logo-heading

ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ฝ่ามรสุมด่านแรก กลับมาเก็บ 3 แต้ม ได้อีกครั้ง ในรอบ 5 นัดหลังสุด บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังจากบุกไปเอาชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 2-0 

หากใครดูแค่สกอร์ ก็คงบอกว่า "หงส์แดง" ตบชนะสบายๆ ก็แค่ทีมบ๊วยไม่อาจต่อกรได้อยู่แล้ว แต่กระนั้นใครนั่งดูตลอด 90 นาที บอกเลยว่ายากเย็นอยู่เหมือนกันกว่าที่ ลิเวอร์พูล จะเก็บ 3 แต้ม ได้สำเร็จ เพราะมีช็อตที่ โอซาน คาบัค เกือบสร้างงานให้ทีมอีกแล้ว .. มีอะไรเกิดขึ้นในเกมนี้ และ ทำไม อารอน แรมส์เดล ผู้รักษาประตู เชฟฟิลด์ ถึงได้รับคำชมมากมาย ต่อให้ทีมแพ้ ไปพูดคุยประเด็นสำคัญในแมตช์นี้กัน

- เชฟฟิลด์ ทักทาย เกือบเซอร์ไพรส์นำ ลิเวอร์พูล แต่หัววัน

เกมวันนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจส่ง อาเดรียน ผู้รักษาประตูตัวสำรอง ลงเฝ้าเสา เนื่องจากต้องการให้ อลิสซอน เบ็คเกอร์ พักสภาพจิตใจ หลังสูญเสียคุณพ่อแบบกระทันหัน เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าสร้างความกังวลใจให้กับแฟนบอล หงส์แดง เพราะซีซั่น อาเดรียน เฝ้าเสา 2 นัด โดนไป 9 ลูก คือการแพ้ แอสตัน วิลล่า 2-7 และ เสมอ เอฟเวอร์ตัน 2-2 และ เหมือน เชฟฟิลด์ จะรู้ดีว่าจุดอ่อนของ ลิเวอร์พูล อยู่ตรงไหน เพราะนอกจากตำแหน่งผู้รักษาประตูแล้ว ยังมีคู่เซ็นเตอร์แบ็ก ที่เกมนี้ หงส์แดง ใช้ นาธาเนียล ฟิลลิปป์ กับ โอซาน คาบัค ทำให้ต้นเกม ทัพ ดาบคู่ ใช้ประโยชน์จากฟรีคิก เกือบทำเซอร์ไพรส์ขึ้นนำทีมเยือนตั้งแต่ 5 นาทีแรก เมื่อ โอลิเวอร์ นอร์วู้ด เปิดฟรีคิกเข้ามาลุ้นในกรอบเขตโทษ และ เป็น เดวิด แม็คโกลดริค เอาชนะกองหลัง ลิเวอร์พูล ขึ้นโขกเต็มหัว แต่ทว่าเป็น อาเดรียน ที่สร้างความเชื่อมั่น ป้องกันลูกนี้เอาไว้ได้ แต่ทว่าต่อให้ลูกนี้จะเข้าประตู แต่ภาพช้าก็ฟ้องว่ามีการล้ำหน้าเกิดขึ้นก่อนแล้ว

- หงส์แดง เจาะไม่เข้า แรมส์เดล เหนียวจัด

สำนวนหนึ่งที่มักได้ยินจากปากแฟนบอล ลิเวอร์พูล อยู่เสมอ ก็คือทำไมทีมที่เจอกับ หงส์แดง ผู้รักษาประตูมักโชว์ฟอร์ม "เหนียว แน่น หนึบ" กว่าที่เคยเป็น และ ในครึ่งแรก อารอน แรมส์เดล นายทวาร เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทำผลงานเซฟมือแตก เรียกว่าป้องกันลูกยากๆได้หมด เริ่มจาก โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ได้ช็อตเก็บตกจากบริเวณก่อนเข้ากรอบเขตโทษ หลุดเดี่ยวเข้าไปดวล ตัวต่อตัวกับ อารอน แรมส์เดล .. จังหวะนั้นเลือกทิศทางได้หมด เพราะตำแหน่งยิงอยู่ตรงกลางประตูพอดิบพอดี แต่ทว่า แรมส์เดล กางตัวใหญ่ และ สามารถป้องกันลูกยิงของ ฟีร์มิโน่ ได้อย่างเหลือเชื่อ จังหวะต่อมา เป็นช็อตที่ ฟีร์มิโน่ เก็บบอลกลางสนาม ดีดต่อมาให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก่อนใช้สปีดความเร็วเล่นงานแนวรับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษฝั่งขวา แม้จะมีเพื่อนๆตามมา แต่เจ้าตัวเลือกซัดมุมแคบด้วยตัวเอง ซึ่งบอลตรงกรอบก็จริง แต่ แรมส์เดล ใช้ขาเซฟเอาไว้ได้ ให้หลังเพียงแค่ 2 นาที จากจังหวะที่ ซาลาห์ ยิงไปติดเซฟ คราวนี้เป็นเกมที่นักเตะ ลิเวอร์พูล ไล่เพรสซิ่งนักเตะ เชฟฟิลด์ จนสร้างความผิดพลาด เตะทิ้งมามั่วซั่วอย่ในแดนตัวเอง และ ไปเข้าทาง เทรนท์ อาร์โนลด์ ที่เติมมาด้านขวา เขายึกหลอกทำท่าจะเปิด ก่อนจะแต่งบอลเข้าเท้าซ้ายซัดเต็มข้อ แต่ก็เป็น แรมส์เดล ที่บินปัดไว้ได้อีก ส่วนอีกหนึ่งจังหวะ เกิดขึ้นในช่วง 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เป็น จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ได้กดเต็มเท้าขวา เป็น แรมส์เดล พุ่งปัดไว้ได้อีก ซึ่งจังหวะนั้น ฟีร์มิโน่ มีโอกาสวิ่งมาเข้าซ้ำ แต่เหมือนความมั่นใจไม่มี เลยเลือกตบเข้ามาตรงกลางประตู หวังให้กับ มาเน่ หรือไม่ก็ ซาลาห์ แต่กลายเป็นย้อนหลังไปหมด พลาดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย

- เดอะ ค็อป สะดุ้งโหยง เจาะไม่เข้า เกือบเศร้า คาบัค สร้างงาน

เชื่อว่า สาวก "เดอะ ค็อป" ต้องมีเป่าปาก หรือ รู้สึกใจหายใจคว่ำ เพราะไม่ว่าจะใช้วิธีหนทางไหน ก็ไม่อาจยิงผ่านมือ อารอน แรมส์เดล ได้เลย สกอร์ 0-0 จึงยังคงเป็นกำแพงสร้างความกดดันต่อนักเตะ ลิเวอร์พูล เหมือนเดิม จากนั้นเหมือนฟ้ากลั่นแกล้งขุนพล "หงส์แดง" เพราะจากที่มีโอกาสขึ้นนำหลายต่อหลายครั้ง กลายเป็นว่าพวกเขาเกือบจะโดน เชฟฟิลด์ ออกนำแบบเซอร์ไพรส์ เพราะมีจังหวะที่ เชฟฟิลด์ ได้หยอดเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษ ให้กับ แม็คเบิร์นนี่ย์ ก่อนจะไปแฉลบ โอซาน คาบัค เข้าประตูตัวเอง ชนิดช็อกสาวก เดอะ ค็อป เลยทีเดียว แต่เหมือนว่าโชคชะตา ฟ้ายังเข้าข้าง เพราะช็อตที่ คาบัค สกัดเข้าประตูตัวเอง ไลน์แมนตีธงล้ำหน้า และ VAR ก็ยืนยันอีกครั้งว่าเป็นลูกออฟไซด์จริงๆ ทำให้ หงส์แดง โล่งอกไปเปราะใหญ่ เพราะยังไม่ตกเป็นฝ่ายตามหลัง เชื่อว่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล หายใจไม่ทั่วท้องแน่นอน ขนาด โอซาน คาบัค ยังเป่าปากด้วยความโล่งใจ ที่ไม่สร้างความผิดพลาดให้ทีมเสียประตูอีกครั้ง

- ครึ่งหลังเริ่มแปบเดียว ประตูเกิดขึ้น

หลังจากพยายามอยู่ 4-5 เที่ยว ยังไง๊ ยังไง ลิเวอร์พูล ก็ไม่อาจยิงประตูขึ้นนำได้เสียที แต่กระนั้นหลังจากผู้ตัดสินเป่านกหวีดเริ่มครึ่งหลังไม่เกิน 3 นาที .. การบุกเข้าทำของ หงส์แดง ก็สัมฤทธิ์ผล โดยเป็นจังหวะที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หลอกล่อแนวรับ เชฟฟิลด์ ก่อนจะกระชากไปจนสุดเส้นหลัง ลูกเกือบจะออกอยู่แล้ว แต่ เทรนท์ ยังอุตส่าห์เปิดเข้ามาได้ลุ้นทำประตู ซึ่งจังหวะนี้ต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล ก็มีโชคอยู่เหมือนกัน เพราะลูกเปิดของ เทรนท์ สร้างความมึนงงให้กับแนวรับ เชฟฟิลด์ เนื่องจากคิดว่าลูกออกหลังไปแล้ว ทำให้ ฟีล จากีลก้า เสียสมาธิ จึงดีดลูกหลัง เข้ามาตรงบริเวณจุดโทษ เข้าทาง เคอร์ติส โจนส์ ที่ยืนโล่งๆไม่มีใครประกบ ก่อนจะบรรจงจับ 1 ที และ ซัดด้วยขวาเลือกมุมผ่านมือ แรมส์เดล ได้เสียที ตอนแรกก็มีแอบเสียวเหมือนกันว่าลูกของ เทรนท์ อาร์โนลด์ หลุดออกหลังไปหรือยัง แต่กระนั้นก็มีภาพซูเปอร์สโลโมชั่นแสดงให้เห็นว่า ลูกบอลยังไม่ออกเต็มใบ และ แตะเส้นชัดเจน ทำให้ประตูของ โจนส์ เป็นการปลดแอกความกดดันให้กับ ลิเวอร์พูล เพราะขึ้นนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 48

- หงส์แดง กดประตู 2 เก็บ 3 คะแนน

ตอนนำ 1-0 คงไม่มีแฟนบอล ลิเวอร์พูล อุ่นใจหรอกใช่ไหมครับ เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา พวกเขามักเสียประตูง่ายๆให้เห็นอยู่ร่ำไป ซึ่งทาง เชฟฟิลด์ เอง ก็พยายามบุกกดัน เพื่อหวังจะทำประตูตีเสมอให้ได้ แต่ทว่าเกมนี้ อาเดรียน ถือว่าโชว์ฟอร์มได้เด็ดดวง เพราะนอกจากจะเซฟลูกยากๆช่วยทีมได้แล้ว ยังมีการออกมาตัดบอลนอกกรอบเขตโทษให้เห็น ด้วยความที่เกมค่อนข้างเปิด ทำให้ ลิเวอร์พูล มีช่องในการเจาะแนวรับ เชฟฟิลด์ มากขึ้น และ พวกเขาก็มาทำประตูที่ 2 ได้สำเร็จ โดยเป็นจังหวะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ทำชิ่งตามช่องกับ เคอร์ติส โจนส์ และ ซาดิโอ มาเน่ ก่อนจะเป็นดาวเตะย่างไก่ ที่โชว์ทักษะพริ้วไหวดั่งสายน้ำ ยึกจังหวะหลอกแนวรับ หาช่องยิงในกรอบเขตโทษ กลายเป็นว่าบอลไปแฉลบ คีน ไบรอัน ที่พยายามเอาตัวเข้ามาขวาง เปลี่ยนทางเข้าประตู ชนิดที่ แรมส์เดล เสียหลักไม่อาจป้องกันได้ ทำให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 2-0 ซึ่งสุดท้ายเครดิตให้เป็นการทำเข้าประตูตัวเอง แต่ไม่ว่าใครจะยิง หงส์แดง มีโอกาสเก็บ 3 แต้มสูงมาก เพราะครึ่งหลัง เชฟฟิลด์ ก็ไม่ได้สร้างความอันตรายเท่าไหร่ เป็น ลิเวอร์พูล ต่างหาก ที่พยายามจะบวกประตูที่ 3 เพิ่ม ซึ่งโอกาสใกล้เคียงที่สุดคือ การเปิดของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ทางกราบซ้าย ไปให้กับ โม ซาลาห์ ที่วิ่งไปรอเสาไกล แต่ทว่า ซาลาห์ ยิงเฉียดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย สุดท้ายจบเกมลงด้วยสกอร์ 2-0 เป็น 3 แต้มแรกของ ลิเวอร์พูล ในรอบ 5 นัดหลังสุด หยุดสถิติเลวร้ายเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ ฮาย 
logoline