logo-heading

วิเคราะห์สาเหตุปละปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ผลงานของทีมชาติไทย ทั้งชุดใหญ่ในฟุตบอลคิงส์ คัพ และ ชุดเล็กในเมอร์ไลออน คัพ ที่สิงคโปร์ ถึงมีผลงานและฟอร์มการเล่นที่น่าผิดหวัง

หลังจบเกมฟีฟ่าเดย์ ในช่วงเดือนมิถุนายน ของทีมชาติไทย ทั้งสองชุด ในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 47 ของทีมช้างศึก ชุดใหญ่ และ ฟุตบอลเมอร์ไลออน คัพ 2019 ของทีมช้างศึก ยู23 ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยชุดใหญ่ของเราแพ้รวด 2 เกมต่อ เวียดนาม 0-1 และอินเดีย 0-1 ในนัดชิงที่สาม คว้าบ๊วยของการแข่งขัน ขณะที่ยู 23 ก็ได้รองแชมป์ที่เมืองลอดช่อง แต่เป็นรองแชมป์ที่ผลงานก็ต้องยอมรับว่าน่าผิดหวังเช่นกัน เราลองมาดูสิว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ทีมชาติไทย ทั้งสองชุดผลงานถึงน่าผิดหวังเช่นนี้

ทีมชาติไทย ชุดใหญ่

ผ่าฟอร์มทีมชาติไทย ชุดใหญ่,ชุดเล็ก ทำไมถึงฟอร์มบู่ในเกมฟีฟ่าเดย์ 1.การเรียกตัวผู้เล่น เรื่องแรกน่าจะเป็นการเรียกตัวผู้เล่น ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากแฟนบอลตั้งแต่เห็นรายชื่อ 23 คนสุดท้าย เพราะว่าส่วนใหญ่เป้นหน้าเดิมๆ ที่ไม่ได้มาจากผลงานในการลงเล่นกับต้นสังกัดเป็นหลัก ซึ่งสำหรับผมเองรู้สึกเฉยๆ กับการเรียกตัวในตอนแรก เพราะคิดว่าโค้ช ก็คงมีเหตุผลของตัวเอง และคิดดีแล้วว่านักเตะที่เรียกว่านั้นพร้อมใช้งานที่สุด แต่เมื่อผลงานออกมาแบบนี้ ก็ต้องยอมรับว่านักเตะที่เรียกมานั้นไม่ตอบโจทย์ และทำผลงานได้น่าผิดหวัง ซึ่งบางทีถ้าเรียกตัวตามผลงานนักเตะที่เล่นอยู่ในลีก อาจจะทำให้ทีมชาติไทยเล่นดีกว่านี้ก็เป็นได้ 2.การจัดทัพในแต่ละเกม มาว่ากันที่เรื่องการจัดทัพ ก็ต้องกลับไปที่ข้อแรกอีกนั่นแหละ คือ "โค้ชโต่ย" เน้นให้แกนหลักเป็นนักเตะตัวที่คุ้นเคย รวมทั้งระบบที่เราทำได้ดีก่อนหน้านี้คือ 3-5-2 แต่ก็ต้องบอกว่ามันไม่เวิร์ค เกมแรกกับเวียดนาม ส่วนตัวผมคิดว่าระบบ 3-5-2 เมื่อมันไม่เวิร์ค สู้เวียดนามไม่ได้ในเกมตรงกลาง ครึ่งหลังก็ควรจะเปลี่ยนแผน และแนวรุกที่ส่งไปแต่แรกคือเด็กอายุ 20 กับ 21 ปี ซึ่งมันยังฝากความหวังไม่ได้ขนาดนั้น เมื่อดูแล้วไม่เข้าท่า แทนที่จะใช้บริการตัวมีประสบการณ์อย่าง สุรชาติ สารีพิมพ์ หรือ อดิศักดิ์ ไกรษร แต่สุดท้ายก็เลือกส่ง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา เด็กวัย 16 ปี ลงไปทำสถิติ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ก็น่าเห็นใจตรงที่เรามาโดนช่วงท้ายเกม แต่โดยรวมก็ต้องบอกว่ารูปเกมสู้เวียดนามไม่ได้ และมาถึงเกมกับอินเดีย ก็คิดว่าจะมีการปรับทัพมากกว่านี้ โดยเฉพาะในแดนกลางที่น่าจะลองให้โอกาส ศิวกร จักขุประสาท หรือคนอื่นๆ ที่เรียกตัวมาได้ลงสนามมากว่านี้ 3.ไม่มี เมสซี่เจ การขาดนักเตะคนสำคัญอย่าง "เมสซี่เจ" ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้ทีมชาติไทย ชุดนี้เล่นไม่ออก แต่มันไม่ใช่ข้ออ้างอย่างที่ "โค้ชหนุ่ย" เฉลิมวุฒิ สง่าพล บอกไว้ ในเมื่อรู้ว่าไม่มีนักเตะตัวหลักที่เล่นได้ดีกับระบบนี้ ก็ควรจะลองเล่นแบบอื่น หรือหาตัวแทนมาแทนที่ เมสซี่เจ ให้ได้ เพราะฟุตบอลเราไม่สามารถที่จะฝากความหวังไว้ที่นักเตะคนเดียวได้ตลอด 4.ขาดแรงจูงใจ เรื่องของแรงจูงใจก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แฟนบอลรู้สึกได้ ว่านักเตะดูจะเหนื่อยๆ และไม่มีความหึกเหิม เหมือนกับตอนที่ไปเล่นกับจีน หรือในเอเชียน คัพ ก่อนหน้านี้ ถ้าเทียบกับนักเตะเวียดนาม ต้องบอกตามตรงว่าเราสู้ไม่ได้เลยเรื่องความมุ่งมั่น ทั้งๆ ที่เขามาเล่นต่างแดน แต่กลับเต็มที่และอยากจะเป็นผู้ชนะมากกว่าเราเสียอีก 5.ความไม่พร้อม การเตรียมทีมก่อนจะมาลุยคิงส์ คัพ จพว่าพร้อมก็พูดได้ไม่เต็มปาก จะบอกว่าไม่พร้อมมันก็ไม่พร้อมนั่นแหละ เพราะกว่าที่ทีมของเราจะรวมตัวกันครบทั้งทีมบอลก็จะเตะอยู่แล้ว มีเวลาซ้อมร่วมกันได้ไม่กี่วัน บวกกับนักเตะก็ล้ามาจากในลีก บางคนเพิ่งเดินทางมาจากต่างประเทศอีก บางคนผลงานในลีกไม่ดี สภาพจิตใจก็ไม่พร้อม มันก็เลยเป็นความไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน ผลงานก็ออกมาอย่างที่เห็น

ทีมชาติไทย ยู 23

ผ่าฟอร์มทีมชาติไทย ชุดใหญ่,ชุดเล็ก ทำไมถึงฟอร์มบู่ในเกมฟีฟ่าเดย์ ขยับมาดูที่ทีมชุดเล็กกันบ้าง ในการไปลุยศึกเมอร์ไลออน คัพ ที่สิงคโปร์ แม้จะได้รองแชมป์มา แต่ก็เล่นได้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ 1.กาม่า ทำทีมส่งท้าย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันคือทัวร์นาเม้นท์ส่งท้ายของ กาม่า หรือเปล่า ทำให้เขาอาจจะไม่ได้ซีเรียสกับผลการแข่งขันมากนัก เหมือนทำให้มันจบๆ ไป แต่โอเคละว่าในฐานะที่เขาเป็นมืออาชีพ ก็คงเต็มที่ แต่ก็อดคิดไม่ได้ เพราะใจไม่ได้อยากจะมาคุมรายการนี้อยู่แล้ว ซึ่งเท่าที่ดูสองเกม ทีมชาติไทยไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่งเลย 2.ตัวหลักไม่ครบ โอเคละว่าในรายการนี้อาจจะเป็นการเน้นลองตัวผู้เล่นหน้าใหม่ และคนอื่นๆ ที่ไม่ค่อยได้มาติดทีมชุดนี้เป็นส่วนใหญ่ เนื่องด้วยขาดตัวหลักที่ต้องส่งให้กับชุดใหญ่ทั้ง ศุภชัย ใจเด็ด, สุภโชค สารชาติ และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา รวมทั้ง วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ก็ไม่ได้มาด้วย พอนักเตะมันไม่ได้เล่นด้วยกันบ่อยๆ นานๆ มารวมทีมกันที ก็เป็นอย่างที่เห็น 3.ระบบการเล่น อีกเรื่องคือระบบการเล่น ที่ดูจะไม่มีแผนการเล่นตายตัว และลองระบบที่หลากหลายของ กาม่า ทำให้นักเตะก็สับสน และเล่นไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน เหมือนเล่นไปตามเกม ตามจังหวะ ได้ก็ทำ ไม่ได้ก็รอจังหวะไปเรื่อยๆ ยิ่งในนัดชิงชนะเลิศ ตอนที่ตามอยู่ 0-1 มีเวลาแก้ตัวกว่า 50 นาที แต่ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น แทบไม่มีลูกหวาดเสียวเลย มีแต่เตะขึ้นไปข้างหน้า ให้เก็บบอลกันเอาเอง ซึ่งดูแล้วมันไม่ใช่ เอาเป็นว่าถ้าเป็นแบบนี้ บอกเลยว่าแชมป์ซีเกมส์คงยาก และศึกชิงแชมป์เอเชีย ปีหน้าที่จะเป็นเจ้าภาพ อาจจะตกรอบแรก ถ้าเล่นได้แค่นี้ ทั้งหมดทั้งมวลไม่ได้จะโจมตีทีมชาติไทยหรือใครคนใดคนนึงเพียงแต่วิพากษ์วิจารณ์ไปตามผลงานที่ออกมา และยืนยันว่าเราไม่ได้ต้องการเห็นทีมชาติไทยชนะได้ทุกนัด แต่อยากเห็นการเล่นที่สวยงาม มีรูปแบบ และใจสู้มากกว่านี้ ก้หวังว่าจากนี้เราจะนำข้อผิดพลาดไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้มันดีขึ้นหลังจากนี้ 
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline