logo-heading

ต้องบอกเลยว่าเป็นอีกเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาตัวรอดเก็บ 3 คะแนนเต็มไปครองได้สำเร็จ แม้มันจะมีเสียวมีให้ลุ้นสักหน่อย แต่สุดท้ายลูกทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือทัพ "ปีศาจแดง" ก็เอาชนะได้จนได้ เกมนี้มีทั้งจังหวะที่ผีแดง เกือบโดนนำตั้งแต่ต้นเกม มีจังหวะที่นำแล้วโดนตีเสมออย่างเร็ว แต่ท้ายสุดก็กลับมาเอาชนะได้ และทำให้การลุ้นแชมป์ลีกมันยังไม่จบ ซึ่งเกมนี้มีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันเลย

เริ่มต้นที่การจัดทีมเกมนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่ของทัพ "ปีศาจแดง" จัดหนักจัดเต็ม เข็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ก่อนเกมมีข่าวว่าไม่ฟิตพอ ลงเล่นเป็นตัวจริง แล้วดรอป เอดินสัน คาวานี่ ไว้เป็นแค่ตัวสำรอง ส่วนกองกลางก็วาง สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ เฟร็ด เหมือนเดิม แล้วให้ เมสัน กรีนวู้ด กับ ปอล ป็อกบา ไปเล่นริมเส้น บรูโน่ แฟร์นันเดส เป็นเพลย์เมกเกอร์คอยขับเคลื่อนเกม ส่วนตำแหน่งนายด่าน ดูแล้วก็คงส่งผ่านให้น้อง ดีน เฮนเดอร์ัน ขยับขึ้นไปเป็นมือ 1 แทนที่ ดาบิด เด เคอา เรียบร้อย ขณะที่ทางฝั่ง เบิร์นลี่ย์ ผู้มาเยือนที่กำลังพยายามโกยแต้มเพื่อหนีการตกชั้นอยู่นั้น วันนี้พวกเขาขาดนายด่านมือ 1 ดีกรีทีมชาติอังกฤษอย่าง นิค โป๊ป เพราะได้รับบาดเจ็บ เลยต้องใช้ พีค็อคค์-ฟาเรลล์ ลงเฝ้าเสาแทน นอกนั้นก็จัดชุดใหญ่อยู่มี ดไวท์ แม็คนีล กองกลางอดีต เด็กปั้นของ ผีแดง ลงเล่นเป็นตัวจริงเจอทีมเก่าด้วย และแน่นอนว่าตัวความหวังของพวกเขาคือ คริส วู้ดส์ หัวหอกตัวเป้า และแล้วเริ่มเกมมาได้ไม่ถึงครึ่งนาที ไก่ยังไม่ทันโห่ นกยังไม่ทันขัน ไอสัส เบิร์นลี่ย์ ก็ส่งบอลเข้าประตูไปซะแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่แคล้วโดน VAR ยึดคืน จากจังหวะที่ คริส วู้ดส์ รับลูกโยนยาวกว่าครึ่งสนามมาจาก แม็ธธิว ลอว์ตัน คริส วู้ดส์ โขกผ่านมือ ดีน เฮนเดอร์สัน ที่ออกมาตัดบอลเข้าประตูไป แต่สุดท้ายก็อย่างที่บอกครับ VAR เช็คแล้วว่าล้ำหน้า แต่กว่าจะตีเส้นให้เห็นกันจะๆ ก็ล่อไปนาทีที่ 20 เลย พอ แมนฯ ยู ไม่เสียประตูก็เริ่มคึกเลยหาโอกาสตอบโต้กลับใส่ เบิร์นลี่ย์ มีจังหวะที่ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ยิงเข้าไปติดเซฟ พีค็อคค์-ฟาเรลล์ เช่นเดียวกันกับนาทีที่ 10 อารอน วาน-บิสซาก้า เปิดบอลจากทางฝั่งขวาให้ ปอล ป็อกบา ได้โหม่ง แต่ติดเซฟของ พีค็อคค์-ฟาเรลล์ จากนั้นก็เป็น ผีแดง ที่กุมความได้เปรียบหาจังหวะจบสกอร์ได้มากกว่าทั้งจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ บรูโน่ แฟร์นันเดส และ เมสัน กรีนวู้ด ที่เข้าชาร์จจ่อๆ แต่ก็ยังทำไม่ได้ ส่วนทางฝั่ง เบิร์นลี่ย์ ก็มีสวนกลับเหมือนกันช่วงท้ายเกม คริส วู้ด ได้ยิงตามน้ำบอลลอยหลุดเสาไป สุดท้ายจบครึ่งแรกไปด้วยการเสมอกันอยู่ 0-0  ทว่าก่อนเข้าสู่ครึ่งหลัง โซลชา ก็โชว์กึ๋นด้วยการเปลี่ยนเอา เฟร็ด ที่เน้นเกมรับออกแล้วส่งกองหน้าที่แท้ทรูอย่าง เอดินสัน คาวานี่ ลงไปเล่นแทน พรางขยับ ปอล ป็อกบา มาเล่นเป็นมิดฟิลด์แบบเต็มตัว ซึ่งแม่งใช้เวลาไม่นานก็ส่งผลเลย นาทีที่ 48 ผีแดง ก็ออกนำได้สำเร็จ จากจังหวะที่ ลุค ชอว์ ปาดมาทางซ้ายให้ มาร์คัส แรชฟอรม ผ่านเข้ากลาง แล้ว บรูโน่ โชว์เก๋าปล่อยบอลผ่านไปข้างหลังให้ เมสัน กรีนวู้ด วิ่งตะบันซัดเข้าไปให้ ผีแดงขึ้นนำ 1-0  ณ เวลานั้นแฟนผีคงคิดว่าง่ายทุกอย่างอยู่ในกำมือแล้ว ทว่าพอ เบิร์นลี่ย์ เอาบอลกลับมาเขี่ยไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ ก็มาได้เตะมุม แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด เปิดโค้งมาในกรอบให้ เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ขึ้นเบียดแนวรับผีแดงโขกเสียบตาข่ายเข้าไป ซึ่งลูกแบบนี้ผีแดงได้สัญญาณเตือนมาตลอดแต่ก็แก้ไม่ได้สุดท้ายก็ถูกลงโทษ ตามตีเสมอเป็น 1-1 หลังโดนตามตีเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังมุ่งมั่นทำเกมรุกบุกเข้าใส่มากกว่า แม้มันจะสะเปะสะปะ แต่สุดท้ายมันก็ได้ผล ในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 84 ที่ บรูโน่ แฟร์นันเดส ประสานงานกับ ปอล ป็อกบา วางยาวใหฺ้ เมสัน กรีนวู้ด กดสูตรล็อคบอลเข้าทางของตัวเองที่ถนัดแล้วก็ซัดเข้าไปตุงตาข่าย ส่งให้ ผีแดง ขึ้นนำอีกครั้งแป็น 2-1 และเหลือเวลาแค่ไม่ถึง 10 นาที ไอผีแดงก็กลัวโดนตีเสมอ ถอยไปรับตั้งหลักปล่อยให้ เบิร์นลี่ย์ บุกเข้ามาใส่ แต่เกมรุกของ เบิร์นลี่ย์ นั้นไม่น่ากลัวอะไรสุดท้ายก็เลยโดนสวนกลับฝังเป็น 3-1 ประตู ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จากจังหวะสวนกลับที่ บรูโน่ แฟร์นันเดส จ่ายออกซ้ายย้ายเข้าไปให้ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค จ่ายตัดเข้ากลางให้ เอดินสัน คาวานี่ วิ่มาเข้าฮอร์สแปเข้าไป่านๆ กลายเป็นประตูฝัง เบิร์นลี่ย์ ลงหลุม สุดท้ายก็จบลงไปด้วยสกอร์นี้ ทำให้ ผีแดง ทำแต้มไล่จี้ แมนฯ ซิตี้ จ่าฝูงเหลือ 8 คะแนน กับการแข่งขัน 6 เกม  

ชิน ชินพัฒน์

 
logoline