logo-heading

จบไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก 2018 ด้วยการครองแชมป์ของทีมชาติฝรั่งเศส หลังไล่ถล่ม โครเอเชีย 4-2 โดยรางวัลต่างๆ ถูกประกาศให้ได้ทราบกันไปจนหมดแล้ว ฉะนั้นมาลองจัดทีมรวมพลคนสุดตีนกันว่า 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์นี้ มีใครอยู่บ้าง

ผู้รักษาประตู : ดานิเยล ซูบาซิช, โครเอเชีย ตัดสินใจยากเหลือเกิน สำหรับการเลือกตำแหน่งผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม เพราะมีหลายๆคนโชว์ฟอร์มได้ดีทั้ง ติโบต์ กูร์กตัวส์, จอร์แดน พิคฟอร์ด หรือ คนอื่นๆ แต่กระนั้นที่เทคะแนนมาให้กับ ดานิเยล ซูบิซิช มากกว่า เนื่องด้วยเซฟจุดโทษช่วยทีมมาถึง 2 รอบ ขนาดแมตช์เจอ รัสเซีย กล้ามเนื้อกระตุกเอง เหมือนจะเล่นไม่ไหว แต่ก็ฝืนเล่น และป้องกันลูกสำคัญได้อีก ส่วนเกมพบ อังกฤษ ก็ช่วยไว้ได้หลายช็อตจริงๆ ฟูลแบ็ก : คีแรน ทริปเปียร์, อังกฤษ ยกให้เป็นนักเตะที่เล่นดีที่สุดของทีมชาติอังกฤษ เลยก็ว่าได้ เมื่อวิงแบ็กฝั่งขวาจากค่าย ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มีทีเด็ดในเรื่องของลูกเซตพีซ และ การเปิดบอลอันแม่นยำ โดยการเตะลูกคอร์เนอร์แต่ละครั้ง มักจะนำพามาซึ่งประตูให้กับทัพ "สิงโตคำราม" อยู่เสมอ และก็เป็นจุดประกายความหวังในการซัดฟรีคิกใส่ โครเอเชีย ตั้งแต่ต้นเกม ในรอบรองชนะเลิศ แต่น่าเสียดายที่้เกมนั้น อังกฤษ กลับมาแพ้ 1-2 และตกรอบไป เซ็นเตอร์แบ็ก : ดีเอโก้ โกดิน, อุรุกวัย ถึงแม้ว่า อุรุกวัย จะต้องกระเด็นตกรอบ ฟุตบอลโลก 2018 ไปตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้าย กระนั้นผลงานของ ดีเอโก้ โกดิน ยังคงว่ายเวียนอยู่ในความทรงจำเสมอ เพราะเซ็นเตอร์แบ็กจากค่าย แอตเลติโก มาดริด แทบจะเป็นทุกอย่างให้กับทัพ "จอมโหด" ทั้งเกมรับที่เล่นได้อย่างเหนียวแน่น และ ขึ้นไปช่วยเกมบุก ยามแนวรุกมันดูตื้อๆ ถึงแม้ไม่อาจไปได้ไกลกว่านั้น แต่โดยรวมนับว่าสุดยอด เซ็นเตอร์แบ็ก : เยอร์รี่ มิน่า, โคลอมเบีย ไม่น่าเชื่อเลยว่า นักเตะที่โดนด่าและเหยียดหยามอย่างหนักว่าเป็น "ตัวเกม" ทำให้ บาร์เซโลน่า ไม่ได้ทำสถิติเป็นแชมป์ไร้พ่าย อย่าง เยอร์รี่ มิน่า จะกลายมาเป็นนักเตะที่เด่นที่สุดให้กับ โคลอมเบีย เมื่อเจ้าตัวทำประตูให้กับทัพ "โคเคน" 3 เกมติดต่อกัน จนพาทีมผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย และ ยังคงโหม่งประตูตีเสมอนัดเจอ อังกฤษ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่ทว่าก็ต้องตกรอบไป เมื่อทีมเป็นฝ่ายแพ้จุดโทษ ฟูลแบ็ก : โธมัส มูนิเย่ร์, เบลเยี่ยม ใจจริงจะพยายามนึกแบ็กซ้ายที่เล่นได้อย่างโดดเด่น ก็นึกไม่ออกจริงๆ เพราะตำแหน่งนี้ไม่ค่อยหวือหวาสักเท่าไหร่ ก็เลยเอา โธมัส มูนิเย่ร์ แบ็กขวาของ เบลเยี่ยม มาแจมในตำแหน่งนี้ก็แล้วกัน เพราะเป็นคนที่ก้าวขึ้นมาเติมรุกได้อย่างยอดเยี่ยม และทำประตูได้หลายครั้ง ที่เข้าตาเลยก็คือการยิงประตูใส่ อังกฤษ นัดชิงอันดับ ช่วยให้ทีมชนะไป 2-0 กองกลาง : เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ฝรั่งเศส มิดฟิลด์ 15 ปอด ฉายานี้ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เขาอาจไม่ได้มีเทคนิคลีลาอันแพรวพราว ล็อคหลบได้แบบ ลิโอเนล เมสซี่ หรือ ยิงประตูแหลดลาญเหมือน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ ก็องเต้ มีพรสวรรค์ในแบบของเขา ที่ยากมีใครจะเลียนแบบ นั่นคือการอ่านเกมในการตัดบอล ไม่ว่าลูกฟุตบอลจะอยู่ตรงไหนของสนาม ตรงนั้นจะเห็น ก็องเต้ ได้อยู่เสมอ เขาเป็นกุญแจสำคัญนำพา ฝรั่งเศส สู่แชมป์โลก ดีไม่ดี รางวัล "บัลลง ดอร์" ปลายปีนี้ อาจะเป็นชายที่ชื่อว่า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ก็ย่อมได้ กองกลาง : ปอล ป็อกบา, ฝรั่งเศส ตัดภาพช็อตยิง "ว่าว" ในช่วงท้ายเกมที่ ฝรั่งเศส เอาชนะ โครเอเชีย 4-2 ทิ้งฝังดินลงไป แล้วมองผลงานภาพรวมของ ป็อกบา เขาทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทัวร์นาเมนต์นี้ ไม่มีเรื่องตัดผม ให้โดนแซวจากโซเชี่ยล เขามุ่งมั่นกับการพา ฝรั่งเศส ประสบความสำเร็จ และ ก็ทำได้แบบนั้นจริงๆ โดยเฉพาะการยิงอันเฉียบคมใส่ โครเอเชีย ในลูกขึ้นนำ 3-1 กองกลาง : ลูก้า โมดริช, โครเอเชีย "เดอะ แบก" ตัวจริง เสียงจริง ของ ทีมชาติโครเอเชีย ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายวัย 33 ปี จะวิ่งเป็นม้าบ้าพลัง นี่คือนักเตะคนสำคัญที่ช่วยให้ "ตาหมากรุก" สร้างประวัติศาสตร์ ผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก เป็นหนแรก ใครจะเชื่อว่า โมดริช ต้องลงเล่น 120 นาที 3 เกมติด แต่ไม่เคยเห็นเขาจะหยุดวิ่งเลยสักครั้ง ดังนั้นการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยม ประจำทัวร์นาเมนต์ "เวิลด์ คัพ 2018" เป็นเครื่องการันตีชั้นดีเลยว่า โมดริช ไร้เทียมทานมากเพียงใด แนวรุก : เอแด็น อาซาร์, เบลเยี่ยม ไม่ต้องพูดเยอะ เจ็บคอ .. นี่คือคำที่จะมอบให้กับฝีเท้าอันยอดเยี่ยมของ เอแด็น อาซาร์ นี่คือตัวรุกที่จัดจ้านเหลือเกิน โดยย้อนกลับไปในเกมที่ เบลเยี่ยม ตบ บราซิล ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย อาซาร์ โชว์ฟอร์มสุดตีน ชนิดที่ว่าเลี้ยงหลอกใคร ก็หลบมันได้หมด เรียกว่ากลบรัศมีจนหมดสิ้น สุดท้ายถึงแม้ อาซาร์ จะพา เบลเยี่ยม ได้แค่อันดับ 3 แต่นัดทุบ อังกฤษ นิ่มๆ 2-0 เขาเองก็เป็นคนซัดประตูตอกฝาโรง "สิงโตคำราม" ให้นอกชักแดดิ้น แนวรุก แฮร์รี่ เคน, อังกฤษ นับตั้งแต่มี ป้าคนหนึ่ง จะมาขอ "สโมกกี้ไบท์" แฮร์รี่ เคน ให้แบบฟรีๆ ถ้าหากยังทำประตูในรอบน็อคเอาท์ได้อย่างต่อเนื่อง จากนั้นรอบ 8 ทีมสุดท้าย เป็นต้นมา หัวหอกจากค่าย ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก็ไม่ได้ส่งบอลไปซุกตาข่ายคู่แข่งอีกเลย แต่ถ้าหากจะตัดชื่อ "เฮอร์ริเคน" ออกจากชุดทีมยอดเยี่ยม ฟุตบอลโลก 2018 ก็กระไรอยู่ เมื่อเจ้าตัวครองรางวัลดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ ด้วยจำนวน 6 ประตู แนวรุก : คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้, ฝรั่งเศส เด็กนรกแตก คำนิยามนี้ เหมาะสมที่สุดแล้วกับ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ เขาเป็นคีย์แมนคนสำคัญในการนำทัพ "ตราไก่" เถลิงแชมป์ ฟุตบอลโลก 2018 มาครอง อย่างยิ่งใหญ่ เขาฉายแววให้เห็นจากการกระชากครึ่งสนามไปยิงใส่ อาร์เจนติน่า อีกทั้งนัดชิงชนะเลิศ ก็ซัดลูก 4 แบบหลิกคู่แข่ง ด้วยการยัดเสาแรก และเป็นนักเตะวัย 19 ปี ที่ได้ชูถ้วย "เวิลด์ คัพ" สมญานาม "นิว เปเล่" ชัดๆ เพราะ เปเล่ ก็เคยเป็นแชมป์โลก ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี สำรอง : อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน (รัสเซีย), เดนิส เชอรีเชฟ (รัสเซีย), เบนฌาแมง ปาวาร์ด (ฝรั่งเศส), ติโบต์ กูร์กตัวส์ (เบลเยี่ยม), เอดินสัน คาวานี่ (อุรุกวัย)
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline