logo-heading

ง่ายกว่าที่คิดจริงๆ สำหรับหนึ่งในศึกบิ๊กแมตซ์ประจำสัปดาห์นี้ของเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ตอนแรกก็มีหลายฝ่ายคิดว่า เลสเตอร์ ซิตี้ จะสร้างความหนักใจให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้มากกว่านี้ แต่พอเอาเข้าจริง มันไม่ใช่เลย เรียกว่าบอลคนละชั้นแบบเต็มปากเลยก็ว่าได้ เพราะตลอด 90 นาทีในเกมที่ "เรือใบสีฟ้า" บุกมาเอาชนะ "จิ้งจอก" 2-0 ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เล่นได้ดีกว่ามากจริงๆ ว่าแล้วมีอะไรน่าสนใจในเกมนี้บ้างไปดูกัน

  เริ่มต้นที่การจัดทีมกันก่อนเลย นัดนี้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือทัพ "จิ้งจอกสยาม" สร้างความฮือฮาให้แฟนบอลชาวไทย ด้วยการใส่ชื่อ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ไว้บนม้านั่งสำรอง ทำให้ "เจ้ากัน" กลายเป็นนักเตะสายเลือดไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่มีชื่อในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งพอประกาศรายชื่อออกมานั้นทำเอาแฟนบอลไทยแทบไม่ได้สนใจพวกตัวจริงในทีมเลย ฮ่าๆๆ เอาหละจบเรื่องของเด็กไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ก่อนดีกว่า มาว่ากันถึงขุมกำลังของ เลสเตอร์ ในนัดนี้ "บีร็อด" ตัดสินใจใช้ เคลิชี่ อิเฮียนาโช่ ที่กำลังฟอร์มดี และเพิ่งต่อสัญญาฉบับใหม่ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวจริงร่วมกับ เจมี่ วาร์ดี้ ส่วนกองกลางก็ถือว่าค่อนข้างยวบเพราะขาดทั้ง ฮาวี่ย์ บาร์นส์ ที่ยังเจ็บอยู่ และ เจมส์ แมดดิสัน ที่ยังไม่ฟิตพอมีชื่อเป็นแค่ตัวสำรอง ตัดสลับกลับมาดูที่ทางฝั่งจ่าฝูงที่มาในฐานะทีมเยือนกันบ้าง เกมนี้ โจเซป กวาร์ดิโอล่า ก็ยังคงคอนเซปต์เจ้าพ่อโรเตชั่นเหมือนเดิม ดรอปแข้งฟอร์มดีอย่าง อิลคาย กุนโดกัน ไว้บนม้านั่งสำรอง เช่นเดียวกับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ชูเอา กานเซโล่ และ จอห์น สโตนส์ แถมยังทำเซอร์ไพร้ส์ส่งทั้ง เซร์คิโอ กุน อเกวโร่ และ กาเบรียล เฆซุส ลงเล่นเป็นตัวจริงพร้อมกัน แต่ถ่าง เฆซุส ไปเล่นด้านข้าง นอกจากนี้ก็ยังมี ริยาด มาห์เรซ และ เควิน เดอ บรอยน์ คอยสนับสนุนอีกด้วย เริ่มเกมมาก็เป็นทีมเยือนของ เป๊ป ที่ทำได้ดีกว่าชัดเจนทั้งการครองบอลและหาโอกาสจบสกอร์ เพียงแค่นาทีที่ 5 ก็สามารถส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้แล้ว จากจังหวะยิงไกลของ แฟร์นันดินโญ่ ที่บอลลอยทะลุแนวรับ เลสเตอร์และผ่านมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เข้าไปอย่างสุดสวยแล้ว ทว่าจากภาพช้าจะเห็นได้ว่า เซร์คิโอ อเกวโร่ นั้นไปยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า และมันไปบังวิถีการมองเห็นของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้ตัดสินจึงริบประตูคืน ทำให้ยังเสมอกันอยู่ 0-0 และ แฟร์นันดินโญ่ ก็ชวดทำประตูแรกใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ไปอย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ตามแม้จะโดนปฏิเสธประตู แต่พลพรรค "เรือใบสีฟ้า" ก็ไม่ย่อท้อ ยังคงเปิดเกมรุกบุกเข้าใส่เจ้าถิ่นแบบไม่ไไว้หน้ามาเรื่อยๆ นาทีที่ 18 แนวรับ เลสเตอร์ พลาดเองจนสุดท้ายบอลมาเข้าทาง เซร์คิโอ อเกวโร่ ได้ฮาล์ฟวอลเลย์แบบไม่จับ แต่บอลมันเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งลูกแบบนี้ถ้าเป็น "เอล กุน" เมื่อสัก 2-3 ปีก่อน มีสิทธิ์ใส่สกอร์สูงปรี๊ด ถัดมา 2 นาที แมนฯ ซิตี้ ก็ยังเป็นฝ่ายได้ลุ้น เควิน เดอ บรอยน์ กดนอกกรอบเขตโทษ บอลยังเหินข้ามคานออกไป แต่อีกไม่กี่อึดใจ "เรือใบ" ก็มาได้ฟรีคิกระยะหวังผล แล้วก็เป็น เควิน เดอ บรอยน์ คนดีคนเดิมที่รับหน้าที่ปั่น บอลลอยสวยข้ามกำแพงแต่มันก็พุ่งไปชนคานอย่างจัง ยังไม่ได้ประตูขึ้นนำสักที และช่วงท้ายครึ่งแรกก็มีโอกาสอีก 3 หนเลยทีเดียวจาก ริยาด มาห์เรซ, เควิน เดอ บรอยน์ และ กาเบรียล เฆซุส แต่ก็แค่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา  ขณะที่ เลสเตอร์ เองจังหวะที่โจ่งแจ้งสุดของเกมนี้กว่าจะมาก็ต้องรอจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก จากจังหวะที่ อโยเซ่ เปเรซ แทงทะลุช่องให้ เจมี่ วาร์ดี้ หลุดไปแตะหนี เอแดร์ซอน ก่อนจะยิงเข้าไปง่ายๆ ทว่ามันล้ำหน้าชัดเจน จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0 ชนิดที่ แมนฯ ซิตี้ เหนือกว่าทุกกระบวนท่า เริ่มครึ่งหลังเหมือน บีร็อด จะเห็นว่าเกมเป็นรองเยอะเลยพยายามจะแก้เกมมาสู้ ซึ่งก็เหมือนจะทำได้ดีในช่วงต้นครึ่งหลัง ได้ทักทายก่อนจากจังหวะที่ อิเฮียนาโช่ กระชากลากแหวกก่อนจะจ่ายให้ วาร์ดี้ หลุดเข้าไปยิง แต่ก็ยังมี รูเบน ดิอาส ที่วิ่งเข้ามาบล็อกช่วยเซฟเอาไว้ได้ หลังโดนทักทาย แมนฯ ซิตี้ ก็ไม่รอช้ารีบเอาคืนทันที ด้วยการวิ่งไล่เพรสซิ่งกดดันและบุกบดอย่างหนัก จนในที่สุดความพยายามเกือบ 1 ชั่วโมงเต็มของพวกเขาก็เป็นผล ริยาด มาห์เรซ หลุดเข้าไปได้ยิงติดเซฟ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ปัดออกมาเข้าทาง โรดี้ โยนกลับเข้ามาหน้าปากประตู บอลขลุกขลิกมาเข้าทาง เบนจามิน เมนดี้ ล็อกหลอก มาร์ค อัลไบร์ทตัน ไปหนึ่งทีก่อนที่บอลจะเข้าขวาข้างไม่ถนัดแต่มุมมันต้องยิง เลยตัดสินใจยิงซึ่งบอลก็พุ่งเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม "เรือใบสีฟ้า" บุกขึ้นนำได้สำเร็จ 1-0 หลังจากได้ประตูขึ้นนำ แมนฯ ซิตี้ ก็มีผ่อนมีเพลาเกมรุกไปบ้าง แต่ก็ยังเล่นเน้นแน่นเหนียวหนับ ทำให้ เลสเตอร์ เองก็หาช่องเจาะไม่ได้ หนำซ้ำนาทีที่ 74 พวกพี่เขาก็โชว์ฝีเท้าสมราคาจ่าฝูง ด้วยการเล่นบอลจากลูกทุ่มแดนตัวเอง อยู่ๆ บอลก็มาอยู่กลางสนาม มาทาง เควิน เดอ บรอยน์ ลากจี้ก่อนจะรอจังหวะแทงทะลุช่องแบบโคตรเหนือชั้นไปให้ เฆซุส ปาดออกซ้ายมาให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ล็อคบอลทีสองทีก่อนจะจ่ายกลับมาให้ เฆซุส จิ้มบอลเข้าประตูไปง่ายๆ กลายเป็น 2-0 ประตู  พอขึ้นนำ 2-0 ทุกอย่างก็แทบจบ เพราะ เลสเตอร์ ไม่มีทรงบอลที่จะสู้ได้เลย สุดท้ายจบ 90 นาที ก็เป็น แมนฯ ซิตี้ จ่าฝูง ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างสมราคาบุกมาเก็บ 3 คะแนนเต็มกลับบ้านไปได้แบบสบายๆ ทำให้ทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูงเป็น 17 คะแนน แม้จะแข่งมากกว่า 2 นัดก็ตามที แต่แบบนี้ก็เหลือแค่รอวันรับแชมป์อย่างเป็นทางการเท่านั้นแหละสำหรับ "เรือใบสีฟ้า"  

ชิน ชินพัฒน์

 
logoline