logo-heading

ย้อนกลับไปสัก 10-20 ปี สถานะการเงินในอดีตของ เอฟเวอร์ตัน ทีมชื่อดังจากเมืองเมอร์ซี่ย์ไซด์ ไม่สามารถสู้บรรดาทีมหัวแถวจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้เลย และ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำได้ตกเป็นลูกไร่ของ ลิเวอร์พูล อยู่ตลอด หากจะงัดความภูมิใจ ก็คงต้องเป็นยุค เดวิด มอยส์ กุมบังเหียน ซึ่งเคยทำอันดับเหนือกว่า "หงส์แดง" มาแล้ว

แต่สุดท้ายแล้ว มันก็แค่นั้น !!

เพราะวิธีการเสริมทัพดั้งเดิมของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" คือการใช้สอยอย่างประหยัด, ผลักดันดาวรุ่ง หรือ ไม่ก็ซื้อมาปั้น แล้วปล่อยต่อให้กับทีมอื่น ความสำเร็จจึงห่างไกลออกไปเรื่อยๆ แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป สถานะการเงินของ เอฟเวอร์ตัน ก็เปลี่ยนไป ปัจจุบัน เอฟเวอร์ตัน ไม่ใช่ทีมขี้ตืดอีกแล้ว เมื่อถลุงเงินซื้อนักเตะในระดับ 30 ล้านปอนด์ พุ่งแรงไปถึง 50 ล้านปอนด์ แบบที่พวกเราได้เห็นแล้วต้องตกอกตกใจในช่วงซัมเมอร์นี้ สงสัยกันไหมว่า "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" จู่ๆรวยขึ้นมาได้อย่างไร มีใครคอยพยุงอยู่ข้างหลัง จะมาอธิบายให้ได้ทราบกัน เอฟเวอร์ตัน ได้เจ้าของคนใหม่นามว่า ฟาฮัด โมชิริ ฟาฮัด โมชิริ คือนักธุรกิจเชื้อสายอิหร่าน เติบโตที่ประเทศอังกฤษ และ จบปริญญาจากมหาลัยชื่อดังในกรุงลอนดอน เขาเป็นคนที่บ้าฟุตบอลพันธุ์แท้ มักจะซื้อตั๋ว Vip ไปชมการแข่งขันแมตช์ต่างๆ โดยเคยถือหุ้นส่วนน้อยของ อาร์เซน่อล ก็จะขายมันทิ้งและมาฮุบกิจการ เอฟเวอร์ตัน แบบเต็มตัว เมื่อต้นปี 2016 โมชิริ ไม่ใช่นักธุรกิจเก๊ หรือ แกล้งรวยเป็นแบบของปลอมทำเหมือน แบบที่สโมสรอย่าง ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส เคยถังแตก หรืออย่าง หลี่ หยงหง อดีตเจ้าของ เอซี มิลาน ที่โดนถูกสั่งฟ้องล้มละลาย จนโดนยึดกิจการ แต่ โมชิริ พร้อมเข้ามาเปลี่ยนแปลง ทำให้ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ดีขึ้น ไม่เพียงแต่ลุ้น ยูโรปา ลีก แต่มองถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยซ้ำ

รวยจริงไม่อิงนิยาย!!สาเหตุที่ เอฟเวอร์ตัน กลายเป็นทีม 'คนมีตังค์' ฟาฮัด โมชิริ

นักธุรกิจชาวอิหร่าน วัย 63 ปี เริ่มต้น ด้วยการเคลียร์หนี้เก่า แถมยังปรับปรุงสนาม กูดิสัน พาร์ค ให้ทันสมัย และ เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกให้ดียิ่งขึ้น แต่กระนั้นที่สำคัญ โมชิริ ไม่เคยลืมขนบธรรมเนียม และ ความเป็นรกรากของ "เอฟเวอร์โตเนียน" เลยสักนิด โมชิริ รู้ดีว่าเขาเองก็ไม่ใช่ เอฟเวอร์ตัน พันธุ์แท้ อาจไม่ได้เข้ามาชมการแข่งขันทุกนัด ฉะนั้นงานสำคัญที่ต้องพูดผ่านสาธารณะชน เขาจะให้ บิลล์ เคนไรท์ ประธานสโมสร เอฟเวอร์ตัน ผู้เป็นสาวกพันธุ์แท้ ออกหน้าอยู่เสมอ เพราะ โมชิริ ไม่ชอบออกงานสังคม และเขาจะหน้าที่เหมือนคลังอาวุธ คอยนำเงินไปให้สโมสรพัฒนา เหมือนดั่งคำที่ โมชิริ เคยพูดว่า "พวกเราจะต้องเริ่มต้นไขว่คว้าความสำเร็จกันได้แล้ว" ความรวยของ โมชิริ ถึงแม้ โมชิริ จะไม่ได้มั่งคั่งรวยล้นฟ้าติดอันดับท็อปเทนของโลก แต่เขามีทรัพย์สินมากถึง 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ ช่วยให้ เอฟเวอร์ตัน กลายเป็นสโมสรรวยที่สุดในโลก ติด 20 อันดับแรก ประจำปี 2018 ทรัพย์สินของ โมชิริ นั้น มาจากการถือหุ้นส่วนน้อยๆจากการทำธุรกิจหลายๆโครงการ กับทาง อลิเชอร์ อุสมานอฟ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันถือหุ้น 30 เปอร์เซ็นต์กับ อาร์เซน่อล โดยเฉพาะกิจการยักษ์ใหญ่อย่าง Metalloinvest ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่และโลหะ ผลิตพวกเหล็กกล้าและสินแร่เหล็ก สร้างรายได้มหาศาล ตั้งแต่ โมชิริ เข้ามารั้งตำแหน่งเจ้าของสโมสร ซื้อใครมาบ้าง และ ใช้จ่ายเงินไปเท่าไหร่ ปี 2016 - มาร์เท่น สเตเคเลนเบิร์ก จาก ฟูแล่ม : 850,000 ปอนด์ - อิดริสซ่า กาน่า เกย์ จาก แอสตัน วิลล่า : 7.1 ล้านปอนด์ - แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ จาก สวอนซี ซิตี้ 9 ล้านปอนด์ - ยานนิค โบลาซี่ จาก คริสตัล พาเลซ 22.5 ล้านปอนด์ - โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน จาก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1.5 ล้านปอนด์ - อเดโมล่า ลุคแมน จาก ชาร์ลตัน แอธเลติค 7.5 ล้านปอนด์ - มอร์กาน ชไนเดอร์ลิน จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 20 ล้านปอนด์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 73.9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,100 ล้านบาท) ปี 2017 - ดาวี่ย์ คลาสเซ่น จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม : 23.6 ล้านปอนด์ - อองรี ออนเยคูรู จาก อูเปน : 6.8 ล้านปอนด์ - จอร์แดน พิคฟอร์ด จาก ซันเดอร์แลนด์ : 30 ล้านปอนด์ - ไมเคิ่ล คีน จาก เบิร์นลี่ย์ : 30 ล้านปอนด์ - ซานโดร รามิเรซ จาก มาลาก้า 5.2 ล้านปอนด์ - จอช โบว์เลอร์ จาก ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส 1.5 ล้านปอนด์ - เวย์น รูนี่ย์ จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฟรี - กิลฟี่ ซิกูร์ดสัน จาก สวอนซี ซิตี้ : 45 ล้านปอนด์ - นิโคล่า วลาซิช จาก ไฮดุ๊ค สปลิต : 10 ล้านปอนด์ - เซงค์ โตซุน จาก เบซิคตัส 21.5 ล้านปอนด์ - ธีโอ วัลค็อตต์ จาก อาร์เซน่อล 20 ล้านปอนด์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 217.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 9,122 ล้านบาท) ปี 2018 - ริชาร์ลิซอน จาก วัตฟอร์ด : 50 ล้านปอนด์ - ลูกัส ดีญ จาก บาร์เซโลน่า : 18 ล้านปอนด์ - แบร์นาร์ด จาก ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค : ฟรี - เยอร์รี่ มิน่า จาก บาร์เซโลน่า : 27 ล้านปอนด์ - อังเดร โกเมส จาก บาร์เซโลน่า : เสียค่ายืมตัว 2 ล้านปอนด์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 97 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,074 ล้านบาท) ฉะนั้นตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เอฟเวอร์ตัน ลงทุนไปมากถึง 388 ล้านปอนด์ (ไม่บวกลบกับการขายนักเตะ) สิ่งแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับ เอฟเวอร์ตัน มาก่อน เท่ากับว่า เอฟเวอร์ตัน จะไม่ต้องมานั่งลุ้นอันดับ 7 อีกแล้ว การเสริมทัพแบบนี้ สามารถตั้งเป้าหมายถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เลยด้วยซ้ำ มาดูกันว่าพวกเขาจะทำได้ดีเพียงใด
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline