logo-heading

ไม่มีพลิกล็อคอะไรใดๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้นสำหรับการแข่งขันศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย เลกสอง ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ กรานาด้า โดยเลกแรก ผีแดง บุกไปตบ กรานาด้า มาได้ก่อน 2-0 กุมความได้เปรียบมามากโข และเลก 2 ก็อย่างที่บอกไม่มีปาฏิหาริย์อะไรใดๆ จบลงไปด้วยการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ย้ำแค้นสกอร์เดิม 2-0 เกมนี้มีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันเลย

  เริ่มต้นที่การจัดตัว เกมนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือ "ผีแดง" ยังคงจัดหนักจัดเต็มชุดใหญ่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าจะมีสกอร์ตุนมาก่อน 2-0 ก็ตามที โดยเกมนี้หมดสิทธิ์ใช้งาน แฮร์รี่ แม็คไกวร์, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ และ ลุค ชอว์ แต่ก็อย่างที่บอกครับ นอกจาก 3 คนนี้่ขาดไป น้าโอเล่ ก็จัดเต็มมาก ดาบิด เด เคอา ที่น่าจะกลายเป็นมือ 2 แล้ว ได้ลงเฝ้าเสา เซ็นเตอร์ฮาล์ฟใช้ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ จับคู่กับ อั๊กเซล ตวนเซเบ้ แบ็กซ้ายใช้ อเล็กซ์ เตลลิส แทน ชอว์ กองกลางวาง เฟร็ด คู่ มาติช มี บรุโน่ แฟร์นันเดส, ปอล ป็อกบา และ เมสัน กรีนวู้ด ขับเคลื่อนเกมรุก และหน้าเป้าก็เป็น เอดินสัน คาวานี่ ขณะที่ทางฝั่งผู้มาเยือนที่แม้รู้ตัวว่ามีโอกาสน้อยนิดที่จะพลิกเข้ารอบ แต่ ดิเอโก้ มาร์ติเนซ กุนซือของพวกเขาก็ยังจัดชุดใหญ่ลงมาดวลกับ ผีแดง เช่นเดียวกัน แม็กซิม โกนาลองส์, เคเนดี้ และ โรแบร์โต้ โซลดาโด้ ลงตัวจริงครบ อย่างไรก็ตามแม้ว่า กรานาด้า ควรเป็นฝ่ายที่จะเปิดเกมรุกบุกเข้าใส่เจ้าถิ่น เพราะเสียเปรียบมาก่อนในเลกแรก แต่กลับกลายเป็น ผีแดง ที่เริ่มเกมได้ดุดันกว่า และใช้เวลาไม่นานก็ได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 6 จากจังหวะที่ เตลลิส ขึ้นเกมมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะเปิดให้ ปอล ป็อกบา โขกชงในเขตโทษต่อมาให้ เอดินสัน คาวานี่ ตวัดฮาล์ฟวอลเลย์ บอลพุ่งเสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม ส่งให้ ปีศาจแดง ขึ้นนำตั้งแต่หัววัน และทำให้สกอร์รวมกลายเป็น 3-0 ซึ่งนั่นหมายความว่า กรานาด้า ต้องยิง 3 ลูก และห้ามเสียประตูเพิ่ม พวกเขาถึงจะผ่านเข้ารอบ ซึ่งหลังจากโดนขึ้นนำ ก็เห็นได้ชัดว่า กรานาด้า เปิดเกมรุกบุกเข้าสู้แบบไม่มีอะไรจะเสีย ส่วน ผีแดง ก็ถอยไปเน้นเกมรับแล้วรอโต้กลับเอา ซึ่งมันทำให้ กรานาด้า ได้หาโอกาสจบสกอร์ได้หลายหน แต่มันก็ยังไม่ได้น่ากลัวอะไร ยิงทิ้งยิงขว้างไปเองมากกว่า ส่วน ผีแดง ก็อย่างที่บอกเน้นรับแล้วรอโต้กลับ ก็มีจังหวะที่เกือบได้แต่ก็ยิงทิ้งขว้างไปเองเหมือนกัน ทำให้จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้ เข้าสู่ครึ่งหลัง โซลชา เพลย์เซฟส่ง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค ลงมาเล่นแทน ปอล ป็อกบา ที่โดนใบเหลืองในครึ่งแรกจากจังหวะสับศอกใส่คู่แข่ง ออกไปพัก เพราะหากพลาดท่าโดนแดงขึ้นมาเดี๋ยวงานจะเข้าอดลงเล่นในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งพอเริ่มครึ่งหลังมาก็ยังเป็นทีมเยือน กรานาด้า ที่ต้องการประตูซะเหลือเกิน เปิดฉากบุกเข้าใส่ และนาทีที่ 50 ก็เกือบตีเสมอได้จากจังหวะที่ ดิมิทรี ฟ็อลควิเย่ร์ เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งขวามาเข้าหัว หลุยส์ ซัวเรซ ที่เพิ่งลงมาเล่นเป็นตัวสำรองพุ่งโขก แต่ก็ไปติดเซฟ ดาบิด เด เคอา และพอพยายามแล้วพยายามเล่าก็ทำไม่ได้สักที เหล่าผู้เล่นกรานาด้า ก็ดูเหมือนจะถอดใจกันไปเอง กลายเป็นปล่อยให้ ผีแดง เป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่ได้บ้างแล้ว เมสัน กรีนวู้ด ได้โหม่งติดเซฟ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค วิ่งมายิงนอกกรอบเขตโทษบอลเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว เอดินสัน คาวานี่ ได้โฉบมาโหม่งเฉี่ยวเสา และหลังจากนั้น ผีแดง ก็เริ่มมีการพักตัวผู้เล่น คาวานี่, บรูโน่, กรีนวู้ด, วาน บิสซาก้า ได้ถูกถอดออกไปพักตาม ปอล ป็อกบา ดาเนียล เจมส์, ฆวน มาต้า, อาหมัด ดิยัลโล่ และ แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ได้ถูกส่งลงมายืดเส้นยืดสายบ้าง แต่น่าเสียดายที่ อาหมัด คนที่แฟนผีอยากเห็นฟอร์มนานๆ ได้ลงเล่นแค่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เลยยังไม่ได้โชว์ลีลาอะไรมากมาย เกมตื้อๆ ตึงๆ เขี่ยบอลไปมาเหมือนจะไม่มีอะไรและทำท่าว่าจะจบลงที่ชัยชนะ 1-0 ของ ผีแดง แต่แล้วช่วงนาทีสุดท้ายของเกม เจ้าถิ่นก็มาได้ประตูย้ำชัยชนะจากจังหวะที่ อเล็กซ์ เตลลิส คนดีคนเดิมเปิดบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายย้ายเข้าไปกลางประตูให้ ฆวน มาต้า โขกสะบัดโดนเช็ดๆ นิดเดียว แต่บอลก็เลี้ยวไปลงหัว เฆซุส บาเยโฆ่ กลายเป็นว่าตรงกรอบเข้าประตูตัวเองไปซะงั้น ทำให้จบเกม ผีแดง เปิดบ้านย้ำชัยเหนือ กรานาด้า ด้วยสกอร์เดิม 2-0 รวมผล 2 นัดชนะสบาย 4-0 พูลสวัสด์ ผ่านเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศเจอกับ อาแอส โรม่า ยอดทีมจากศึก เซเรีย อา อิตาลี โดยมีเดิมพันคือตั๋วนัดชิงที่ โปแลนด์ กับการคว้าแชมป์ยุโรปใบเล็กปีนี้

ชิน ชินพัฒน์

logoline