logo-heading

โบกมือบ๊ายบายโลกลูกหนังไปอีกคนแล้ว สำหรับ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ยอดมิดฟิลด์ดัตซ์แมน ปิดฉาก 17 ปีในอาชีพค้าแข้ง ซึ่งแน่นอนว่าย่อมต้องมีโมเม้นท์ต่างๆ ที่น่าสนใจ หรือน่าจดจำมากมาย วันนี้ "ขอบสนาม" จึงขอพาไปย้อนรอยกันหน่อยว่ามีอะไรกันบ้าง

1.เปิดซิงกับ อาแจ็กซ์ หลังจาก 11 ปีในทีมเยาวชนของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมส์ ช่วงเวลาที่ สไนเดอร์ รอคอยก็มาถึง นั่นคือการได้ลงเล่นในฐานะนักเตะอาชีพเป็นนัดแรกกับ อาแจ็กซ์ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2003 ในเกมที่ไล่ถล่ม วิลเลี่ยน ทเว ไป 6-0 ประตู หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆ แทรกซึมและยึดตำแหน่งตัวจริงได้สำเร็จ และกลายเป็นกำลังหลักของทีมตลอด 5 ฤดูกาล ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ในปี 2007 ด้วยค่าตัว 27 ล้านยูโร ทิ้งสถิติลงเล่นให้ อาแจ็กซ์ 180 นัด ซัด 58 ประตู 2.ติดทีมชาติฮอลแลนด์ครั้งแรก ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เล่นให้กับ อาแจ็กซ์ ทำให้เด็กหนุ่มวัย 19 ปี ถูก ดิ๊ก อั๊ตโวคาท กุนซือทีมชาติฮอลแลนด์ในตอนนั้น เรียกตัวติดทีมชุดใหญ่ และได้ลงเปิดซิงติดธง ในเกมอุ่นเครื่องกับ ทีมชาติโปรตุเกส เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2003 โดยการลงมาเป็นตัวสำรองแทน ฟิลลิป โคคู ในช่วงครึ่งหลัง 3.ชีวิตที่ เรอัล มาดริด ฤดูกาลแรกของ สไนเดอร์ กับ เรอัล มาดริด ถือว่าเป้นไปได้อย่างสวยงามและราบรื่น เขาทำประตูได้ตั้งแต่นัดแรกที่ลงเล่นใน ลา ลีกา โดยเป็นการซัดใส่คู่อริร่วมเมืองอย่าง แอตเลติโก มาดริด แถมยังเป็นประตูชัยช่วยให้ทีมเก็บ 3 คะแนนได้อีกด้วย สุดท้ายก็ซัดในลีกไป 9 ประตู ช่วยให้ "ราชันชุดขาว" คว้าแชมป์ลีกมาครองได้สำเร็จ ทว่าฤดูกาลถัดมาอาการบาดเจ็บเริ่มเข้ามารบกวน และทำให้ฟอร์มของ สไนเดอร์ ดรอปลงไป บวกกับมีการเปลี่ยนแปลงในบอร์ดบริหารของ เรอัล มาดริด ด้วย ซึ่งท้ายสุดเจ้าตัวก็ไม่เป็นที่ต้องการของบอร์ดชุดใหม่ จึงโดนขายทิ้งให้ อินเตอร์ มิลาน ปิดฉาก 2 ปี กับ "ราชันชุดขาว" 4.ชีวิตที่ อินเตอร์ มิลาน ค่าตัว 15 ล้านปอนด์ ที่ อินเตอร์ มิลาน ควักให้ เรอัล มาดริด แลกกับ สไนเดอร์ ถือว่าถูกเป็นขี้เลย หากเทียบกับผลงานระดับขึ้นหิ้งของ ดาวเตะทีมชาติฮอลแลดน์ ที่ฝากไว้กับ "ไอ้งูใหญ่" เพราะพี่แกคือกำลังสำคัญของทีมในยุคที่ โชเซ่ มูรินโญ่ คุมทัพ และพาทีมกวาดแชมป์มามากมาย โดยเฉพาะฤดูกาล 2009/10 ที่คว้า "ทริปเปิ้ล แชมป์" มาครอง (สคูเด็ตโต้, โคปปา อิตาเลีย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) อย่างไรก็ตาม แม้จะมีพิษสงมากมายยามได้ลงสนาม แต่อาการบาดเจ็บก็ยังเป็นของคู่กายพี่แก ทำให้ลงได้ไม่สม่ำเสมอนัก สุดท้ายอยู่กันได้ 3 ฤดูกาลครึ่ง อินเตอร์ มิลาน ก็ได้ยื่นสัญญาฉบับใหม่ให้ สไนเดอร์ แต่หั่นค่าเหนื่อยไปกว่าครึ่ง ซึ่งเจ้าตัวปฏิเสธทันที "งูใหญ่" ไม่มีทางเลือกจึงตัดใจขายให้ กาลาตาซาราย ในช่วงต้นปี 2013 ด้วยค่าตัว 7.5 ล้านยูโร หยุดสถิติการลงเล่นให้ อินเตอร์ ไว้ที่ 116 นัด ซัด 22 ประตู กับ 6 โทรฟี่ 5.รองแชมป์โลก ศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ สไนเดอร์ ในวัย 26 ปี คือกำลังสำคัญของทัพ "อัศวินสีส้ม" พาทีมเข้าไปได้ไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่น่าเสียดายที่ต้านทานความแข็งแกร่งของ สเปน ไม่ไหว แพ้ไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 ประตู ทำให้เป็นได้แค่รองแชมป์โลก แต่เจ้าตัวก็ได้รางวัลส่วนตัวเป็นการปลอบใจนั่นคือการติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ และเกือบได้รองเท้าทองคำ เพราะอุตส่าห์ซัดได้ 5 ประตู เท่ากับ โทมัส มุลเลอร์, ดาบิด บีย่า และ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน แต่รางวัลตกเป็นของ มุลเลอร์ เนื่องจาก แอสซิสต์ ไป 3 ครั้ง ส่วนอีก 3 คน ทำได้คนละครั้งเท่านั้น 6.กัปตันทีมชาติฮอลแลนด์ สิงหาคม 2012 ภายหลังจากที่ มาร์ค ฟาน บอมเบล ประกาศเลิกเล่นทีมชาติ หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือทัพ "อัศวินสีส้ม" ในเวลานั้น ก็ตัดสินใจเลือกให้ สไนเดอร์ สวมปลอกแขนกัปตันทีมแทน อย่างไรก็ตาม 1 ปีถัดมา ฟาน กัล ก็ตัดสินใจยึดปลอกแขนกัปตันทีมไปให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ แทน 7.ชีวิตที่ กาลาตาซาราย การย้ายมา กาลาตาซาราย ตอนอายุแค่ 29 ปี ทำให้หลายฝ่ายมองว่า เป็นการลดคุณค่าตัวเองเร็วเกินไป เพราะน่าจะยังเล่นกับทีมระดับท้อป ใน 5 ลีกดังของยุโรปได้สบายๆ บ้างก็ว่า กาลาฯ คงให้เงินเยอะ หิวเงิน นู่นนี่ แต่เจ้าตัวก็ไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตาเล่นฟุตบอลที่ตัวเองรัก และทำมันให้ดีที่สุด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือกวาดไป 8 โทรฟี่ ตลอด 5 ฤดูกาล และไปนั่งในใจของแฟนบอล กาลาตาซาราย เรียบร้อยแล้ว 8.รับใช้ชาติครบ 100 นัด สไนเดอร์ ได้มีโอกาสลงเล่นฟุตบอลโลกในปี 2014 ที่ประเทศบราซิล ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ลงรับใช้ชาติครบ 100 นัดพอดี ในเกมนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มที่ล้างแค้นถล่ม แชมป์เก่าอย่าง สเปน ไป 5-1 ประตู ซึ่งพี่แกก็ทำแอสซิสต์ได้ด้วย โดยเป็นการจ่ายให้ อาร์เยน ร็อบเบน ซัดปิดกล่อง น่าเสียดายที่ท้ายสุด สไนเดอร์ ก็ไม่สามารถพา "อัศวินสีส้ม" ไปถึงฝั่งฝันได้ เพราะพ่ายการดวลจุดโทษชี้ขาดต่อ อาร์เจนติน่า ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะชนะ บราซิล 3-0 ในการชิงที่ 3 9.ประกาศอำลาทีมชาติ วันที่ 4 มีนาคม 2018 สไนเดอร์ ได้ออกมาประกาศยุติการรับใช้ทีมชาติฮอลแลนด์ แต่จะขอลงเล่นทิ้งทวนเป็นเกมสุดท้ายในเกมอุ่นเครื่องที่ชนะ เปรู ไป 2-1 ประตู เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2018 หยุดสิติการลงเล่นให้ "อัศวินสีส้ม" เอาไว้ที่ 134 นัด ซึ่งมากที่สุดตลอดกาล และยากที่จะมีใครทำลายลงได้ 10.ปีทองที่สุดในอาชีพค้าแข้ง หากพูดถึงปีทองที่สุดในอาชีพค้าแข้งของ สไนเดอร์ คงจะเป็นปีไหนไปไม่ได้นอกจาก ปี 2009-10 เพราะอย่างที่บอกไป เป็นตัวหลักช่วยให้ อินเตอร์ มิลาน คว้า "ทริปเปิ้ล แชมป์" เท่านั้นไม่พอ ยังซัดถึง 5 ประตู ช่วยให้ ทีมชาติฮอลแลนด์ เข้าถึงนัดชิงฟุตบอลโลก 2010 เจ๋งแค่ไหนไม่รู้แต่กวาดรางวัลส่วนตัวมาเพียบ ไม่ว่าจะเป็น มิดฟิลด์ยอดเยี่ยมประจำปีของยูฟ่า, ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ ฟีฟ่า (ฟิฟโปร), ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ ยูฟ่า, ติดทีมยอดเยี่ยมของศึกฟุตบอลโลก, ได้นักเตะยอดเยี่ยมอันดับ 2 ของฟุตบอลโลก (ซิลเวอร์ บอล) และยิงได้มากที่สุดในทัวร์นาเม้นท์เท่ากับ โทมัส มุลเลอร์ แถมด้วยเป็นนักเตะที่ แอสซิสต์มากสุดประจำฤดูกาลในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกด้วย แต่อย่างที่เราทราบกันดี น่าเสียดายที่เจ้าตัวได้แค่อันดับ 4 ในการเข้าชิง "บัลลง ดอร์" โดยปีนั้นรางวัลนี้ตกเป็นของ ลิโอเนล เมสซี่
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline