logo-heading

แคมป์ สรรวัชญ์ หวังโชว์ฟอร์มเจ๋งให้ทีมชาติไทย ในทัวร์นาเมนต์ซูซูกิ คัพ ซึ่งเป็นการลงเล่นหนแรกในชีวิตของกองกลางจอมเทคนิครายนี้

สรรวัชญ์ เดชมิตร กองกลางทีมชาติไทยเปิดเผยว่า ระหว่างนี้ มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอน ได้เน้นในเรื่องของเกมรุกเป็นพิเศษ เพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนลุยศึกชิงแชมป์อาเซียน 2018 ระหว่างวันที่ 8 พฤศจิกายน - 15 ธันวาคม 2561 กองกลางจาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นขาประจำในยุค มิโลวาน ราเยวัช แต่สำหรับชิงแชมป์อาเซียน เจ้าตัวยังไม่เคยมีประสบการณ์แม้แต่ครั้งเดียว โดย สรรวัชญ์ ยอมรับว่า ด้วยเหตุนี้จึงกระหายที่จะพิสูจน์ตัวเองมากๆ “ตั้งแต่ช่วงคัดบอลโลก ที่โค้ช (มิโลวาน ราเยวัช) เข้ามา ช่วงนั้นเราเจอแต่ทีมใหญ่ๆ ทำให้โค้ชซ้อมเรื่องเกมรับเป็นพิเศษ ส่วนตัวผมยอมรับว่า อาจไม่ใช่สิ่งที่ถนัดมากเท่าไหร่ครับ แต่ในฐานะนักฟุตบอล เราก็พยายามทำให้ดีที่สุดอยู่แล้ว และเป็นเรื่องธรรมดาครับ ที่เราต้องเน้นรัดกุมไว้ก่อน เวลาเจอทีมที่เหนือกว่า” “แต่ช่วงนี้ โค้ชให้เราซ้อมเรื่องยิงประตูเป็นพิเศษ เอาจริงๆ จนถึงตอนนี้ ผมนั่งนับกับ กอล์ฟ (อดิศักดิ์ ไกรษร) น่าจะซ้อมยิงกันไปเกือบ 200 ลูกแล้ว (ยิ้ม) ในความรู้สึกผม โค้ชก็เป็นคนที่มีมิติในเกมรุกเหมือนกัน" "ดังนั้น ในการเจอทีมระดับอาเซียน ผมเชื่อว่าเราจะได้เห็นเกมรุกมากขึ้น แต่โค้ชก็ยังไม่ทิ้งเกมรับครับ เพราะต่อให้เรายิงได้ 10 ประตู แต่ถ้าเสียประตูจากความผิดพลาด 1 หรือ 2 ลูก มันก็ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกัน” “ที่ผ่านมา อย่างที่ผมบอก เวลาเจอทีมใหญ่ๆ สิ่งที่โค้ชเน้นเป็นพิเศษคือเรื่องเกมรับ ทำให้ผมยังไม่ได้เล่นในสไตล์ที่ตัวเองถนัดเลย" "ดังนั้นในรายการนี้ ผมรู้สึกกระหายที่จะลงเล่นมากๆ มันเป็นครั้งแรกของผม ผมอยากเจอทีมอย่าง อินโดนีเซีย , สิงโปร์ หรือ เวียดนาม ผมอยากพิสูจน์ตัวเองในระดับอาเซียนให้ทุกคนเห็นว่า ผมดีพอหรือเปล่า ซึ่งถ้าผมไม่ดีพอ ผมก็น้อมรับทุกคำวิจารณ์อยู่แล้ว” “ส่วนตัวผมติดตามฟุตบอลในระดับอาเซียนอยู่บ้าง เท่าที่เคยดู เวลาอุ่นเครื่องกัน ผมก็รู้สึกว่าทุกทีมก็เล่นกันปกติ แต่เวลาใครเจอไทย เหมือนทุกทีมอยากเอาชนะหมด เพราะอะไรผมก็ไม่รู้" "ขนาดฟุตบอลเยาวชน ที่เราไปเล่นที่อินโดนีเซีย เตะที่สนามเสนายัน แฟนบอลยังเข้ามาถึง 6-7 หมื่นคน ผมยังสงสัยเลยว่า นี่หรอฟุตบอลเด็ก มันแสดงให้เห็นว่า ทุกทีมอยากโค่นเราจริงๆ ดังนั้น ผมมองว่า มันก็เป็นเรื่องที่ท้าทาย และผมเชื่อเลยว่า ไม่มีเกมไหนที่ง่าย” “อย่างนัดแรก ที่เราเจอติมอร์ ผมว่าพวกเขามาเกินร้อยแน่นอน เขาอาจคิดว่าการเจอไทย เปรียบเสมือนนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งเมื่อเป็นแบบนั้น เราก็ต้องคิดเหมือนกัน ก่อนเกมเราเหนือกว่า ตอนลงไป เราก็ต้องแสดงให้เห็นว่าเราเหนือกว่าจริงๆ เราต้องอย่าให้คู่แข่งเล่นได้สะดวก ประมาณ 60-70 นาที เราต้องพยายามปิดเกมให้ได้แล้ว” นอกจากนี้ กองกลางวัย 29 ปี ยังกล่าวต่อไปอีกว่า “ผมรู้แฟนบอล กังวลที่ไม่มี 4 คนนั้น (กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ , ธีรศิลป์ แดงดา , ธีราทร บุญมาทัน และ ชนาธิป สรงกระสินธ์) แต่ผมเชื่อว่า ยังมีนักฟุตบอลชาวไทยที่เก่งๆ อีกเยอะ ถ้าผมไม่ติด ผมก็คิดว่า ยังมีอีกหลายคน ที่มาเล่นตำแหน่งนี้ได้" "ดังนั้น มันขึ้นอยู่กับโอกาส และ ผลงานในระดับสโมสรมากกว่า อีกอย่าง ผู้เล่นชุดนี้ ก็มีผู้เล่นจากชุดเก่าหลงเหลือแค่ไม่กี่คน ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่า โค้ชดูจากผลงานในปัจจุบันจริงๆ และอีกมุม เหมือนที่ผมบอก มันตอกย้ำว่า เรายังมีตัวเลือกที่ดีๆ อีกเยอะ” “ขณะเดียวกัน แน่นอนว่า การที่ไม่มี 4 ผู้เล่นเหล่านั้น มันก็เป็นเรื่องที่ท้าท้ายสำหรับทีม รวมถึงตัวผมด้วย เพราะอย่างที่บอก ผมอยากมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองในระดับอาเซียนมากๆ" "แต่ถ้าผมมีโอกาสลงไปเล่น ผมจะไม่พยายามคาดหวังกับตัวเองผมมากนัก เพราะผมอยากลงไปเล่น ด้วยความรู้สึกที่เหมือนอยู่กับ แบงค็อกฯ สิ่งสำคัญที่สุด ผมอยากดึงตัวตนของผม ออกมาให้ได้มากที่สุด และแสดงให้ทุกคนเห็นว่า ผมเล่นได้” “ส่วนเรื่องแรงกดดัน ผมว่ามันมีอยู่แล้ว ดังนั้นผมอยากบอกแฟนบอลว่า อย่าให้เราลงไปเล่น ด้วยความกดดันที่มากขึ้นอีกเลย เหมือนอย่างบางครั้ง เวลาเราอยู่ในสนาม เราอยากทำนู่นทำนี่ แต่สุดท้ายเราไม่กล้าเล่น ไม่กล้าทำ เพราะกลัวโดนด่า ซึ่งผมว่ามันไม่ใช่เรื่องดีหรอก ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้ทุกคน เป็นกำลังใจให้เรามากกว่า” “ยืนยันว่าตรงนี้เลยว่า ผม , เพื่อนร่วมทีมทุกคน และสตาฟฟ์โค้ช จะพยายามทำงานร่วมกันให้หนักที่สุด และ ผมเชื่อว่า ในเมื่อเราเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว จากที่เราเป็นทีมที่แข็งแกร่ง เราจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก ก็หวังว่า เราจะประสบความสำเร็จไปพร้อมๆ กันครับ” สรรวัชญ์ ทิ้งท้ายด้วยความมุ่งมั่น  
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline