logo-heading

กองกลางทีมชาติไทย เปิดใจหลังย้ายจาก ทรู แบงค็อก มาอยู่กับ การท่าเรือ เอฟซี ในฤดูกาล 2019 ยืนยันจะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด พร้อมเปรียบตนเองว่าเป็นเสมือน ‘รถไฟขบวนสุดท้าย’

กองกลางวัย 32 ปี โชว์ฟอร์มได้พีคสุดในชีวิตค้าแข้ง เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา เมื่อยิงไปถึง 12 ประตู และ 8 แอสซิสต์ นอกจากเป็นผู้เล่นไทยที่ทำประตูได้มากที่สุดในลีกแล้ว ‘สุมัญญา’ ยังคว้าตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2018 ไปครอง “ท่าเรือ เป็นทีมที่ดีครับ และเป็นหนึ่งในทีมใหญ่ ที่มีลุ้นแชมป์ต่างๆ ในฤดูกาลนี้ ดังนั้น ส่วนตัวผมดีใจครับ ที่มีโอกาสเข้ามาช่วยทีม ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด และหวังว่าเราจะทำให้บรรยากาศลุ้นแชมป์สนุกมากขึ้นครับ” “แฟนบอล ท่าเรือ เป็นอะไรที่วิเศษมากๆ สำหรับผม และในฐานะนักฟุตบอล ผมเชื่อว่าทุกคนก็อยากลงเล่นท่ามกลางกองเชียร์ที่เยอะๆ อยู่แล้ว ก็ถือเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ผมเลือกมาอยู่ที่นี่ และหวังว่าแฟนบอลท่าเรือ จะคอยสนับสนุนผม รวมถึงเป็นกำลังใจให้ผมด้วยครับ” นอกจากนี้ สุมัญญา ยังกล่าวต่อว่า “ปีที่แล้ว มันเป็นปีที่ดีมากๆ สำหรับผม แต่ก็ไม่ได้เอามากดดันอะไร ในการย้ายทีมครั้งนี้ครับ ผมเข้าใจว่าทุกคนคาดหวัง แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น สิ่งแรกที่ผมต้องทำ คือต้องพยายามปรับตัวเข้ากับทุกสิ่งทุกอย่างที่ ท่าเรือ ให้ได้ก่อน จากนั้น ผมก็จะพยายามทำงานหนักเหมือนเดิม อย่างน้อย ถ้าผลงานผมไม่ดีขึ้น ก็ต้องไม่ดร็อปลงกว่าเดิม ที่สำคัญ ผมจะพยายามพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า เรื่องอายุ ไม่ใช่อุปสรรค ถ้าเรามีความพยายามมากพอ” “เบื้องต้น ผมยังไม่มีโอกาสคุยกับทีม ว่าตั้งเป้าหมายไว้อย่างไร แต่ส่วนตัว ก็อย่างที่บอกครับ ผมต้องพยายามปรับตัวเข้ากับทีมให้เร็วที่สุดก่อน และจะพยายามช่วยทีมให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้” “ตอนนี้ ผมก็เปรียบเสมือนรถไฟขบวนสุดท้าย ทุกๆโอกาสที่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นในระดับสโมสร หรือทีมชาติ ผมจะพยายามไขว่คว้ามัน และทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด ก็หวังว่า มันจะเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีสำหรับผม และ สุดท้ายนี้ ผมอยากขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสร ทรู แบงค็อกฯ ทุกประตู , ทุกแอสซิสต์ หรือทุกรางวัลที่ผมได้มา จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าไม่มีทุกคน คอยสนับสนุนและช่วยเหลือ” “ผมอยากขอบคุณอีกครั้ง จากใจจริงๆ ครับ” ปัจจุบัน สุมัญญา ปุริสาย อยู่ระหว่างช่วยทีมชาติไทย ลุยศึกเอเชียนคัพ 2019 รอบสุดท้าย ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ระหว่างวันที่ 5 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์นี้
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline