logo-heading

ความหวังเล็กๆ แบบโคตรริบหรี่ในการลุ้นแชมป์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงแทบดับสลายไปแล้วหลังจากเช้ามืดของเมื่อคืนที่ผ่านมา มันคงเป็นเกมที่แฟน ๆ บ่นว่า มึงเอาเวลานอนของกูคืนมา มันเกิดอะไรขึ้นไปดูกันดีกว่า 

  นี่คืออีกหนึ่งนัดที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำแต้มหล่นแบบไม่ควรหล่น หลังล่าสุดบุกไปเสมอกับ คริสตัล พาเลซ 0-0 ประตู ชนิดที่รูปเกมก็ไม่ได้ดูดีกว่าเลย โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลัง ซึ่งผลเสมอแบบนี้ก็ทำให้พวกเขาตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงไปไกลถึง 14 คะแนน ก่อนจะดวลกันเองในสุดสัปดาห์นี้ เริ่มต้นที่การจัดทีมกันก่อนเลย นัดนี้ ผีแดง ทีมเยือน มีการโรเตชั่นนักเตะพอสมควร ให้โอกาส ดีน เฮนเดอร์สัน ลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริงแทน ดาบิด เด เคอา แนวรับก็ใช้ เอริค ไบยี่ ที่หายเจ็บกลับมายืนคู่กับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กองกลางพัก สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ใช้ เฟร็ด จับคู่กับ เนมานย่า มาติช กองหน้าตัวเป้าเกมนี้ก็ได้ เอดินสัน คาวานี่ หายเจ็บกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริง ขณะที่ทางฝั่งของ คริสตัล พาเลซ ที่เกมนี้ยังไม่มี วิลฟรีด ซาฮา หายเจ็บกลับมาไม่ทันลงเจอทีมเก่า ก็ต้องหวังพึ่งไปที่ 2 กองหน้า จอร์แดน อายิว กับ คริสติย็อง เบนเตเก้ โดยมี แอนดรอส ทาวน์เซนด์ กับ เอเบเรชี่ เอเซ่ คอยเป็นหน่วยสนับสนุน เริ่มเกมมาก็เป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำได้ดีกว่าตามคาด เป็นฝ่ายครองเกมเดินหน้าทำเกมรุกบุกเข้าใส่เจ้าถิ่นก่อนเลย และเกือบได้ประตูขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกมจากจังหวะที่ บรุโน่ แฟร์นันเดส แปะคืนหลังกลับมาให้ เนมานย่า มาติช วิ่งมาซัดแต่ บิเซนเต้ กูเอต้า นายด่าน พาเลซ ยังบินมาเซฟเอาไว้ได้ นาทีที่ 16 แมนฯ ยู มีโอกาสขึ้นนำอีกครั้ง ลุค ชอว์ ปาดบอลเข้ากลางมาให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ซัดด้วยขวาแต่บอลผ่านเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย 5 นาทีถัดมาก็ยังเป็นโอกาสของ ผีแดง อีกครั้ง เอดินสัน คาวานี่ พักบอลให้ เมสัน กรีนวู้ด วิ่งมาซัดแต่บอลก็ยังติดแนวรับของ "ปราสาทเรือนแก้ว" เรียกได้ว่าผ่านมา 25 นาที ผีแดง ดูดีกว่าทุกอย่าง ทั้งการครองบอลและโอกาสทำประตู แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จ ทว่าหลังจากที่ ลูกทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พยายามอยู่นานแล้วไม่สำเร็จ พวกเขาก็เริ่มจะเพลาเกมรุกลง กลายเป็นเคาะบอลไปๆ มาๆ ซ้ายทีขวาที จนกระทั่งจบครึ่งแรกลงไปแบบจืดๆ  พอกลับมาครึ่งหลังคิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะเปิดหัวได้น่ากลัวเหมือนช่วงต้นครึ่งแรก แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย เพราะพอเริ่มครึ่งหลังมันดันเหมือนหนังคนละม้วน กลายเป็นว่า คริสตัล พาเลซ เริ่มครึ่งหลังมาได้ดีกว่า ทั้งการครองบอลและการหาโอกาสจบสกอร์  นาทีที่ 50 คริสติย็อง เบนเตเก้ จ่ายให้ จอร์แดน อายิว ได้ตะบันไปที่เสาแรก แต่ก็ยังติดเซฟของ ดีน เฮนเดอร์สัน เท่านั้นไม่พอนาทีที่ 59 พาเลซ มาได้ฟรีคิกระยะหวังผล ลูก้า มิลิโวเยวิช กองกลางกัปตันทีม ปั่นไปติดกำแพง แต่บอลก็เด้งไปเข้าทางของ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ วิ่งมาวอลเลย์สวนแต่บอลพุ่งถากเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย ผ่าน 15 นาทีของครึ่งหลังไปแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังตั้งเกมไม่ได้ แม้ว่าจะกลับมาเริ่มครองบอลได้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังหาโอกาสจบสกอร์ไม่ได้ ได้แต่เคาะไปมาซ้ายขวาหน้าหลัง เจาะแนวรับของ พาเลซ ไม่เข้า ทำให้ โซลชา ต้องแก้เกม ถอด เฟร็ด กับ คาวานี่ ออก แล้วเอา สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ ดาเนียล เจมส์ ลงมาในเวลาที่ไล่เลี่ยกันช่วงนาทีที่ 75  ซึ่งพอ เจมส์ กับ แม็ค โทมิเนย์ ลงมา เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ดีขึ้นเล็กน้อย และเกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ ลุค ชอว์ เปิดบอลมาให้ ดาเนียล เจมส์ เทคตัวขึ้นโหม่งโล่งๆ คนเดียว แต่ไปติดแนวรับ พาเลซ ออกหลัง ได้เป็นแค่ลูกเตะมุม. .. 2 ตัวสำรองของ แมนฯ ยู ดูวูบวาบอยู่ได้ราว 5 นาที จากนั้นก็เข้าอีหรอบเดิม เคาะบอลไปมาซ้ายขวาหาโอกาสจบสกอร์ไม่ได้  แถมช่วงท้ายเกม ผีแดง เกือบโดนยิงอีกจ่างหาก เพราะมีจังหวะที่ แพทริค ฟาน อานโฮลท์ หลุดกับดักล้ำหน้ามาได้ดวลเดี่ยวกับ ดีน เฮนเดอร์สัน แต่ น้องดีน ยังทำได้ดีวิ่งออกมาปิดมุมและปัดบอลกระดอนกลับไปโดน ฟาน อานโฮลท์ ออกหลังไป เรียกได้ว่าเป็นซูเปอร์เซฟที่ชวยเซฟแต้มของ แมนฯ ยูไนเต็ด เอาไว้เลย สุดท้ายจบ 90 นาที ผีแดง ทำได้แค่บุกมาแบ่งแต้มกับ คริสตัล พาเลซ ไปแบบจืดชืด 0-0 ประตู ทำให้ตอนนี้ แม้ว่า แมนฯ ยู จะยังคงเป็นรองจ่าฝูง แต่ก็ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ห่างถึง 14 คะแนนแล้ว หากว่าแพ้ในเกมที่เจอกันเองอีกก็จะฉีกเป็น 17   

คงต้องบอกได้แค่ว่า มันจบแล้วครับนาย

 

ชิน ชินพัฒน์

logoline