logo-heading

เกิดเรื่องเกิดราวมากมายในวงการลูกหนังในช่วง 3 วันที่ผ่านมา แน่นอนว่าดราม่าเรื่อง ซูเปอร์ลีก คือสิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุด แต่สิ่งที่เราจะเอามาเล่ามาเหลามาทำความเข้าใจกันมันก็มีต้นตอมาจากการก่อตั้ง ซูเปอร์ลีก นี่แหละ

  อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า ตัดสินใจประกาศปรับเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แทบจะทันทีที่รู้ว่ามี 12 ทีมไปลงนามจัดศึก ซูเปอร์ลีก โดย แชมเปี้ยนส์ ลีก จะเพิ่มเป็น 36 ทีม ในฤดูกาล 2024/25 และมีรูปแบบการแข่งขันที่ต่างจากเดิม เพิ่มเติมคือเงินเยอะขึ้น! ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหนทางที่ล่อตาล่อใจให้ทีมใหญ่กลับใจ บอยคอต ซูเปอร์ลีก ซึ่งมันก็เหมือนจะได้ผลซะด้วย ฉะนั้นวันนี้เรามาทำความเข้าใจรูปแบบใหม่ New Normal ของ UCL ที่จะเกิดขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้ากันหน่อยดีกว่า เอาหละครับแฟนเพจทั้งหลายที่ยังไม่เข้าใจว่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รูปแบบใหม่มันต่างจากแบบเก่ายังไง เรามาเริ่มทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันนะครับ สัญญาว่าจะพยายามใช้ภาษาบ้านๆ อธิบายให้ไม่งงกัน เริ่มกันด้วยการเพิ่มทีมก่อนเลย เพิ่มจาก 32 ทีมเป็น 36 ทีม เพื่ออะไรหนะหรอ แน่นอนว่าเพื่อเงินก่อนอันดับแรก และเพื่อเปลี่ยนรูปแบบให้ดูน่าสนใจขึ้น คำถามคือแล้วไอ 4 ทีมที่เพิ่มเข้ามานี่มาจากไหน คัดกันยังไง คำตอบคือ 1.จะเพิ่มให้ทีมจากชาติที่อยู่อันดับที่ 5 ในตารางค่าสัมประสิทธิ์ของยูฟ่า ยกตัวอย่างก็เช่นตอนนี้ ลีกเอิง ฝรั่งเศส มีโควต้าอยู่ 3 ทีม แต่ถ้า ฝรั่งเศส มีค่าสัมประสิทธิ์รวมเป็นอันดับที่ 5 ทีมอันดับ 4 ของลีกเอิงก็จะได้โควต้านี้เพิ่มมาทันที 2.โควต้าที่ 2 จะตกเป็นของทีมแชมป์ลีก จากชาติที่มีค่าสัมปสิทธิ์มากที่สุดในบรรดาชาติที่ต้องไปเล่นเพลย์ออฟ ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมุติ อาแจ็กซ์ ได้แชมป์ลีกฮอลแลนด์ แต่ค่าสัมประสิทธิ์ไม่พอเข้ารออัตโนมัติต้องไปเพลย์ออฟ ทว่าพอไปอยู่ในกลุ่มเพลย์ออฟแล้ว ค่าสัมปสิทธิ์ลีกฮอลแลนด์มากที่สุด อาแจ็กซ์ ก็จะได้สิทธิ์นี้ทันทีโดยไม่ต้องเพลย์ออฟให้เหนื่อย พอจะเห็นภาพมั้ยฮะ อย่าเพิ่งงงนะ ตามๆ กันไป 3.โควต้าที่ 3 และ 4 บอกเลยว่าประเด็นนี้ทำให้เกิดข้อถกเถียงอยู่ไม่น้อย และถูกมาว่าเป็นหนึ่งในจุดด่างพร้อยของ แชมเปี้ยนส์ ลีก รูปแบบใหม่ นั่นคือ 2 โควต้านี้จะถูกยกให้กับทีมที่มีค่าสัมปสิทธิ์ที่ดีที่สุด ที่ไม่สามารถคว้าโควต้าเข้ามาร่วมทำการแข่งขันได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าถ้าในอดีตทีมนี้เคยเก่งตุนค่าสัมประสิทธิ์เอาไว้เยอะ เคยเข้ารอบน็อคเอ้าท์ UCL แต่ปัจจุบันทีมแตกห่วยบรม ก็ยังสามารถกินบุญเก่าคว้าโควต้าเข้าร่วมการแข่งขันได้อยู่ดี คำถามต่อมาคือแล้วจะแข่งกันยังไง เพราะเดิมทีมี 32 ทีมก็แบ่งเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม ลงตัวโป๊ะเช๊ะเป๊ะเวอร์ ฉะงั้นพองอกมาอีก 4 ทีม ยูฟ่า ก็จัดการแหวกแนวมันซะเลย ไม่ต้องมีแล้วรอบแบ่งกลุ่มแบ่งเกิ่มอะไร ยกเลิกมันทิ้งไปซะแล้วก็ตั้งแข่งเป็นลีกแทน โดยใช้ชื่อรอบว่า "League Stage" แต่ครับแต่จะให้ทั้ง 36 ทีมวนมาเจอกันหมดมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ยูฟ่า เลยเอาระบบที่เรียกว่า "Swiss Model" เข้ามาใช้ อย่าเพิ่งตกใจชื่ออาจจะดูไฮโซไฮซ้อ แต่จริงๆ ถ้าภาษาบ้านเราก็คือระบบ "สุ่ม" นั่นแหละครับ เพียงแต่ระบบสุ่มนี้จะอิงจากผลงาน มีการเกลี่ยๆ เฉลี่ยๆ ทีมให้เจอกันแบบสมน้ำสมเนื้อบ้าง เจอเก่งกว่าบ้าง เจออ่อนกว่าบ้างคละเคล้ากันไป ซึ่งทุกทีมจะได้ลงเล่นทีมละ 10 นัด เหย้า 5 เยือน 5 และหลังจากลงเล่นครบทั้ง 10 นัดแล้ว 8 ทีมแรกที่ทำอันดับได้ดีที่สุด จะได้ผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายทันทีโดยไม่มีข้อแม้ ส่วนอันดับที่ 9-16 จะต้องไปจับสลากเตะเพลย์ออฟกับทีมอันดับที่ 17-24 แบบเหย้าเยือนเพื่อหาอีก 8 ทีมที่จะผ่านเข้ารอบน็อคเอ้าท์ตามไป ส่วนอันดับที่ 25-36 พวกคุณไม่ดีพอต้องตกรอบไป และไม่ได้ไปเล่นแม้กระทั่งยูฟ่า ยูโรปา ลีก ด้วย ซึ่งพอถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่แล้วครับ จับสลากเตะ 2 นัดเหย้าเยือนกันไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ เหมือนที่ทำอยู่ทุกวันนี้นี่แหละ 

ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก วิถีใหม่ที่ เซเฟริน ต้องยอมประกาศปรับอย่างฉับพลัน แม้จะมีการประชุมถึงแผนนี้กันมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ซึ่งส่วนนึงก็เพื่อหยุดยั้ง ซูเปอร์ลีก และตอนนี้ก็ดูเหมือนจะประสบผลสำเร็จ แต่วิถีใหม่ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก จะไปได้สวยอย่างที่หวัง จะฟันเงินได้เยอะอย่างที่คาดไว้หรือไม่ ฤดูกาล 2024/25 เดี๋ยวได้รู้กัน คำตอบอยู่ไม่ไกล แค่อดทนรอหน่อย.. .

 

ชิน ชินพัฒน์

logoline