logo-heading

ลิเวอร์พูล เกือบเอาตัวไม่รอด หลังทำได้เพียง บุกไปเสมอกับ ฟูแล่ม 1-1 ชนิดที่ได้จุดโทษมาช่วยชีวิตในช่วงท้ายเกม จากการสังหารของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดยต้องชมขุนพล เจ้าสัวน้อย ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เล่นเอา หงส์แดง ไปไม่เป็น โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรก และ นี่คือประเด็นน่าสนใจที่เกิดขึ้น ในระหว่างเกม ณ สนาม คราเว่น ค็อตเทจ

- ฟูแล่ม ทำเอา ลิเวอร์พูล หัวหมุน อลิสซอน ต้องเซฟมือแตก

ก่อนเกม ลิเวอร์พูล ลุ้นขึ้นจ่าฝูง ส่วน ฟูแล่ม ต้องหนีตกชั้น แต่ประทานโทษ ไม่ได้เป็นการดูถูกแต่อย่างใด เพราะหากใครดูช่วงระหว่างเกม โดยเฉพาะสัก 30-35 นาทีแรก ไม่รู้เลยว่าทีมไหนคือทีมลุ้นแชมป์กันแน่ เนื่องจาก ฟูแล่ม เล่นได้ดีเกินคาด บุกกดใส่ ลิเวอร์พูล จนแบบโงหัวไม่ขึ้น ฟูแล่ม มีโอกาสขึ้นนำ ตั้งแต่ต้นเกมด้วยซ้ำ เรียกว่า อลิสซอน เบ็คเกอร์ กลับมาเฝ้าเสา ก็มีงานให้ทำเต็มไปหมด จากนั้นมีอีก 2 หน ที่ต่อบอลหลุดเข้าไปยิง แต่ก็ยังไม่ผ่าน พ่อหมี ที่ยังโชว์ซูเปอร์เซฟเอาไว้ได้  จริงๆแล้ว ลิเวอร์พูล เกือบจะที่จะโดนจุดโทษเหมือนกัน มีช็อตที่ ฟาบินโญ่ ไปสกัดแย่งกับคู่แข่ง ผู้ตัดสินวิ่งไปดูจอ VAR ที่ข้างสนาม เพื่อพิจารณาอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าลูกนี้ไม่ได้เป็นการฟาวล์ ก็รอดตัวไป คราวนี้ VAR ไม่ทำพิษแล้ว ต้องจัดโต๊ะจีนเลี้ยงฉลองกันหน่อย

- เจ้าสัวน้อย กดอยู่นาน ก่อนซัดประตู

หลังจากที่ ฟูแล่ม บุกกดใส่ ลิเวอร์พูล อยู่นาน เรียกว่าไม่เกรงกลัวบารมีแชมป์เลยสักนิด ก็มาได้ประตูขึ้นนำจนได้ เมื่อเป็นจังหวะที่ หงส์แดง พยายามจะตั้งรับจากลูกเตะมุม และ ใช้เกมโต้-กลับ เล่นงานใส่คู่แข่ง แต่ ฟูแล่ม แย่งบอลกลับมาได้ ทำให้พื้นที่ช่องว่างด้านหลัง เปิดมากขึ้น ก่อนจะเป็น อดาม่า ลุคแมน ไหลออกให้กับ บ็อบบี้ รีด ที่ยืนอยู่โล่งๆด้านขวา จากนั้นแตะ 1 จังหวะ ซัดเต็มตีนเตี่ย บอลพุ่งเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างเฉียบคม ชนิดที่คราวนี้ อลิสซอน ไม่อาจเซฟช่วย หงส์แดง ไว้ได้อีกแล้ว กลายเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 แบบเซอร์ไพรส์ จริงๆนักเตะ ลิเวอร์พูล พยายามจะเรียกร้องให้ผู้ตัดสินไปดู VAR เพราะมีช็อตที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดนปลักเต็มๆ 2 มือ ทำให้เสียจังหวะ และ เป็นที่มาของการเสียประตู แต่ทว่าก็ไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น

- หงส์แดง กว่าจะตั้งตัวได้ต้องรอท้ายครึ่งแรก

ลิเวอร์พูล เหมือนตกอยู่ในภวังค์ ครึ่งแรกแทบจะทำอะไร ฟูแล่ม ไม่ได้เลย ค่อยๆดีขึ้นตั้งแต่สักนาที 35 เป็นต้นไป แต่โอกาสทองของ ซาลาห์ กว่าจะได้มาง้างเท้ายิงแบบจั๋งๆ เกิดขึ้นในนาที 44 คิดดูว่า หงส์แดง เจาะแนวรับ เจ้าสัวน้อย ได้ยากขนาดไหน ช่วงพักครึ่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ มีการถอด โจเอล มาติป ออกไป เพราะอาการบาดเจ็บ และ ส่ง ทาคุมิ มินามิโนะ ลงมาช่วยแผงมิดฟิลด์ เพื่อเติมเกมรุกทันที แต่กลายเป็นว่าเริ่มต้นครึ่งหลังมา ลิเวอร์พูล เกือบจะเสียประตูด้วยซ้ำ เพราะสกัดกันไม่ดีเอง  อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น ลิเวอร์พูล เดินหน้าบุกอยู่ฝ่ายเดียว พยายามจะเจาะซ้ายที ขวาที ยิงไกลก็เอา แต่ก็ไม่สามารถพังแนวรับของ ฟูแล่ม ไว้ได้เลย ... เรียกว่า "ดีแต่ป้อ แต่ยังล่อไม่ได้"

ลือหึ่ง! หงส์แดง เศร้า โชต้า เข่าพัง ปีหน้าฟ้าใหม่ ถึงกลับมา (คลิกอ่าน)

- เจาะไม่เข้า มีจุดโทษช่วยไว้

ต้องบอกเลยว่า ครึ่งหลัง แทบจะเป็น ลิเวอร์พูล ที่ปูพรมบุกอยู่ฝ่ายเดียว พยายามจะใช้มิติเกมรุกทุกวิถีทาง เพื่อเจาะตาข่ายของ ฟูแล่ม ให้ได้เสียที แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่สำเร็จ ขนาดที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หลุดเข้าไปดวลกับ อเรโอล่า จากการจ่ายของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ แต่ก็ถูกปัดไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ กระทั่ง ลิเวอร์พูล มาได้ลูกฟรีคิกระยะหวังผล จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม รับหน้าที่สังหาร ปรากฏว่าซัดไปติดกำแพง แต่ผู้ตัดสินเห็นชัดเจนเลยว่า ผู้เล่น ฟูแล่ม ยกแขนขึ้นมาป้องกัน เรียกว่าเป่าให้จุดโทษแบบไม่ลังเลทันที  ก่อนจะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เจ้าเดิม รับหน้าที่ซัดจุดโทษ อาจมีเสียวเล็กน้อย เพราะยิงแทบจะตรงกลางประตู ซึ่ง อเรโอล่า เกือบจะเซฟได้ แต่บอลลอดหว่างแขนเข้าประตูไป เป็นลูกตีเสมอ 1-1 ได้ลุ้นอีกประมาณ 10 นาทีสุดท้าย

- สงสัยกลัว ขึ้นจ่าฝูง แล้วหนาวมาก

ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็พยายามจะบุกเพื่อทำประตูแซงเอาชนะ ฟูแล่ม ให้ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักทำให้เห็นเป็นประจำ หากย้อนกลับไปเมื่อซีซั่นก่อน เกมไหนที่เล่นไม่ดี มักจะแซงเอาชนะได้เสมอ แต่กระนั้นกับ เจ้าสัวน้อย นัดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันมีโอกาสที่ ลิเวอร์พูล จะแซงขึ้นนำจริงๆ เมื่อ เคอร์ติส โจนส์ งัดก็อก 2 สปีดหนีกองหลัง ฟูแล่ม จากกลางสนาม ลากเลื้อยมาเองจนถึงบริเวณกรอบเขตโทษ ก่อนจะซัดด้วยขวา หวังให้เสียบเสา ทำดีทุกอย่างแล้ว แต่ทว่ากลับยิงไม่ผ่านมือ อเรโอล่า ที่ยังเซฟไว้ได้ สุดท้ายจบลงด้วยผลเสมอ ลิเวอร์พูล กับโอกาสที่จะแซงหน้า ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ขึ้นไปเป็นจ่าฝูง กลับทำไม่สำเร็จ เก็บได้ 1 แต้ม บวกเพิ่มเป็น 25 คะแนน รั้งอยู่อันดับ 2 มีแต้มเท่ากับ "ไก่เดือยทอง" แต่เป็นรองในเรื่องของลูกได้-เสีย ฮาย ฮาวดี้-
logoline