logo-heading

ปี 2019 นับเป็นศักราชแห่งการอำลาของตำนานนักฟุตบอลชื่อดังหลายๆ คน โดยรายล่าสุดที่เดินลงจากสังเวียนไปก็คือ ดาบิด บิย่า ตำนานยอดดาวยิงทีมชาติสเปนนั่นเอง และวันนี้สิ่งที่ 'ขอบสนาม' อยากนำเสนอก็คือ 'การพาทุกท่านย้อนกลับไปดู 10 โมเมนต์เด็ดๆ ของชายที่ชื่อ ดาบิด บิย่า' กันครับ

เปิดซิง

ก่อนจะย้ายมา บาร์เซโลน่า และ แอตเลติโก มาดริด หลายคนอาจจดจำชื่อของ ดาบิด บิย่า ในฐานะตำนานของ บาเลนเซีย แต่จริงๆ แล้วพี่แกสร้างชื่อขึ้นมากับ สปอร์ติ้ง กิฆอน เมื่อคุณเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าหนึ่งในโมเมนต์ที่ดีที่สุดก็คือเรื่องของการยิงประตู และแน่นอนว่าประตูแรกในเส้นทางระดับอาชีพคือสิ่งที่คุณจะไม่มีวันลืม สำหรับประตูเปิดซิงของ ดาบิด บิย่า นั้นเกิดขึ้นวันที่ 11 สิงหาคม เป็นวันที่ กิฆอน เสมอกับ ราโย่ บาเยกาโน่ 2-2

ลูกยิงใบไม้ร่วง

พอสร้างชื่อขึ้นมาจนกลายเป็นที่รู้จักทั้งกับ กิฆอน, เรอัล ซาราโกซ่า จนมาถึง บาเลนเซีย ดาบิด บิย่า ถูกมองว่าเป็นกองหน้าที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้นโดยมีค่าเฉลี่ยการพังประตูอยู่ที่ 20 ลูกต่อปี สมัยค้าแข้งอยู่กับ 'ไอ้ค้างคาว' หนึ่งในประตูที่สวยงามและสร้างความฮือฮาได้มากที่สุดคงเป็นเกมที่ยกพลไปเยือน เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ที่ ริอาซอร์ สมัยนั้น บาเลนเซีย เป็นทีมหัวตาราง และ 'ซูเปอร์เดปอร์' ก็เป็นทีมครึ่งบนของตารางเช่นกัน ประตูชัย 1-0 เกิดขึ้นในนาที 2-2 ดาบิด บิย่า ได้บอลอยู่ที่เส้นแบ่งเขตกลางสนาม และอาศัยจังหวะที่ โฆเซ่ โมลิน่า ผู้รักษาประตูของ ลา คอรุนญ่า ออกมาไกลจากเส้นปากประตูก็เลยตัดสินใจส่องไกลครึ่งสนาม และสุดท้ายนั่นคือประตูชัยพา บาเลนเซีย เฉือนชนะไป 1-0

บุฟฟ่อน ก็ บุฟฟ่อน เหอะ !

ช่วงเบรกทีมชาติเมื่อตอน มีนาคม 2008 สเปน มีคิวเปิดบ้านเตะเกมอุ่นเครื่องรับการมาเยือนของ อิตาลี ที่ตอนนั้นมีแต่ตัวน่ากลัวๆ แทบทุกตำแหน่ง ถึงแม้จะเป็นศึกใหญ่ระหว่างบิ๊กเนมแต่มีแค่ประตูเดียวเท่านั้นที่เกิดขึ้นในวันนั้นและก็มาจาก ดาบิด บิย่า นี่แหละ โดยเป็นจังหวะที่ สเปน โยนยาวเข้าไปกรอบเขตโทษ ก่อนจะโดนแนวรับของ อิตาลี โขกสกัดออกมาได้ แต่เหมือนมันจะไม่พ้น และ ดาบิด บิย่า ก็ยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ บริเวณริมเส้นกรอบโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะวอลเลด้วยซ้ายเต็มข้อบอลพุ่งแสกหน้ายอดนายทวารอย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน จนเหวอไปเลย

ดาวซัลโวสูงสุดทีมชาติ สเปน

ได้โอกาสรับใช้ชาติเกิดทัพ 'กระทิงดุ' อยู่ราว 12 ปีสำหรับ ดาบิด บิย่า พอถึงวันที่ 25 มีนาคม 2011 พี่แกยิงได้ 2 ประตูในเกม ยูโร 2012 รอบคัดเลือก ที่เจอกับ สาธารณรัฐเช็ก และนั่นทำให้เขาทำลายสถิติของ ราอูล กอนซาเลซ ก้าวไปเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติสเปน ที่ 46 ประตู (สถิติของ ราอูล คือ 44 ประตู) ก่อนสถิติจะคงที่อยู่ที่ 59 ประตูจากกการลงเล่น 98 นัดเมื่อรีไทร์

ความสำเร็จกับ สเปน

สเปน ได้ชื่อว่าชาติที่น่าที่กลัวที่สุดในโลกช่วงปี 2008 ถึง 2012 เพราะมีเหล่าบรรดาแข้งพรสวรรค์สูงระดับเทพหลายคนซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ดาบิด บิย่า นี่แหละ การจับคู่กับ เฟร์นานโด ตอร์เรส ณ ตอนนั้นจัดว่าเป็นคู่หูมหาประลัยเลยทีเดียว ศึก ยูโร 2008 บิย่า โชว์ฟอร์มได้เข้าตามากๆ โดยได้รางวัล โกลเด้น บูท ประจำทัวร์นาเมนต์จากการซัดไปทั้งหมด 4 ประตู และก็ได้แชมป์ ยูโร ครั้งแรกในชีวิตด้วยถึงแม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมในรอบชิงชนะเลิศที่ชนะ เยอรมัน 1-0 เพราะเจ็บต้นขา แต่ถ้าไม่ได้เขา สเปน ก็อาจมาไม่ถึงจุดนี้ก็ได้ เท่านั้นยังไม่พออีก 2 ปีต่อมา บิย่า ก็เถลิงบัลลังก์แชมป์โลกสมัยแรกในชีวิตได้เช่นกันในปี 2010 ที่ แอฟริกาใต้ เขายิงได้ 3 ประตูในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนจะมาซัดประตูชัย 2 นัดติดในรอบน็อคเอาท์ที่เฉือน โปรตุเกส 1-0 เช่นเดียวกับการชนะ ปารากวัย 1-0 พร้อมสร้างสถิติกลายเป็นผู้เล่นของ สเปน คนที่ 5 ที่ยิงประตูใน ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย แตะหลัก 5 ประตูได้ โดยคนที่ทำได้ก่อนหน้านี้จะมี เอมิลิโอ บูตราเกนโญ่, เฟร์นานโด เอียร์โร่, เฟร์นานโด มอริเอนเตส และ ราอูล กอนซาเลซ

ประตูชัยตอกฝาโลงใน UCL 2011

เมื่อประสบความสำเร็จในนามทีมชาติมาแล้วสิ่งต่อไปที่ต้องมีประดับไว้ก็คือความสำเร็จในนามสโมสรบ้าง และการย้ายมา บาร์เซโลน่ามันก็สนองนีดความต้องการของ ดาบิด บิย่า ได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ลา ลีกา, โกปา เดล เรย์, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ สโมสรโลก สิ่งที่เป็นโมเมนต์ไฮไลท์สุดๆ สำหรับ บิย่า ก็คงเป็นศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ปี 2011 ที่ บาร์ซ่า เจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ เวมบลี่ย์ ซึ่งเกมนี้จริงๆ พี่แกนับว่ามีโอกาสเยอะมากๆ แต่ก็เปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้สักทีไม่ว่าจะเป็นยิงไปตรงตัว เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ยิงไม่ตรงกรอบ และถากเสา มีให้เราเห็นทุกรูปแบบ แต่ท้ายที่สุดความพยายามของ บิย่า ก็เป็นผล โดยในนาที 70 ลิโอเนล เมสซี่ ลากจี้เข้าริมกรอบเขตโทษ ก่อนจะจ่ายให้ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ จากนั้นก็ม้วน 1 จังหวะและไหลให้ บิย่า จับหนึ่งจังหวะแต่ตั้งใจปั่นโค้งๆ ให้บอลเสียบมุมเป็นประตูดับฝัน 'ปีศาจแดง' 3-1

เอล กลาซิโก้

การได้เล่นให้ บาร์เซโลน่า สิ่งที่คุณหวังว่าจะต้องเจอก็คือการมีส่วนใหญ่ในแมตช์หยุดโลกอย่าง เอล กลาซิโก้ ซึ่งสำหรับ ดาบิด บิย่า นั้นค้าแข้งอยู่ในรั้ว คัมป์ นู 3 ซีซั่นแต่มีเกม เอล กลาซิโก้ เกิดขึ้นถึง 17 ครั้งด้วยกัน โดยพี่แกได้ลงเล่นไป 8 นัด ยิงได้ 3 แอสซิสต์ 2 และแต่ละลูกที่ยิงได้ก็จัดว่าแจ่มๆ ทั้งนั้นเลยด้วยไม่ว่าจะเป็นลากจี้เข้าซ้ายตัดเข้าในแล้วปั่นเสียบสามเหลี่ยม, มีลูกฟรีคิก รวมถึงการเข้าทำสุดสวยก่อนจบด้วยการเข้าชาร์ตโดยตัวพี่แกเอง

ความท้าทายช่วงบั้นปลาย

หลังจากความท้าทายในแดนบ้านเกิดที่ สเปน เริ่มไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น และขณะเดียวกันนั้นก็เป็นช่วงที่โรยราด้วย ดาบิด บิย่า ก็ตัดสินใจออกไปหาความท้าท้ายครั้งใหม่ยังต่างแดนกับ นิวยอร์ค ซิตี้ ใน สหรัฐอเมริกา ตอนปี 2015 ถึงแม้ตอนนั้นอายุจะปาเข้าไป 32-33 ปีแล้วแต่กาลเวลาทำอะไรชายคนนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะสถิติการพังประตูของพี่แกก็ยังถล่มทลายเหมือนเดิม และในเวลาแค่ 4 ปี บิย่า ก็ก้าวไปเป็นดาวซัลโวสูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสรที่ 80 ประตู ยังไม่จบแค่นั้นเมื่อ บิย่า เสร็จภารกิจที่แดนมะกันดูเมือนแพสชั่นในเกมลูกหนังจะยังไม่หมด ก่อนจะตัดสินเลือกย้ายมาค้าแข้งกับอดีตเพื่อนเก่าที่ บาร์เซโลน่า อย่าง อันเดรส อิเนียสต้า ณ ที่ วิสเซล โกเบ และเรื่องของมาตรฐานฝีเท้าก็ยังคงเส้นคงวาไม่มีตก เพราะในวัย 37 ปี บิย่า ก็ซัดไปได้ 12 ประตูจาก 26 เกม

แขวนสตั๊ด

“ที่ผมจัดงานแถลงข่าวก็เพื่อที่จะประกาศว่าผมจะยุติเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพหลังจบซีซั่นนี้ ผมคิดเรื่องนี้อยู่นานจนตัดสินใจไปปรึกษากับครอบครัวและคนที่ให้การสนับสนุนผม” “จริงๆ สภาพร่างกายผมยังโอเคนะ แถมยังเล่นได้ดีด้วย ผมทุ่มเทได้อย่างเต็มที่ และทำประตูสำคัญๆ ให้กับทีมได้มากมาย แต่สุดท้ายผมคิดว่ามันถึงเวลาต้องเลิกเล่นฟุตบอลได้แล้ว ดีกว่าให้การแข่งขันกำหนดให้ผมเลิกเล่น และตอนนี้มันก็เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว” นี่คือข้อความสุดท้ายจาก ดาบิด ดิย่า หลังจากโลดแล่นอยู่ในเส้นทางค้าแข้งราวๆ 19 ปีเลยทีเดียว

คนที่มีอิทธิพลมากที่สุด

การจะทำอะไรสักอย่างให้ประสบความสำเร็จแบบไปจนสุดทางบางทีการมีคนให้คำปรึกษา, เป็นที่พึ่งเป็นที่ระบาย หรือ คอยสนับสนุนก็เป็นสิ่งที่สำคัญ สำหรับ ดาบิด บิย่า แล้วคนที่มีอิมแพ็คมากๆ ก็คือ หลุยส์ อราโกเนส 'โค้ชทุกคนมีอิทธิพลกับผมหมดแหละ แต่ หลุยส์ อราโกเนส คือคนที่ให้โอกาสผมและมีอิทธิพลมากที่สุด' สำหรับ อราโกเนส ก็เป็นคนที่เรียกตัวและให้โอกาส ดาบิด บิย่า ติดทีมชาติสเปน เมื่อปี 2005 และก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีในทุกๆ เรื่อง ด้วยประสบการณ์อันโชกโชนของแกทั้งในฐานะนักเตะและผู้จัดการทีมนับเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ บิย่า เติบใหญ่จนกลายเป็นหนึ่งในสุดยอดกองหน้าของโลก
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline