ประกาศรีไทร์ปิดฉาก 28 ปี ในอาชีพโค้ชลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับกุนซือจอมปรัชญา หลุยส์ ฟาน กัล หลังเตะฝุ่นไร้งานมานาน 3 ปี นับตั้งแต่แยกทางกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2016
โดยตลอดเวลา 28 ปี "จารย์หลุยส์" ได้คุมยอดทีมเยอะยะมากมาย และคว้าแชมป์มาประดับบารมีเพียบ ทั้งกับ อาแจ็กซ์, บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค, แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เว้นแม้กระทั่งพา อาแซด อัลค์มาร์ คว้าแชมป์ลีก รวมไปถึง การพาทีมชาติฮอลแลนด์ คว้าอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2014 ด้วย
และแน่นอนคร่ำหวอดในวงการมานาน ก็ย่อมมีลูกศิษย์เยอะแยะ และนี่คือ 10 นักเตะที่ได้มีทุกวันนี้ได้เพราะ หลุยส์ ฟาน กัล
10.ยารี่ ลิตมาเน่น
ฤดูกาล 1992/93 ฟาน กัล ดึงตัว ลิตมาเน่น ที่ตอนนั้นอายุ 22 ปี จาก ไมปา ทีมในลีกฟินแลนด์มาอยู่กับ อาแจ็กซ์ ซึ่งก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับนักเตะรายนี้ เหมือนซื้อมาเป็นอะไหล่ ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ทำให้ส่วนใหญ่เจ้าตัวจะได้ลงเล่นให้ทีมสำรองมากกว่า แต่โชคชะตาก็มาเข้าข้างเขา เมื่อ เดนนิส เบิร์กแคมป์ แนวรุกตัวหลักของทีมเกิดเจ็บ ทำให้ ลิตมาเน่น ได้โอกาส และดันทำผลงานไดีดีเข้าตา ฟาน กัล ประกอบกับตอนนั้น เบิร์กแคมป์ ก็กำลังจะย้ายไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน ด้วย
ทำให้ จารย์หลุยส์ ตัดสินใจประกาศออกสื่อว่า ลิตมาเน่น นี่แหละจะเป็นตัวตายตัวแทนของ "ดิ ไอซ์เบิร์ก" ตอนนั้นมีแต่คนขำกลิ้ง ไม่มีใครเชื่อ เพราะ เบิร์กแคมป์ นี่โคตรเทพ ส่วน ลิตมาเน่น เป็นเด็กฟินแลนด์ที่ซื้อมาไว้เป็นอะไหล่เท่านั้น แต่ ฟาน กัล ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขามองคนไม่ผิด ฤดูกาล 1993/94 ลิตมาเน่น ซัดไป 36 ประตู จากการลงเล่น 39 นัด พาทีมคว้าแชมป์ลีก พร้อมรับตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุด!
9.เอ็ดก้าร์ ดาวิดส์
อดีตกองกลางเจ้าของเอกลักษณ์ใส่แว่นลงเล่น เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ อาแจ็กซ์ และได้ลงเล่นชุดใหญ่ครั้งแรกตอนอายุ 18 ปี เมื่อฤดูกาล 1991/92 ซึ่งตอนนั้นก็เป็น ฟาน กัล นี่แหละที่กุมบังเหียนอยู่ ฝึกปรือฝีเท้าภายใต้การสอนของ จารย์หลุยส์ ได้ 5 ฤดูกาล ก็ย้ายไปโด่งดังกับทีมยักษ์ใหญ่ ไล่ตั้งแต่ เอซี มิลาน, ยูเวนตุส, บาร์เซโลน่า, อินเตอร์ มิลาน และ สเปอร์ส เป็นต้น
นอกจากนี้ฉายา "เดอะ พิทบลูส์" ของเขาก็ได้มาจากการตั้งให้ของ ฟาน กัล อีกด้วย เพราะ กุนซือชาวดัตซ์ มองว่ามีลีลาการเล่นที่ดุดันไล่กัดไล่งับเก่งเหมือน หมาพันธ์พิทบลูส์ นั่นเอง
8.ชาบี เอร์นานเดซ
ชาบี ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ หลุยส์ ฟาน กัล มอบโอกาสให้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ บาร์เซโลน่า เมื่อฤดูกาล 1998/99 ก่อนจะก้าวไปเป็นตำนานของ "เจ้าบุญทุ่ม" โดยฤดูกาลแรกที่เปิดซิงกับชุดใหญ่ ฟาน กัล ส่ง ชาบี ลงสนามไป 26 นัด ซึ่งเจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มได้ดีมาก จนได้รับรางวัลนักเตะหน้าใหม่ยอดเยี่ยมประจำปีจาก "ดอน บาลอน" สื่อดังแดนกระทิงดุ
หลังจากนั้นฤดูกาลถัดมา ฟาน กัล ก็ใช้ ชาบี เป็น มิดฟิลด์ตัวหลักของทีม เนื่องจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เป็นตัวจริงในตำแหน่งนี้ มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยๆ
7.มาร์คัส แรชฟอร์ด
แม้ ฟาน กัล จะจบกับ แมนฯ ยู ไม่สวยนัก แถมโดนแฟนบอลร้องยี้ไล่อยู่เสมอ ตอนคุมทีม แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด คือมรดกอันยอดเยี่ยมที่ จารย์หลุยส์ ทิ้งเอาไว้ให้ ปีศาจแดง เพราะลุงแกนี่แหละที่เห็นเพชรเม็ดงามเม็ดนี้ ให้โอกาสเปิดซิงลงเล่นในทีมชุดใหญ่เมื่อฤดูกาล 2015/16 ซึ่ง แรชฟอร์ด ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม จัดไป 8 ประตู จากการลงเล่น 18 เกม
จากการให้โอกาสของ ลุงหลุยส์ ในวันนั้น ก็ทำให้ แรชฟอร์ด ในวันนี้ก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของทัพ "ปีศาจแดง" เรียบร้อยแล้ว และ หนูแรช ก็ไม่พลาดที่จะอวยพรผู้ให้โอกาสลงเล่นผ่านทวิตเตอร์ โดยระบุว่า "ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้ผม และเชื่อมั่นในตัวผมเสมอ ขอให้สนุกกับช่วงเวลาหลังการรีไทร์นะ บอส"
6.คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ
หนึ่งในมิดฟิลด์ระดับตำนานของทีมชาติฮอลแลนด์ ได้รับโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ อาแจ็กซ์ เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1992 ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวมีอายุแค่ 16 ปี กับอีก 242 วันเท่านั้น และคนที่มอบโอกาสที่ไม่มีวันลืมนี้ให้กับ เซดอร์ฟ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน จารย์หลุยส์ นี่แหละ
โดยฤดูกาลแรกได้ลงเล่นไป 18 นัด ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับเด็กอายุแค่ 16 ปี จากนั้นก็ค่อยๆ ยึดตัวจริงได้ในฤดูกาลถัดไป
5.บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์
หนึ่งในลูกรักเบอร์ต้นๆ ของ หลุยส์ ฟาน กัล ที่ครั้งนึงเขาเคยยกให้ "ชไวนี่" เป็น 1 ใน 5 ลูกทีมที่ดีที่สุด นับตั้งแต่เคยคุมทีมมา ฉะนั้นก็ไม่น่าแปลกใจที่พอสบช่องก็ทาบทามมาร่วมงานกันอีกครั้ง ตอนคุม แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะตอน นั้น ชไวน์สไตเกอร์ เองก็อยากออกจาก บาเยิร์น มิวนิค เพื่อหาความท้าทายใหม่เช่นกัน
แต่หลายคนอาจเถียงในใจ เอ๊ะ ชไวนี่ มันเริ่มเล่นให้ชุดใหญ่ของ บาเยิร์น มาตั้งแต่ปี 2002 หนิ แต่ ลุงหลุยส์ เพิ่งมาคุม "เสือใต้" ตอนปี 2009 แถมตอนนั้น ชไวน์สไตเกอร์ ก็เริ่มโด่งดังแล้ว แต่คงไม่ถึงขั้นระดับโลกหากไม่ได้ ฟาน กัล เข้ามาปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้ โดยตอนนั้น บาสตี้ เล่นตำแหน่งปีกซ้าย ที่คอยกระชากลากเลื้อยและตัดเข้าใน แต่เหมือน จารย์หลุยส์ เห็นอะไรสักอย่าง มาถึงก็เปลี่ยนให้มาเล่นกลางรับ และดันทำได้ดีเชี่ยๆ จนขึ้นชั้นกลายเป็นตำนานของทัพ "เสือใต้" และทีมชาติเยอรมัน ในตำแหน่งนี้ไปเลย
4.แพทริค ไคลเวิร์ต
นี่ก็เป็นตำนานอีกหนึ่งคน ที่ได้เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งจากการให้โอกาสของ ฟาน กัล ย้อนไปในฤดูกาล 1994/95 ด้วยวัย 18 ปี ไคลเวิร์ต ลงเล่นไป 36 นัด ซัดถึง 21 ประตู และไฮไลท์สำคัญที่สุดที่ทำให้เขาถูกพูดถึงอย่างมาก จนกลาย เป็นดาวรุ่งที่ถูกจับตามองมากที่สุดในยุคนั้น คือการลงเล่นเป็นตัวสำรองในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และซัดประตูโทนในช่วงท้ายเกมช่วยให้ อาแจ็กซ์ เอาชนะ เอซี มิลาน 1-0 คว้าแชมป์ยุโรปมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่
ฟอร์มดีแบบนี้มีหรอจะอยู่ได้นาน ปี 1997 ก็โดน เอซี มิลาน กระชากไปร่วมทีม อยู่กับ มิลาน ได้ฤดูกาลเดียว บาร์เซโลน่า ก็ปิ๊งปั๊งทุ่ม 8.75 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่ามากอยู่ในยคนั้นดึงตัวมาล่าตาข่ายให้ จนสุดท้ายก็กลายเป็น 1 ใน ตำนานกองหน้าของ "เจ้าบุญทุ่ม"
3.อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
ทันทีที่ จารย์หลุยส์ ประกาศรีไทร์ มาร์กซิยาล คือนักเตะรายแรกๆ เลยที่ออกมาโพสต์ขอบคุณผ่านโลกโซเชียล โดยระบุว่า "ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับโค้ช! นับเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้เรียนรู้หลายอย่างจากคุณ!" ซึ่งต้องยอมรับตามตรงว่าหากตอนนั้น ฟาน กัล ไม่กล้าบ้าทุ่มเงิน 58 ล้านปอนด์ รวมออปชั่น ซื้อเด็กอายุแค่ 19 ปี จาก โมนาโก มาร่วมทัพ "ปีศาจแดง" มาร์กซิยาล อาจไม่ได้ดิบได้ดี มีตังค์ใช้ มีชื่อเสียงเฉกเช่นทุกวันนี้
น่าเสียดายที่ ลุงอ้วนปรัชญา มีโอกาสได้ใช้งาน น้องหมาก แค่ฤดูกาลเดียว แต่ก็เป็นฤดูกาลเดียวที่มีค่าอย่างยิ่งต่ออาชีพค้าแข้งของเขา เพราะได้รับโอกาสจาก ฟาน กัล ส่งลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ และส่วนใหญ่ก็ได้เป็นตัวจริงด้วย โดยฤดูกาล 2015/16 เขาลงเล่นไปทั้งสิ้น 49 นัด ซัด 17 ประตู และเป็นส่วนสำคัญช่วยให้ "ปีศาจแดง" คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จ
2.การ์เรส ปูโยล
ปูโยล อาจไม่ได้กลายเป็นตำนานของสโมสร บาร์เซโลน่า เหมือนทุกวันนี้ก็เป็นได้ หากไม่มีชายที่ชื่อ หลุยส์ ฟาน กัล นั่นก็เพราะ ฟาน กัล นี่แหละที่เป็นคนให้โอกาส ปูโยล ลงเปิดซิงในทีมชุดใหญ่ของ "เจ้าบุญทุ่ม" เมื่อปี 1999 และไม่ใช่ใช้แค่ 3-4 เกม แต่ ลุงหลุยส์ จับเด็กน้อยวัยแค่ 19 ปี ลงเล่นมากถึง 37 เกม ในฤดูกาลนั้น
ครั้งนึง ปูโยล ที่เล่นให้ บาร์เซโลน่า แค่สโมสรเดียวจนแขวนสตั๊ด เคยได้ให้สัมภาษณ์ถึง กุนซือชาวดัตซ์ว่า "เขาเป็นมืออาชีพมาก และเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม ถ้าไม่ใช่เพราะเขา บางทีผมอาจจะไม่มีโอกาสลงเล่นให้ชุดใหญ่ของ บาร์เซโลน่า เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นผมต้องขอบคุณเขาจริงๆ ที่ทำให้ผมมีทุกวันนี้"
1.โทมัส มุลเลอร์
มุลเลอร์ ถือเป็นอีกหนึ่งมรดกอันล้ำค่าที่ ฟาน กัล ทิ้งไว้ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค เพราะเขานี่แหละที่เป็นคนดัน มุลเลอร์ ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ในฤดูกาล 2008/09 ก่อนจะยึดตำแหน่งตัวจริงเต็มตัวในฤดูกาลถัดมา ลงเล่นไปมากถึง 52 นัด ซัด 19 ประตู กับอีก 16 แอสซิสต์ โดยต้องชม จารย์หลุยส์ เลยที่กล้าให้เด็กวัยแค่ 19 ปี ขึ้นมาเป็นตัวจริงในทีมใหญ่ระดับ "เสือใต้" และตอนนั้นตำแหน่งที่ มุลเลอร์ ได้รับมอบหมายนั้นก็มีทั้ง ปีกขวา, ปีกซ้าย และ หน้าต่ำ เรียกว่าสารพัดประโยชน์ และมีประโยชน์มากจริงๆ
ครั้งนึง มุลเลอร์ เคยให้สัมภาษณ์ถึงอดีตเจ้านายเก่าคนนี้เอาไว้ว่า "เมื่อพูดถึงโค้ชคนไหนมีส่วนสำคัญกับผมมากที่สุดคนนั้นก็คือ ฟาน กัล เขาพาผมมาถึงจุดนี้ เขาเป็นคนที่เชื่อใจพร้อมให้ผมลงสนามอย่างต่อเนื่อง มันยากนะสำหรับ ผู้เล่นที่จะเลือกว่าโค้ชคนไหนดีที่สุด แต่ถ้าจะให้พูดถึงคนที่มีส่วนสำคัญกับผมมากที่สุดนั่นก็คือ หลุยส์ ฟาน กัล แน่นอน"
"ชิน ชินพัฒน์"
