกับผ่านอุปสรรค และคำถากถางต่างๆ นาๆ มามากมาย

ท้ายสุดผมในฐานะที่เป็นแฟน แมนฯ ยู คงไม่มีคำไหนจะพูดมากไปกว่า ขอแสดงความยินดีกับ ลิเวอร์พูล ด้วยจากใจจริงๆ พวกคุณคู่ควรสุดๆ กับการเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ แล้วฤดูกาลหน้ามาว่ากันใหม่ ขอโทษด้วยที่ ผีแดง ของผมไม่ดีพอที่มาท้าชิงกับคุณ ทำให้ความสนุกมันหายไปเยอะเลย ปีหน้าเจอกันครับ

ชิน ชินพัฒน์

logoline